บทที่ 36 (2) – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 36 (2) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย ปลายสายพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของผู้ป่วยรายหนึ่ง ว่ากันว่าวันนี้สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยรายนั้นไม่พอใจและอารมณ์ร้อนพาลลงไม้ลงมือกับหมอ
สวีซุ่ยหนิงได้ยินปลายสายพูดเช่นนั้น เห็นกันอยู่ว่าหมอถูกทำร้าย แต่ทว่าในขณะนั้นหมอก็ยังควบคุมสติอารมณ์เอ่ยปลอบโยนฝ่ายคู่กรณี ภายในใจเกิดความรู้สึกอึดอัดอย่างไม่อาจเอ่ยคำพูดใดออกมาได้
ในความเป็นจริงแล้วอาชีพหมอ เป็นอาชีพที่มีความรับผิดชอบสูง หน้าที่การงานของพวกเขามีความกดดันสูงมาก ทั้งยังข้องเกี่ยวกับชีวิตของผู้คน
และกลุ่มคนเหล่านี้ ต่างก็ใช้ชีวิตอยู่บนปลายมีดที่แหลมคม
ดังนั้นสวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าสำหรับรูปแบบการใช้ชีวิตของเฉินลู่นั้นดูเป็นผู้ชายเลวทรามก็จริง แต่สำหรับหน้าที่การงานของเขา เธอยังเคารพและชื่นชม
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายใจ "ฉันว่าคนคนนี้ ช่างเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อ หากว่าฉันมีแฟนเป็นหมอ แล้วถ้าเขาทนทุกข์ทรมานแบบนี้ แม้ว่าเขาจะทนได้ แต่ฉันไม่อาจทนได้อย่างแน่นอน ฉันจะต้องไปจัดการฝ่ายคู่กรณีแน่"
เฉินลู่หมดคำจะพูด ร่างกายเล็กกะทัดรัดแบบเธอ เมื่อถึงเวลานั้นคงจะไปอย่างเปล่าประโยชน์แล้วถูกฝ่ายตรงข้ามจัดการแทน
สวีซุ่ยหนิงพบว่าตลอดทางท่าทีของเฉินลู่นั้นเย็นชามาก เขาไม่พูดจากับเธอเลยแม้แต่คำเดียว
เธอครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นเอ่ย "เฉินลู่ นายกำลังอารมณ์ไม่ดีเหรอ?"
ท้ายที่สุดเฉินลู่ก็ชำเลืองมองเธอและเอ่ยอย่างเฉยเมย "เธอคิดมากไปแล้ว"
จากนั้นไม่กี่นาทีถัดมา รถก็จอดในโรงจอดรถของบ้านเฉินลู่ เขาปลดล็อครถและก้าวเท้าลงไปทันที
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "นายอารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไร?"
เฉินลู่รูปร่างสูงโปร่ง แขนยาวขายาว เขาเดินนำหน้าเธอไปและเพิกเฉยต่อเธอ
สัญชาตญาณของสวีซุ่ยหนิงบอกว่าอาจเป็นเพราะเรื่องของเสิ่นเจวียนหรือไม่ก็เป็นเพราะลั่วจือเห้อ ในขณะที่กำลังคิดหามูลเหตุ สายโทรศัพท์จากจางอวี้ก็ดังขึ้น ไม่รู้ว่าปลายสายกินอะไรผิดสำแดง เธอดูกระตือรือร้นมาก "แม่นางสวี เธอไปไหนอีกแล้วคะ?"
"ตอนนี้อยู่ที่บ้านของเฉินลู่"
จางอวี้ผงะไปชั่วขณะ เธอเอ่ย "ว่าแล้วไง ว่าแล้วว่าเฉินลู่ต้องพาเธอไปแน่ๆ"
สวีซุ่ยหนิงจ้องมองชายที่อยู่ด้านหน้า เขาเดินด้วยความเร็วแสง เธอกล่าว "ฉันรู้สึกว่าเขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไร"
"เฉินลู่คงมีอาการหึงหวง เธอกับลั่วจือเห้อยักคิ้วหลิ่วตากันไปมา เขาจะมีหน้าอารมณ์ดีได้ไง?" จางอวี้เอ่ยด้วยท่าทีเข้าอกเข้าใจ "ชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนหึงหวงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เธอน่ะเป็นของเขา จะไปเล่นหูเล่นตากับลั่วจือเห้อก็ไม่เหมาะสมแล้ว"
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกราวกับว่ามีหม้อขนาดใหญ่วางอยู่บนศีรษะของเธอ "ฉันไปยักคิ้วหลิ่วตากับลั่วจือเห้อตั้งแต่ตอนไหน?"
"ก็จริง ดวงตาของเธอน่ะมองใครก็ดูเหมือนยั่วสวาทเขาไปเสียหมด"
สวีซุ่ยหนิง ".........."
เธอวางสายจางอวี้ในทันใด จากนั้นก้าวเท้าเข้าไปในบ้านของเฉินลู่ ครั้งก่อนเธอเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง พอจะคุ้นเคยอยู่บ้าง สวีซุ่ยหนิงหาห้องของเฉินลู่พบ เธอยืนหน้าประตูและจะเปิดประตู ทว่ากลับพบว่าเขาล็อคประตู
สวีซุ่ยหนิงลงมายังด้านล่าง เธอนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นครู่หนึ่ง
ยี่สิบนาทีถัดมา เฉินลู่ลงมาด้านล่าง เขาสวมชุดนอนอย่างเช่นปกติ เขาเดินเข้าไปในครัวและเปิดขวดน้ำแร่ จากนั้นนั่งลงบนโซฟา เขาหยิบโทรศัพท์โทรถามเรื่องหมอที่ถูกญาติผู้ป่วยทำร้าย
สวีซุ่ยหนิงไม่ได้รบกวนเขา เธอรอให้เขาคุยโทรศัพท์เสร็จ จากนั้นเธอจึงเอ่ยปากถามด้วยท่าทีลังเล "นายไม่ชอบให้ฉันเจอลั่วจือเห้อเหรอ?"
เฉินลู่วางนิตยสารลง เขาพลิกตัวและร่างกายของเธออยู่ภายใต้อาณัติของเขา มือทั้งสองข้างของเธอถูกยกขึ้นเหนือศีรษะและเขาก็จับมันไว้อย่างนั้น ในทุกครั้ง เฉินลู่จะชอบกัดเธอ เมื่อกัดเสร็จเขาก็จะจูบ เมื่อจูบเสร็จแล้วเขาก็จะกัดอีก
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งสองห่างหายไปจากกัน สวีซุ่ยหนิงค่อนข้างมีปฏิกิริยาตอบโต้
เฉินลู่เปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ทั้งสองจ้องมองกัน เขาเอ่ย "ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าระหว่างเธอกับฉัน เธอดูมีความสุขมาก ทั้งยังดูกระตือรือร้นมากกว่าฉัน?"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยชื่นชมเขาอย่างไม่ลังเล "ก็ทักษะนายเยี่ยมยอดมากนี่ ฉันมีความสุขกับมันมากจริงๆ"
เฉินลู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ร่างกายของทั้งสองถูกปกคลุมอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ผ้าคลุมบริเวณเอวของทั้งสอง วิวทิวทัศน์ภายใต้ผ้าห่ม ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลย
เพียงแต่สามารถมองเห็นได้ถึงคลื่นกระทบที่ปั่นป่วนและแรงกำลังของการควบม้าของเหล่ากองทัพ
สวีซุ่ยหนิงกัดฟัน เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามหน้าผาก แขนทั้งสองของเธอคล้องคอเฉินลู่ไว้แน่น
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อสวีซุ่ยหนิงเห็นว่าเฉินลู่กำลังจะพลิกตัวและเตรียมจะเข้านอน เธอรีบโน้มตัวเข้าหาเขาและเอ่ย "นายไม่ควรยุ่งเกี่ยวชีวิตส่วนตัวของฉันจนมากเกินไป"
เฉินลู่เอ่ยอย่างเย็นชา "ให้พูดตามตรงคือเธอยังอยากติดต่อกับลั่วจือเห้อเป็นการส่วนตัวว่างั้นเถอะ"
"ฉันไม่ได้จะยั่วยวนเขานี่" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี ฉันก็แค่หวังว่านายจะให้ฉันได้ติดต่อกับเขา แต่ถ้านายไม่อยากให้ฉันเจอจริงๆ ฉันก็คงจะไม่ไปเจอ"
เฉินลู่กล่าว "เธอไม่ได้คิดจะยั่วยวนเขา แต่ทุกครั้งที่เจอเขาเธอกลับหน้าแดง?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...