เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 41

สรุปบท บทที่ 41 (2): เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

บทที่ 41 (2) – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 41 (2) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“ เซี่ยจยาอี๋ วันนี้เธอกับเฉินลู่มาด้วยกันหรอ” เพื่อนร่วมชั้นถาม

“ใช่”

“งั้นเธอก็สนิทกับเฉินลู่สิ”

เซี่ยจยาอี๋พูดด้วยรอยยิ้ม “คนยุ่งอย่างเฉินลู่ กว่าฉันจะเจอเขาครั้งหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ก็เพราะบังเอิญเจอเขาบนเครื่องบิน ก็เลยได้มาด้วยกัน”

เธอหยุดแปบหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “เฉินลู่ เรื่องที่เจ้านายของฉันอยากทำงานร่วมกับพ่อของนาย อย่าลืมกลับไปบอกให้ฉันด้วยนะ โบนัสของฉันปีนี้ขึ้นอยู่กับโครงการนี้แล้ว”

เฉินลู่ไม่พูดอะไรออกมานอกจากเงยหน้าขึ้นมองสวีซุ่ยหนิงที่อยู่ตรงข้ามเขา เมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ดีจึงขมวดคิ้ว

สวีซุ่ยหนิงหันไปมองเขาอย่างรวดเร็ว แต่สายตาของเธอเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าปฏิเสธที่จะพูดกับเขา

“เธออยู่บริษัทไหน” เฉินลู่มองกลับมา และถามเสียงเรียบ

“ลู่หลิน”

เฉินลู่พูด “ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เฉินซื่อกรุ๊ปไม่ทำงานร่วมกับบริษัทเล็ก”

“ฉันรู้ดีอยู่แล้ว แต่เรารู้จักกันไม่ใช่หรอ ฉันก็เลยหวังว่านายจะพอช่วยยกเว้นได้” เซี่ยจยาอี๋พูด

เฉินลู่พูด “เธอน่าจะรู้ดี การช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ถึงจะเรียกว่าคอนเน็คชั่น แต่การช่วยเธอฉันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ฉันไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ได้ประโยชน์”

รอยยิ้มของเซี่ยจยาอี๋แข็งทื่อเล็กน้อย และสีหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็แฝงไปด้วยความหมายบางอย่างทันที นี่หมายความว่ายังไงกัน ทุกคนพอจะเดาอะไรออกแล้ว มีเพียงฝ่ายเดียวที่แกล้งทำเป็นสนิทกัน และพูดเกินจริง ส่วนเฉินลู่ก็ขี้เกียจให้ความร่วมมือ

ยังไงนี่ก็เป็นงานแต่งงานของเหลียงเล่อ สวีซุ่ยหนิงจึงพูดเบี้ยงเบนเปลี่ยนหัวข้อเรื่องไป “ทุกคนลองชิมอันนี้สิ มูสผลไม้อันนี้อร่อยมาก เรื่องงานเอาไว้ค่อยคุยกันก็ได้”

ไม่ว่าเซี่ยจยาอี๋จะฟังยังไง เธอก็ยังรู้สึกว่าสวีซุ่ยหนิงจงใจเยาะเย้ยตัวเอง

เธอที่โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะระบายความโกรธใส่สวีซุ่ยหนิง เธอยิ้มอย่างเสแสร้งและพูดว่า “สวีซุ่ยหนิง โรงเรียนของเธอดูแลครูดีมากเลยนะ ซื้อกระเป๋าได้ทีละหลายแสนหยวนสบายๆเลย นี่เป็นเงินเดือนของคุณครูเดือนเดียวหรอ”

สวีซุ่ยหนิงชะงัก และพูดเสียงเรียบ “ฉันไม่ได้ซื้อ”

“แฟนซื้อให้หรอ” เซี่ยจยาอี๋พูด “คนที่ซื้อกระเป๋าใบนี้ได้ ครอบครัวธรรมดาที่มีรายได้ปีละล้านคงซื้อให้ไม่ได้ เพราะไม่มีคุณสมบัติที่จะซื้อเลยด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นทายาทเศรษฐีแน่ พอดีเลยฉันรู้จักทายาทเศรษฐีในเมืองaเยอะมาก เธอลองบอกซิ ไม่แน่ฉันอาจจะรู้จักก็ได้นะ”

สวีซุ่ยหนิงพูด “เธอรู้จักแน่นอน”

เซี่ยจยาอี๋พูด “เธอพูดชื่อออกมาดีกว่านะ”

เฉินลู่เหลือบตามองผู้หญิงที่นั่งตรงข้าม และหันไปพูดกับเพื่อนที่นั่งข้างสวีซุ่ยหนิงว่า “เปลี่ยนที่นั่งกันได้ไหม”

เพื่อนร่วมชั้นไม่เข้าใจเหตุผล แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรนอกจากลุกขึ้นและยกที่นั่งให้กับเฉินลู่

การกระทำนี้ดูไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เพราะคนที่ไม่สนิทกันอยากจะนั่งข้างกันมันแปลกเกินไป หรือพูดอีกอย่างก็คือ เฉินลู่ต้องคุ้นเคยกับสวีซุ่ยหนิง

เมื่อเฉินลู่นั่งลงแล้ว เขาก็มองแก้วไวน์ตรงหน้าสวีซุ่ยหนิงและพูด “เพราะบาดแผลของเธอ ตอนนี้ยังดื่มไม่ได้”

“ฉันยังไม่ได้ดื่ม” สวีซุ่ยหนิงจงใจสั่งเขาว่า “ ไปเอาน้ำมาให้ฉันแก้วหนึ่งสิ”

เฉินลู่มองเธอและเทไวน์ในแก้วเธอออก จากนั้นก็ลุกขึ้นไปขอน้ำจากบริกรให้เธอ

สวีซุ่ยหนิงถือโอกาสตอนเฉินลู่ไม่อยู่แสร้งทำเป็นพูดว่า “ฉันคบอยู่กับเฉินลู่ แม่ของเขาเป็นคนซื้อกระเป๋าให้ฉัน มีปัญหาอะไรไหม ไม่ทราบว่าทำไมเธอถึงสนใจเรื่องของฉันขนาดนี้ แต่ในเมื่อเธออยากรู้ฉันก็จะไม่ปิดบังเธอ สมใจอยากเธอแล้วนะ”

สีหน้าของเซี่ยจยาอี๋แย่มาก เธอยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างแข็งทื่อทันที

ท่าทางของทุกคนโดยรอบก็เปลี่ยนไปเป็นเงียบสงบ

ยิ่งสีหน้าของเธอน่าเกลียด สวีซุ่ยหนิงก็ยิ่งมีความสุข และสบายใจมาก

เมื่อเฉินลู่กลับมาแล้วเห็นสภาพของทุกคนในโต๊ะ เขาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขานั่งลงข้างเธออย่างสงบ แล้วถามเหมือนไม่มีใครอยู่ว่า “มูสผลไม้เอาอีกถ้วยมั้ย”

สวีซุ่ยหนิงแอบมองเฉินลู่ เมื่อเห็นเขาไม่ได้แสดงท่าทางไม่เห็นด้วย จึงสั่งเขาตอบว่า “แขนฉันปวด นายแกะกุ้งให้ฉันได้ไหม”

“อืม” เฉินลู่ก็ทำตามเช่นกัน

สวีซุ่ยหนิงเงยหน้ามองเซี่ยจยาอี๋ และยิ้มเยาะเธอโดยไม่พูดอะไรออกมา

รอยยิ้มนี้สามารถแสดงความหมายออกมาได้อย่างชัดเจน เซี่ยจยาอี๋ไม่มีหน้านั่งอยู่บนโต๊ะนี้อีกต่อไป จึงแอบออกไปเงียบๆ

สวีซุ่ยหนิงโล่งใจมาก

เพื่อนร่วมชั้นที่นั่งข้างๆพูดอย่างใส่อารมณ์ “คิดไม่ถึงจริงๆว่าพวกเธอจะคบกัน”

เฉินลู่พูด “หลายๆเรื่องก็มักจะเกินความคาดหมายไม่ใช่หรอ”

“ก็ใช่ แต่พวกเธออย่างกับกิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันมาก” เพื่อนร่วมชั้นคนนั้นอวยพรอีกครั้ง “ขอให้คบกันไปถึงร้อยปีเลยนะ”

เมื่ออีกฝ่ายพูดประโยคอวยพรเสร็จ สวีซุ่ยหนิงก็เห็นว่าดวงตาของเฉินลู่มีประกายบางอย่างฉายแวบขึ้นมา ถึงจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็จับสังเกตได้อยู่ดี

แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเฉินลู่ไม่ได้คิดว่าจะคบกันไปถึงร้อยปี

สวีซุ่ยหนิงก็ไม่ได้คิดเช่นกัน

เฉินลู่ก้มหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา ตอนนี้ผมของเธอเปียกและเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อกี้เธอขอร้องเขาอยู่หลายครั้งให้เบาลงหน่อย แต่เขาก็ไม่ยอม

ในที่สุดเธอก็ทำได้เพียงร่วมมือกับเขา และบางครั้งก็ครางเรียกชื่อเขาจนเขาพอใจ

พูดตามตรงถ้าสวีซุ่ยหนิงจะไปจากเขาตอนนี้ เขาก็ยังทำใจไม่ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความรัก ความผูกพันที่แท้จริงของผู้ชายและผู้หญิงก็คือเรื่องบนเตียงนั่นเอง

เฉินลู่คิดไปคิดมา และกดเธอลงไปกับเตียงอีกครั้ง

สวีซุ่ยหนิงหลบและพูดว่า “เฉินลู่ ไม่เอาแล้ว”

“วันนี้ฉันแกะกุ้งแล้วก็เทน้ำให้เธอ ไม่มีค่าตอบแทนหรอ” เฉินลู่ก้มลงจูบหน้าผากของเธอ เมื่อเห็นว่าเธอยังคงปฏิเสธจึงขมวดคิ้ว

“เฉินลู่ ให้ฉันพักหน่อย ฉันไม่มีแรงแล้ว” สวีซุ่ยหนิงพูดอย่างหมดแรง

เฉินลู่ขึ้นมาจูบเธออีกครั้ง และในที่สุดความอ่อนโยนที่ปฏิเสธได้ยากก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะยอมแพ้ แต่ก็ยังคงพูดออกมาว่า “ให้ฉันนะ”

เฉินลู่ก้มลงจูบเธออีกครั้งแล้วพูดว่า “ได้ไหม”

สุดท้ายสวีซุ่ยหนิงก็ไม่มีแรงปฏิเสธเขา ในสมองของเธอคิดอยู่อย่างเดียวว่า ที่อาบน้ำไปดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์

ในเมื่อนั่งเครื่องบินมาทั้งวัน ทำให้ตอนนี้เหนื่อยแล้ว เมื่อผ่านไปไม่นานสวีซุ่ยหนิงจึงหลับไป และเฉินลู่ก็ปล่อยให้เธอซบเขาอยู่อย่างนั้น เขายังไงเขาก็ไม่ควรรังแกคนป่วย

เมื่อนอนไปได้สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เฉินลู่พลิกตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ซึ่งก็เป็นข้อความของโจวอี้ เธอขอยืมเงินเขา

เขาขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบกลับไป

ครู่ต่อมา โจวอี้ก็โทรหาเขา

เสียงโทรศัพท์ทำให้สวีซุ่ยหนิงที่นอนข้างๆตื่นขึ้นมา

เธอขยี้ตาและถามว่าใครโทรมา

เฉินลู่ตอบอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีใคร”

สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆเขาก็เย็นชาขึ้นมา แต่คิดได้ไม่นานเธอก็พลิกตัวหลับอีกครั้ง

แต่จู่ๆเฉินลู่ก็พูดขึ้นมา “เธอรู้เรื่องที่ฉันเลิกกับโจวอี้ใช่ไหม ที่จริงตอนนั้นเธอไม่ได้นอกใจ ฉันต่างหากที่เข้าใจผิด ตอนนั้นฉันโกรธมาก เพื่อที่จะเอาคืนเธอ จึงได้ให้เธอแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ชายแท้ โจวอี้ไม่มีทางมีอะไรกับเขา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน