สรุปเนื้อหา บทที่42 – เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
บท บทที่42 ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ในหมวดนิยายการโต้แย้ง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เหลียงเล่อชักมือกลับ แล้วเอ่ย: "ไม่คิดเลยว่านายคบอยู่กับสวีซุ่ยหนิง"
เฉินลู่เงียบ
เหลียงเล่อลืมไม่ลงจริงๆ งานโรงเรียนปีนั้น เขาซื้อดอกไม้ตั้งใจจะไปสารภาพกับสวีซุ่ยหนิง ในตอนที่เดินผ่านสวนดอกไม้เล็กๆ ด้านหลังโรงเรียน กลับได้เห็นเด็กสาวในดวงใจของตัวเองยืนเอาหลังพิงอยู่กับต้นไม้ และกำลังจูบกับเด็กหนุ่มตัวสูงหน้าตาดีคนหนึ่งอย่างร้อนเร่า
มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มคนนั้นโอบเอวเธอ ส่วนมืออีกข้างยันกับต้นไม้เอาไว้ เขาถอนจูบ เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น: "ไม่งั้น พวกเราไปเปิดห้องกันมั้ย? ฉันอยากทำแบบนั้นกับเธอ"
ดอกไม้ในมือเหลียงเล่อร่วงสู่พื้น
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงก็เลยหันหน้ามา กวาดสายตามองดอกไม้แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา แววตาเย็นชา
ในตอนนั้นเหลียงเล่อไม่เคยคิดเลย ว่าคนคนนั้น จะเป็นคนที่ใครๆ ก็ลือกัน ชายหนุ่มที่รักหญิงสาวคนเดียวมานานหลายปีอย่างเฉินลู่
เฉินลู่มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาเสียงเรียบ: "เธอเมา แต่ว่า นายจีบเธอมาเป็นเดือนๆ แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเธอดูไม่มีความคิดที่อยากจะพัฒนากับนายเลย"
ตอนนั้นเหลียงเล่อแทบจะวิ่งหนีไป และเขาก็ไม่เคยอยู่กับสวีซุ่ยหนิงแบบสองต่อสองอีกเลย
ต่อให้หลังจากนั้น เขาจะรู้ว่าเฉินลู่ก็แค่อยากรู้อยากลอง หรือไม่ก็อาจจะโดนคนในใจปฏิเสธไปหลายครั้ง เลยอยากลองหาความสุขจากคนอื่นบ้าง สรุปคือไม่ใช่เพราะชอบสวีซุ่ยหนิง แถมผ่านไปไม่นาน เฉินลู่ก็ไปคบกับสาวในดวงใจของตัวเองด้วย เหลียงเล่อเองก็ไม่ได้กลับไปยุ่งกับสวีซุ่ยหนิงอีก
"ฉันนึกว่า ตอนนั้นนายไม่ชอบเธอ ตอนนี้ก็คงไม่มีทางชอบเธอ" เหลียงเล่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระด้าง "เมื่อวานเห็นพวกนายอยู่ด้วยกัน ฉันแอบตกใจนิดหน่อย"
ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ชอบสวีซุ่ยหนิง
เฉินลู่ก็ยังไม่ได้อธิบายอะไรมากเหมือนเดิม เพียงผงกหัวให้เขา และรอจนสวีซุ่ยหนิงส่งข้อความมาว่าใกล้เรียบร้อยแล้ว เขาถึงเข้าไปในห้องรับรองเพื่อจัดการให้เสร็จ
ตอนที่สวีซุ่ยหนิงเอ่ยลา เธอยังคงทำท่าว่ายังไม่อยากกลับ ทุกคนมาจากทั่วทุกสารทิศ เลยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก
และเพื่อแสดงให้เข้ากับสวีซุ่ยหนิง ตอนที่ออกมา หลังจากที่เฉินลู่จับมือเธอแล้ว เขายังเอากระเป๋าของเธอมาสะพายอีกด้วย
ตอนที่เห็น สีหน้าของเซี่ยจยาอี๋แข็งค้าง
เฉินลู่เอ่ย: "เพื่อนของหนิงหนิงก็คือเพื่อนของฉัน ต่อไปถ้าเกิดมีอะไรให้ช่วย บอกได้เลย"
เซี่ยจยาอี๋เกร็งมากกว่าเดิม
สวีซุ่ยหนิงฉีกยิ้มสวยให้เธอ
เดินไปถึงประตู เธอก็บังคับตัวเองให้ยิ้มไม่ไหวอีกต่อไป เธอดูอารมณ์ดีไม่น้อย เธอใช้มือข้างที่ทั้งสองคนจับมือกันไว้ ถูไปกับฝ่ามือของเฉินลู่ แล้วเอ่ยขึ้น: "หมอเฉิน วันนี้คุณเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ"
เฉินลู่ขี้เกียจจะใส่ใจเธอ
ทั้งสองคนไปเอากระเป๋าเดินทางที่โรงแรม ตอนที่ไปถึงสนามบิน ก็บังเอิญเจอกับเซี่ยจยาอี๋อีก ครั้งนี้เธอไม่ได้เข้ามาทักทาย แต่รีบเดินไปห่างๆ
เฉินลู่ลองถามขึ้น: "ทำไมเธอถึงแกล้งเธอ?"
สวีซุ่ยหนิงตอบ: "ก็คือ คนที่เธอชอบ ชอบฉัน เธอก็เลยแค้นฉันละมั้ง"
เฉินลู่ถาม: "เหลียงเล่อ?"
สวีซุ่ยหนิงพยักหน้า แล้วเอ่ย: "ผู้ชายที่พึ่งพาได้ มีอนาคตแล้วก็หน้าตาค่อนข้างดีแบบรุ่นพี่เหลียงเล่อ ผู้หญิงชอบเยอะแยะไป ภรรยาของพี่เขาก็เป็นคนที่ตามจีบพี่เขาก่อน ว่าไปแล้วพี่เขาก็นับเป็นเทพบุตรเหมือนกันนะ"
เฉินลู่ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ในสายตาของเขา เหลียงเล่อก็แค่ทั่วๆ ไป เขาไม่ได้คุยถึงข้อดีข้อเสียของผู้ชายคนอื่นอีก ไม่มีความน่าสนใจในการพูดคุย
สวีซุ่ยหนิงเองก็ไม่ได้พยายามจะหาอะไรมาคุย ขึ้นไปบนเครื่องบินก็หลับตาพักผ่อน ส่วนอีกคนก็ใส่หูฟังฟังเพลง
ตอนแรกเฉินลู่ต้องออกไปทำงานต่างเมือง แต่ต้องไปช้ากว่าเดิมเพราะแผลของสวีซุ่ยหนิง ครั้งนี้ดูเหมือนว่าแผลของเธอหายจนเกือบจะดีเหมือนเดิมแล้ว ก็เลยไปได้
ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็เปิดเทอมแล้ว เธอต้องกลับไปสอน เลยกลับไปเมืองa ความจริง ทั้งสองเจอกันไม่บ่อยนัก
จางอวี้เอ่ยต่อ: "เขาตกใจเรื่องเธอจะตาย ตกใจเสียจนดูผิดปกติ ที่จริงในเวลาปกติ เขาก็แค่พยายามรักษาระยะห่าง ไม่ค่อยแสดงท่าทีอะไรเพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่าห้ามชอบเขา"
ในเมื่อผู้ชายพยายามรักษาระยะห่าง ผู้หญิงต่อให้บ้าบิ่นแค่ไหนก็ไม่ได้บ้าขนาดนั้น แต่ถ้าผู้ชายพยายามแอบแสดงท่าที ผู้หญิงเองก็คงขายหน้า
จางอวี้ขยับมาข้างเธอแล้วเอ่ย: "คงไม่ใช่เพราะลั่วจือเห้อกลัวว่าจะพึ่งแต่เขา เจตจำนงของเขาอาจจะไม่ชัดเจน ก็เลยรักษาระยะห่างกับเธอหรือเปล่า? ที่จริงฉันจำได้ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเธอเคยเป็นแฟนของเจียงเจ๋อ เขาก็ไม่ได้ทำตัวห่างเหินกับเธอขนาดนี้"
สวีซุ่ยหนิงถอนหายใจ: "ความคิดของผู้ชายเดี๋ยวนี้เดาได้ยาก เลิกเดาได้แล้ว สิ่งที่เธอเดากับความจริงอาจจะห่างไกลเป็นหมื่นเป็นพันลี้ก็ได้"
แผลของสวีซุ่ยหนิงยังไม่หายดี ทุกสองสามวันเธอต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาลครั้งหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้ที่ไปเฉินลู่ไม่อยู่ เมื่อสองวันก่อนเฉินลู่บอกเธอแล้ว เขาต้องไปทำงานต่างเมือง
แต่ว่าหลังจากเรื่องในครั้งนี้คุณหมอในโรงพยาบาลก็รู้จักเธอกันไปไม่น้อยแล้ว ค่อนข้างคุ้นเคยกับเธอพอสมควร
พยาบาลที่เคยดูแลเธอ แกล้งแหย่เธอ: "ก่อนที่หมอเฉินจะไป หมอเฉินได้มากำชับฉันเรื่องทำแผลให้คุณด้วยนะคะ กลัวว่าฉันจะทำงานได้ไม่ดี"
สวีซุ่ยหนิงเพียงแค่หัวเราะ
ถึงเฉินลู่จะไปทำงานต่างเมือง แต่เขาก็ยังติดต่อเธออยู่ ทุกวันตอนเย็นเขาจะโทรมาคุยประมาณครึ่งชั่วโมง เรื่องที่คุยกันก็เป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป มาทำแผลครั้งนี้ เฉินลู่ไม่ได้เตือนแค่พยาบาล ยังเตือนเธออีกด้วย กลัวว่าเธอจะลืมเวลา
เธอทำแผลเสร็จแล้ว เฉินลู่ก็โทรมาพอดี
ถามว่าเธอทำแผลเสร็จหรือยัง จากนั้นก็วางสายไป
ที่จริงตอนนี้เฉินลู่กำลังประชุมอยู่ สายนี้ ทำให้เจี่ยงหนานตั๋วมีแววตาอ่านยาก
เฉินลู่ไม่เคยออกไปคุยเรื่องส่วนตัวในเวลาประชุม
รอจนกระทั่งประชุมเสร็จ เจี่ยงหนานตั๋วที่กำลังเดินออกไปข้างนอกกับเขา ถึงได้ถามขึ้น: "เฉินลู่ นายตั้งใจจะแต่งงานกับสวี่ซุ่ยหนิงเหรอ?"
ประโยคนี้ทำให้เฉินลู่ชะงักฝีเท้า ในใจของเขามีเสียงร้องเตือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...