บทที่ 43 (1) – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 43 (1) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เฉินลู่หันกลับมามองเจี่ยงหนานตั๋ว เอ่ยอย่างไร้อารมณ์ "นายยุ่งมากเกินไปแล้ว"
"เธอเข้ามาขวางมีดไว้เพื่อช่วยนาย เพราะต้องมีความรู้สึกกับนาย แต่ว่านะเฉินลู่ นายแยกออกไหมว่าอะไรคือชอบ" เจี่ยงหนานตั๋วมองเขาแล้วพูดต่อ "ตอนนี้ตัวนายแค่ลงทุนไปเล็กน้อย หากวันไหนไม่อยากลงทุนต่อแล้ว นายแค่กำจัดมลทินออกไปนายก็สะอาดแล้ว แต่ถ้าสวีซุ่ยหนิงต้องล้มลงไป เธอจะเจ็บมาก"
เฉินลู่เอ่ยอย่างเฉยเมย "ฉันแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทำไมต้องสนใจด้วยว่าเธอจะเจ็บหรือไม่เจ็บ"
เจี่ยงหนานตั๋วมวดคิ้วตอบ "เฉินลู่ เธอเคยช่วยนายนะ"
"เธอเคยช่วยฉัน ฉันก็สามารถมีวิธีการอื่นที่จะแสดงความขอบคุณเธอได้" เฉินลู่มองเขาอย่างครุ่นคิด "นายเป็นห่วงเธอมากเกินไปแล้วรึเปล่า"
เจี่ยงหนานตั๋วขบริมฝีปากแน่น และไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
เฉินลู่พูดอย่างจี้ใจดำ "ดูๆแล้วสวีซุ่ยหนิงก็ตรงเสปคนายอยู่นะ"
สีหน้าเจี่ยงหนานตั๋วพลันเปลี่ยนในทันที เขาเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก "ฉันก็แค่รู้สึกว่าเธอน่าสงสาร"
ที่จริงเขาก็รู้ว่า ตัวเองทำเกินไป
ตอนนี้สถานะของเฉินลู่และสวีซุ่ยหนิงคือคู่รักหนุ่มสาวที่คบหากัน ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างเขาจะเข้ามายุ่ง
เพียงแต่ สภาพสวีซุ่ยหนิงที่โดนมีดในวันนั้นทำให้คนปวดใจไม่น้อย เขาเพียงหวังว่าเธอจะไม่ต้องเสียใจ
เฉินลู่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่วันนั้นที่กลับไป และผ่านร้านแบรนด์เนม เจี่ยงหนานตั๋วเห็นว่าเขาเข้าไปดูของเอง
เมื่อพนักงานถาม เขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงปกติเลยว่า "ซื้อให้แฟนครับ"
เจี่ยงหนานตั๋วก็เลยรู้ว่าเฉินลู่ไม่พอใจที่เขาสนใจเรื่องสวีซุ่ยหนิง จึงเอ่ย คำว่า"แฟน"คำนี้ออกมาเพื่อเตือนเขา
เขาเลยไม่เอ่ยถึงชื่อสวีซุ่ยหนิงอีก
...........................
ขณะที่สวีซุ่ยหนิงเพิ่งจะจบคาบสอน ก็ได้รับข้อความจากเฉินลู่ที่ส่งมา
เธองุนงงเล็กน้อย แล้วจึงหยิบอุปกรณ์การสอนกลับไปที่ห้องพักครู เพื่อนร่วมงานคนเธอที่ไม่มีคาบสอน ก็ลงจากตึกไปพร้อมกับเธอด้วย เมื่อสวีซุ่ยหนิงเดินมาหน้าประตูมหาลัยก็กำลังจะส่งข้อความหาเฉินลู่ จึงเห็นรถของเขาที่จอดอยู่แล้ว
เพื่อนร่วมงานเอ่ยขึ้น "อาจารย์สวี เราพักอยู่แถวเดียวกัน เราเรียกรถกลับด้วยกันเถอะ"
สวีซุ่ยหนิงมองรถเฉินลู่ครั้งหนึ่ง ก็เอ่ยขึ้น "เพื่อนฉันมาแล้วน่ะ เดี๋ยวฉันให้เขาแวะไปส่งเธอด้วย"
เมื่อเธอพาเพื่อนร่วมงานของเธอไปถึงด้านข้างรถคันหรู อีกฝ่ายก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
สวีซุ่ยหนิงเปิดประตูหลังรถแทนเธอ หลังจากเพื่อนร่วมงานขึ้นไปบนรถแล้ว เธอถึงได้ไปทางที่นั่งข้างคนขับ เมื่อติดเข็มขัดนิรภัย เธอก็เห็นว่าเฉินลู่มองไปด้านหลังครั้งหนึ่ง
แล้วยังถามอีกว่าเธอพาคนที่อยู่ด้านหลังมาทำไม
"อาจารย์โจว เธอพักอยู่ที่ไหนเหรอ" เธอถาม
อีกฝ่ายก็แจ้งสถานที่หนึ่งไป
สวีซุ่ยหนิงก็ตอบเฉินลู่ "เป็นเพื่อนร่วมงานฉันเอง รบกวนนายไปส่งเธอด้วยนะ"
เฉินลู่เองไม่ได้พูดอะไรเยอะ ก็สตาร์ทรถขับออกไป
"เหมือนนายจะไปต่างเมืองมาห้าวัน"
"อือ" เฉินลู่หมุนพวกมาลัยด้วยมือข้างเดียว พลางเบนสายตามองมาที่เธอ "แผลเป็นไงบ้าง"
สวีซุ่ยหนิงก็ตอบไปตามตรง "เดิมทีก็ดีขึ้นแล้ว แต่สองวันก่อนก็เจ็บขึ้นมาอีก"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย "นี่ยังกลางวันอยู่เลย"
เฉินลู่ตอบ "แค่จะดูแผล"
สวีซุ่ยหนิงก็กลัวว่าตัวเองจะดิ้นจนไปโดนเข้า จึงปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ เฉินลู่ตรวจดูเสร็จก็ไปหยิบกล่องยาจากห้องหนังสือมาเปลี่ยนให้เธอ
เธอรู้สึกว่าเทคนิคของเขาดีกว่าพยาบาลเสียอีก
สวีซุ่ยหนิงจดจ้องไปที่ข้อต่อมือที่ชัดเจนนั้นของเขาอยู่สองครั้ง แล้วเอ่ย "มือนายยาวมาก"
เฉินลู่นิ่งไปเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ "งั้นถ้าเทียบกับของด้านล่างเธอชอบอันไหนมากว่ากัน"
สวีซุ่ยหนิงเอียงศีรษะ พลางเอ่ย "ฉันไม่ชอบของแปลกๆ ทำไมต้องใช้ของสิ่งอื่นมาทำเรื่องแบบนั้น"
เฉินลู่ดึงเสื้อให้เธอเรียบร้อย ก้มลงวางมือบนร่างเธอแล้วพูดว่า "ฉันอยากจะลองปากของเธอมาก"
สีหน้าสวีซุ่ยหนิงพลันซีดขาว เธอยื่นมือไปดันหน้าอกเขาไว้ พร้อมกับพูดขึ้น "ฉันรับเรื่องนี้ไม่ไหว เฉินลู่ ฉันรู้ว่านายสามารถเล่นได้ดีและมีความอยากรู้อยาลองอย่างมาก แต่ฉันทำไม่ได้จริงๆ
เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินลู่ถูกเธอปฏิเสธ จึงยากที่จะไม่รู้สึกขัดใจ "ถ้าฉันต้องการจะลองจริงๆล่ะ"
สวีซุ่ยหนิงขบริมฝีปาก "งั้นนายก็ไปหาคนอื่น"
เฉินลู่กระตุกมุมปากอย่างเย็นชา "งั้นเธอก็ดูใจจะกว้างมากที่เอ่ยปากยอมโดนสวมเขา"
สวีซุ่ยหนิงสัมผัสได้ถึงความทุกข์ในคำพูดของเขา จึงทำได้แค่เปลี่ยนเรื่องคุย "นายไปทำงานนอกสถานที่ เจียงหนานตั๋วก็กลับมาพร้อมนายรึเปล่า
เฉินลู่กวาดสายตามองเธออย่างไม่เข้าใจ "ฉันรู้สึกว่าเธอจะสนใจเรื่องผู้ชายอื่นดีจังเลยนะ"
[1] ภววิสัย หมายถึง สิ่งที่มีพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...