ตอน บทที่ 43 (2) จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 43 (2) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่เขียนโดย จิ่นอวิ๋น เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเธอถูกปรักปรำ เธอเพียงเอ่ยถึงถามเพื่อนร่วมงานของเขาก็เท่านั้น ปกติแล้วเธอเคยให้ความสนใจกับผู้ชายที่ไหนกัน
ต้องบอกเลยว่าเฉินลู่นั้นยกระดับและพัฒนารสนิยมสุนทรียศาสตร์ของเธอ อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็รู้สึกว่าน้อยนักที่ใครสักคนจะเป็นหนุ่มหล่อในสายตาของเธอ
เฉินลู่มีความต้องการอย่างแรงกล้า ไปทำงานนอกสถานที่มาห้าวัน เมื่อกลับมาแน่นอนว่าไม่มีทางนอนเฉยๆแล้วหลับไปแน่ ตกดึกเมื่อประชุมผ่านวิดีโอเสร็จสิ้น เธอดึงชุดนอนขึ้นมาปกปิดร่างกายไว้อย่างมิดชิด
สวีซุ่ยหนิงยังคงกลัวว่าเฉินลู่จะให้เธอใช้ปาก แต่ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ใช้วิธีดั้งเดิม เขาชอบกัดและขบเม้มเธอเบาๆเหมือนเช่นเคย
ในผ้าห่มของเขา กลิ่นของเขาอบอวลเป็นอย่างมาก สวีซุ่ยหนิงไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่รู้ว่าผู้ชายทุกคนจะมีกลิ่นตัวอบอวลอย่างรุนแรงแบบนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่หอม เพียงแต่ให้ความรู้สึกว่าตัวเธอนั้นกำลังนอนอยู่ในที่ของคนอื่น
ไม่น่าแปลกใจที่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เนื่องจากกลิ่นของคนอื่นนั้นทำให้รู้สึกอึดอัดมากจริงๆ
ในปีนี้ นักเรียนของสวีซุ่ยหนิงกำลังจะจบการศึกษา แต่ทว่าเรื่องของการฝึกงานยังไม่เสร็จสิ้น เธอหันกลับไปมองเฉินลู่และเอ่ย "หมอเฉิน นายช่วยฉันเรื่องหนึ่งได้หรือเปล่า?"
ทันทีที่เธอหันกลับมา มือของเฉินลู่ก็วางลงบนหมอนของเธอ เขาชำเลืองมองและไม่ได้พูดอะไร
"ฉันมีนักเรียนสองสามคนที่กำลังจะต้องฝึกงานในปีนี้ นายรู้จักคนเยอะแยะ นายช่วยฉันแนะนำพวกเขาได้หรือเปล่า?" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย
เฉินลู่กล่าว "หากพวกเขาหางานไม่ได้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาไร้ทักษะและความสามารถ เธอจะร้อนรนแทนพวกเขาทำไม?"
"นักเรียนของฉัน ฉันหวังว่าพวกเขาจะต้องมีความสามารถและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน นายช่วยหน่อยนะ" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "มีโอกาสใช้เส้นสาย ใครบ้างจะไม่คว้าไว้"
เฉินลู่ชำเลืองมองเธอและกล่าว "นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและทักษะของเธอ"
เขากำลังเอ่ยเป็นนัยว่าให้เธอเข้าหาเซี่ยซี แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เข้าใจความหมายของเขา เธอใช้เท้าเกี่ยวพันขาของเขาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เอ่ยถามด้วยความลังเล "นายพูดถึงความสามารถและทักษะแบบนี้เหรอ?"
ลมหายใจของเฉินลู่หนักหน่วงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานนักก็ใช้เท้าเตะเท้าของเธอออก ไปทำงานนอกสถานที่มาทั้งอาทิตย์ เหนื่อยเจียนตาย ในตอนนี้เขาไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอีกครั้งแล้ว
"สงบสติอารมณ์หน่อย" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
".........." สวีซุ่ยหนิงขยับไปด้านข้างเล็กน้อยด้วยความเขินอาย โอเค เธออาจจะคิดผิด
สวีซุ่ยหนิงตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เห็นกระเป๋าสองใบตั้งอยู่ภายในห้อง ป้ายแบรนด์ยังคงอยู่ เธอคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่ากระเป๋านี้อาจจะซื้อมาให้เธอ
ในเวลาอาหารเช้า เธอเอ่ยถามเฉินลู่ เขาชำเลืองมองเธอและย้อนถาม "หรือว่าฉันกำลังคบกับคนอื่นอยู่งั้นเหรอ?"
สวีซุ่ยหนิงสามารถปอกลอกเฉินลู่ได้ทีละน้อย กระเป๋าสองใบนี้รวมแล้วก็ประมาณห้าถึงหกหมื่นหยวน
เขานั้นค่อนข้างใจป๋ากับผู้หญิงมากจริงๆ
"คืนนี้แม่ของฉันให้เธอไปทานอาหารเย็นที่บ้านของฉัน" เฉินลู่กล่าวอีกหนึ่งประโยคก่อนที่เขาจะไปทำงาน
สวีซุ่ยหนิงพยักหน้าและบอกว่าเธอจะนั่งแท็กซี่ไป แต่ทว่าเมื่อถึงเวลา เฉินลู่ก็ยังคงมารับเธอ
เธอมาที่บ้านตระกูลเฉินครั้งแรก เธอค่อนข้างไม่เป็นตัวของตัวเอง อย่างไรเสียชื่อเสียงของตระกูลเฉิน เธอเองก็ได้ยินมานานหลายปีแล้ว
เซี่ยซีและคุณย่าเฉินเข้ามาทักทายเธอด้วยความอบอุ่น "หนิงหนิงรีบเข้ามานั่งเถอะ ย่าเตรียมของว่างไว้ให้เธอแล้ว"
สวีซุ่ยหนิงยิ้มและเอ่ย "ขอบคุณค่ะคุณย่า"
เธออยู่คุยเป็นเพื่อนคุณย่าครู่หนึ่ง จากนั้นพบว่าเมื่อเฉินลู่กลับมาที่บ้าน เขาก็ยังเย็นชาและเฉยเมย
สวีซุ่ยหนิงนั้นสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฉินลู่และเซี่ยซี พูดคุยกันเพียงสองประโยคก็นับว่าดีแล้ว แต่ด้วยความไม่สนิทสนม มีความรู้สึกเหินห่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
เฉินลู่ดูไม่เหมือนคนในครอบครัวนี้ด้วยซ้ำ ท่าทีของเขาเหมือนกับว่าไม่สนใจต่อสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย
สวีซุ่ยหนิงชำเลืองมองเขา เธอเห็นว่าเขาดูเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเธอกล่าวว่าเธออยากจะออกไปเดินเล่นด้านนอก
คุณย่าเฉินเอ่ย "อาเฉิน หนิงหนิงไม่คุ้นเคยกับที่นี่ แกพาเธอออกไปเดินเล่นรอบๆเถอะ"
เฉินลู่พยักหน้าและพูดกับสวีซุ่ยหนิง "ไปเถอะ"
กระทั่งเธอและเขาเดินออกมาที่ประตูใหญ่ บ้านตระกูลเฉินใหญ่โตมาก บริเวณด้านหลังคือสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ในไม่ช้าสวีซุ่ยหนิงก็มองเห็นชิงช้า
เธอกอดเขาในท่าทางแบบนี้ ง่ายนักที่สามารถสัมผัสได้ว่าเขานั้นมีรูปร่างที่ดีมาก สวีซุ่ยหนิงไม่รู้เลยว่าหมออย่างเขา เอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกาย
แท้จริงแล้วเธอนั้นยังไม่รู้จักเฉินลู่ดีนัก ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขา จะบอกว่าสนิทก็คงสนิท จะบอกว่าไม่สนิทก็คงไม่สนิท
เธอเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ เฉินลู่กลับเหยียดมือมาเชยคางของเธอ เขาเอ่ยอย่างแฝงความนัย "เธอบอกว่าอยู่ข้างฉัน อีกเดี๋ยวเมื่อถึงเวลาเธอคงเปลี่ยนข้างเข้าหาคุณย่าและพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับฉัน"
"ไม่มีทาง ฉันอยู่ข้างนายแน่นอน" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "นายปล่อยฉันก่อน"
เฉินลู่กลับคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ การกระทำนี้ชัดเจนมากว่าต้องการอุ้มเธอ สวีซุ่ยหนิงปฏิเสธการอุ้มแบบเด็กทารกในตอนแรก แต่ในตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว เธอเหยียดมือออกแล้วโอบรอบคอของเขา
"ฉันไปทำงานนอกสถานที่ไม่กี่วัน เธอกินเยอะเลยสินะ" เฉินลู่รับรู้ถึงน้ำหนักของเธอและสัมผัสได้ถึงชั้นเนื้อของเธอ
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าพฤติกรรมของเขาดูไม่ค่อยเป็นทางการ ราวกับว่ากำลังออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม ใบหน้าของเธอแดงอย่างอดไม่ได้
พื้นถนนที่นี่ค่อนข้างลื่น เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง เฉินลู่กลัวว่าเธอจะลื่นล้มแล้วกระทบบาดแผล เขาจึงอุ้มเธอไว้ แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ในระยะที่ไม่ไกลนัก เขาแทบจะปล่อยสวีซุ่ยหนิงลงในทันที
สวีซุ่ยหนิงเองก็เห็นชายคนนั้น ใบหน้าของเขาคล้ายคลึงกับเฉินลู่มาก แต่เมื่อได้ลองเปรียบเทียบกับเฉินลู่แล้ว เขาคนนั้นดูยากที่เข้าจะถึงได้
เธอได้ยินเฉินลู่เอ่ย "พ่อ"
เฉินเจ๋อชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ "ไปห้องหนังสือ"
แม้แต่หางตาของเขาก็ไม่เหลือบมองสวีซุ่ยหนิงเลย
เมื่อเฉินลู่มาถึงห้องหนังสือ เฉินเจ๋อชูเอ่ย "ในปีนั้นเรื่องของโจวอี้ ฉันให้อิสระแกได้เลือก ท้ายที่สุดแล้วการเลือกของแกนั้นก็ไม่ถึงบทสรุปที่ดี ฉันคิดว่าแกไม่น่าจะทำผิดพลาดซ้ำแบบเดิมอีก"
เฉินลู่กล่าว "คุณไม่ต้องกังวลไป การกระทำของผมอยู่ในขอบเขต ผมก็แค่เล่นๆเท่านั้น"
เฉินเจ๋อชูพยักหน้า "ในขอบเขตก็ดี และควรแสดงละครให้ย่าของแกและแม่ของแกสบายใจด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...