ตอน บทที่44 (1) จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่44 (1) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่เขียนโดย จิ่นอวิ๋น เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หลังจากเฉินลู่ฟังเฉินเจ๋อชูจนจบก็แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเอ่ย: "ที่จริงก็ไม่ใช่การแสดง แต่ความรักก็คือความรัก การแต่งงานก็คือการแต่งงาน ผมรู้ตัวดี"
"แกรู้ตัวก็ดี" เฉินเจ๋อชูไว้ใจลูกชายของตัวเอง "แม่กับย่าของแกชอบเธอ พาเธอกลับมาอยู่เป็นเพื่อนทั้งสองคนหน่อยก็ดี พอถึงเวลานั้นก็ค่อยคิดหาเหตุผลที่เลิกกันก็พอ แต่ว่า แกก็อย่าเสียเวลากับเธอนานนัก แกไม่ใช่เด็กแล้ว ถึงเวลาต้องแต่งงานแล้ว"
เฉินลู่เอ่ยถาม: "คุณมีคนที่เหมาะสมแล้วเหรอ?"
เฉินเจ๋อชูหัวเราะ แล้วตบลงบนบ่าของเขา: "ฉันมีลูกชายแค่คนเดียว เรื่องงานแต่งของแกฉันจะไม่ใส่ใจได้ยังไง? ฉันดูคนที่ฉันคิดว่าไม่เลวไว้สองสามคน ถึงตอนนั้นแกก็เลือกมาสักคน ผู้หญิงเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว แกก็รีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเร็วๆ"
เฉินลู่พยักหน้า: "คุณจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะ"
สวีซุ่ยหนิงกำลังนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณย่าเฉินที่ห้องรับแขก ใครจะไปคิด ว่าคุณย่าที่อายุหกสิบจะบ้าดารา
เมื่อสองปีก่อนสวีซุ่ยหนิงเคยไปดูคอนเสิร์ตของดาราที่คุณย่าชอบพอดี ครั้งนั้นเธอได้ของขวัญที่ทางคอนเสิร์ตแจกแฟนคลับกลับบ้านด้วย เธอเลยบอกคุณย่าว่าเธอจะยกของขวัญอันนั้นให้
"ไอ้หยา อย่างนั้นก็ดีสิ" คุณย่าเฉินเอ่ย "ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอายุเยอะแล้ว ฉันจะต้องไปดูคอนเสิร์ตแน่ๆ"
เซี่ยซีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม: "ตอนวันเกิดคุณแม่ เราค่อยเชิญเขามาร้องให้คุณแม่ฟังที่บ้านก็ได้ ดีไหมคะ?"
เธอเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงชายสองคนเดินลงมาจากชั้นบน ทำให้รอยยิ้มของเธอหายไปในทันที
เฉินเจ๋อชูมองเซี่ยซีแล้วถามขึ้น: "ทำไมถึงยังไม่ไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวอีก?"
เซี่ยซีเหยียดยิ้มมุมปาก ยืนขึ้นแล้วก็เดินไปยังโต๊ะ โดยไม่สนใจเขา หลังจากที่นั่งลงก็รีบเรียกสวีซุ่ยหนิงให้ตามมา
เฉินเจ๋อชูกลับเดินไปนั่งลงข้างเธอ ถอดสูทออก ดึงเนกไทลง พร้อมปลดกระดุมที่คอ แล้วเอ่ย: "รอบนี้ไปอยู่เมืองนอกมาเสียนาน ได้ยินมาว่าคุณเล่นไพ่กับคนอื่นแล้วแพ้จนเสียเงินไปหกหลัก?"
เซี่ยซีทำเหมือนเธอไม่ได้ยินเขาพูด แล้วหันไปสั่งให้แม่บ้านยกน้ำแกงมา
ทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
สวีซุ่ยหนิงเหลือบตามองเฉินลู่ ส่วนคนที่ถูกมองก็บีบมือเธอเบาๆ เหมือนว่าเขาไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แล้วให้เธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเซี่ยซี
ไม่นานคุณย่าเฉินก็โดนเฉินลู่พยุงให้มานั่งที่โต๊ะ ส่วนเฉินลู่กลับมานั่งลงข้างๆ สวีซุ่ยหนิง
"นี่คือแฟนของอาลู่ วันนี้ชวนกลับมากินข้าวด้วยกัน แกคิดว่าไง?" คุณย่าเฉินมองเฉินเจ๋อชูยิ้มๆ
เฉินเจ๋อชูเอ่ย: "สายตาของคนแก่อย่างแม่น่ะดีที่สุดแล้ว เธอช่วยอาลู่ไว้ ถือเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเฉิน"
เฉินเจ๋อชูยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วเอ่ย: "ซุ่ยหนิง ฉันขอดื่มให้เธอแก้วหนึ่ง"
เมื่อกี้ที่สวีซุ่ยหนิงเจอเขาที่หน้าประตูบ้าน เธอก็คิดทันทีว่าเขาจะต้องไม่ชอบตัวเองแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้เขาทำเหมือนตัวเองเป็นคนโอบอ้อมอารี ทำให้เธอรู้สึกขนลุกอยู่หน่อยๆ เธอยกแก้วขึ้นด้วยความจำใจ: "ขอบคุณค่ะคุณอา"
แต่เธอยังไม่ทันได้ดื่ม แก้วเหล้าของเธอก็โดนอาลู่แย่งไปเสียก่อน เขาเอ่ยนิ่งๆ: "แผลยังไม่ทันหายดี ดื่มน้ำเปล่าแทนแล้วกัน"
เฉินเจ๋อชูขอโทษอย่างรู้สึกผิด: "เป็นอาที่ไม่รอบคอบเอง"
สวีซุ่ยหนิงรีบโบกมือปฏิเสธ "ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ หนูเองก็ลืมเหมือนกันว่าดื่มไม่ได้"
เฉินเจ๋อชูมองเฉินลู่ แล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อย: "ดูเหมือนว่าแฟนอย่างอาลู่จะใส่ใจหนูดีมาก"
คุณย่าเฉินเอ่ย: "คนเขาเป็นผู้หญิงตัวนิดเดียว อาลู่ก็ต้องดูแลเขาดีๆ ถึงจะถูก ไม่เหมือนแก ไม่รู้จักรักแล้วก็ดูแลเมีย"
เฉินเจ๋อชูมองเซี่ยซีแล้วเอ่ย: "ฉันเอาแต่ทำงานจนไม่ได้ดูแลเธอจริงๆ นั่นแหละ ที่ฉันไปทำงานที่เมืองนอกครั้งนี้ฉันซื้อของขวัญมาชดใช้ให้ด้วย เดี๋ยวเธอค่อยขึ้นไปแกะดูก็แล้วกัน"
เซี่ยซีพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์: "คุณเอาไปให้ผู้หญิงที่เมืองนอกของคุณเถอะ ฉันไม่ได้ขาดของพวกนี้"
เฉินเจ๋อชูตอบ: "ฉันไม่เข้าไปยุ่งหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ล้วนเป็นการตัดสินใจของเฉินลู่ทั้งหมด"
เซี่ยซีเย้ยหยัน: "คุณเลี้ยงให้เขาเป็นสัตว์ประหลาด"
เฉินเจ๋อชูสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเรียบ: "เธอเองก็รู้ ฉันสอนเด็กไม่เป็น ใครใช้ให้เธอจากไปในเวลาแบบนั้นล่ะ เขาไม่มีแม่ ฉันก็เลยต้องสอนตามแบบของฉัน แต่เขาก็เก่งขนาดนี้ ฉันคิดว่าการสอนของฉันมันไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหน"
เซี่ยซีพูดอย่างสงบสติอารมณ์: "ต่อให้เฉินลู่จะโดนคุณทำลายไปแล้ว ฉันก็ไม่เสียใจที่คบกับเขา ที่ฉันเสียใจ คือฉันไม่ได้มีลูกกับเขา ไม่ได้สอนลูกให้เป็นไปตามความต้องการของฉัน คุณคงไม่รู้ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนที่ฉันเห็นว่าเฉินลู่หน้าเหมือนคุณ ฉันเสียใจมากที่ฉันไม่ได้เอาเด็กออก"
สวีซุ่ยหนิงมองเฉินลู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามีสีหน้าดูไม่จืด
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เขาเป็นคนที่ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็นิ่งตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าเขาแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา
ที่จริงตอนแรกพวกเธอกลับไปแล้ว แต่ว่าเฉินลู่ไปได้ครึ่งทางก็หันหัวกลับมาเพราะต้องมาเอาเอกสาร ตอนที่เดินผ่านบันได ก็ได้ยินเสียงที่เซี่ยซีทะเลาะกับเฉินเจ๋อชูเข้าพอดี
"ไปกันเถอะ" เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากที่เอาเอกสารเสร็จแล้ว เขาก็เดินลงไปด้านล่าง
สวีซุ่ยหนิงเดินตามอยู่ด้านหลัง แล้วขึ้นรถไปพร้อมกัน
เขาเงียบตลอดทาง แต่กลับขับรถด้วยความเร็ว
สวีซุ่ยหนิงเองก็ไม่กล้าคุยอะไรกับเขา
ตอนที่ถึงหน้าประตูบ้าน เขาปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกด้วยอารมณ์คุกรุ่นแถมยังไม่สนใจเธอ จากนั้นก็เดินเข้าบ้านไป
สวีซุ่ยหนิงทำอะไรได้เชื่องช้าเพราะว่าเจ็บแผล เธอปลดเข็มขัดช้า แต่หลังจากนั้นเธอก็รีบลงจากรถ เขาเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว ถึงแม้เธอจะรีบตามเขาไปจนเท้าเธอแทบจะมีไฟลุก แต่ก็ยังตามไม่ทัน
#วันนี้จะลงเพิ่มอีกสองบทค่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...