เธอก้มตัวลงหอบหายใจ พลางเอ่ยเรียกเขาคำหนึ่ง "เฉินลู่"
เขากลับไม่ได้สนใจ
สวีซุ่ยหนิงทำได้เพียงตามเขาไป เมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นว่าเขากำลังเปิดขวดโคล่าอยู่ เธอลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินเข้าไปข้างกายเขา
เมื่อสวีซุ่ยหนิงอยู่ต่อหน้าเฉินลู่ที่รูปร่างสูงโปร่ง มองแล้วราวกับเธอเป็นคนแคระเลย
แต่ยีนของครอบครัวเขาก็ดีมากอยู่แล้ว เพราะเซี่ยซีและเฉินเจ๋อชูต่างก็สูงกันทั้งคู่ เปรียบเฉินลู่เป็นเหมือนสีเขียว(คราม)ที่เกิดจากสีน้ำเงิน แต่กลับเด่นกว่าสีน้ำเงิน ส่วนสูง186ของเขาไม่ได้ทำให้น่าแปลกใจเลยสักนิด
"มีเรื่องอะไร" เฉินลู่ถามอย่างไม่ใส่ใจ
ใบหน้าของเขาที่แบ่งสัดส่วนทำมุมได้อย่างชัดเจน เมื่อสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ทำให้ยิ่งยากที่คนจะกล้าเข้าใกล้
คำพูดของเซี่ยซี คงทำร้ายจิตใจเขาไปไม่มากก็น้อย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่โดนแม่ของตัวเองปฏิบัติอย่างเฉยเมย เกรงว่าคงจะไม่ได้มีอารมณ์ที่ดีนัก
"ถ้าไม่ได้มีเรื่องอะไร ตอนนี้ออกห่างฉันให้ไกลหน่อยก็ดี" เฉินลู่เอ่ยเสียงเรียบ
สวีซุ่ยหนิงยืนลังเลอยู่ข้างกายเขาครู่หนึ่ง ถึงค่อยยื่นมือไปโอบเอวเขา ถอนหายใจพลางพูดปลอบเขา "คุณป้าไม่ชอบนาย ต่อไปนายยังมีภรรยานะ ปกติถ้าแม่ไม่รัก ต่อไปก็จะมีภรรยาที่รักมากๆ"
เฉินลู่นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงวางขวดโคล่าไว้ที่เคาน์เตอร์บาร์ พลางโอบเอวเธอด้วยมือข้างนั้นและเลิกคิ้วขึ้น "เธอนี่นำเสนอตัวเองได้ดีจริงๆเลยนะ"
สวีซุ่ยหนิงแย้งขึ้นอย่างตกใจ "ที่ฉันพูดถึงไม่ใช่ตัวฉันเองนะ ฉันจะไปมีคุณสมบัตินั้นได้ยังไง"
"ฉันพูดจริงๆ" เธอพูดอย่างจริงจัง "ฉันมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เดิมทีบ้านเดิมของเขาไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นพี่สะใภ้ดีกับเขามาก แบบชนิดที่ว่าอมไว้ในปากเพราะกลัวจะละลายเลยล่ะ【1】"
เฉินลู่เอ่ย "เธอก็หาเวลามารักฉันสิ"
สวีซุ่ยหนิงตระหนักรู้ดีว่าความหมายของเขา เขาต้องมีความหมายแฝงอื่นแน่ ใบหน้าก็พลันซีดลง เธอรีบผลักเขาออกอย่างพัลวัน
แต่เฉินลู่กลับรีบกอดเธอแน่นขึ้น สุดท้ายก็อุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์บาร์ และยื่นอยู่ระหว่างขาทั้งสองของเธอ แล้วมองเธอที่อยู่เบื้องล่าง เปิดโปงคำโกหกของเธอ "พ่อแม่เธอต่างก็เป็นลูกคนเดียว เธอมีลูกพี่ลูกน้องที่ไหน"
"........." สวีซุ่ยหนิงลูบจมูก น้ำเสียงเบาลงไปกว่าครึ่ง "มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่แซ่สวีด้วยน่ะ เพราะว่าเป็นแซ่สวีเช่นเดียวกัน ห้าร้อยปีก็คงเป็นครอบครัวเดียวกันนั้นแหละ"
เฉินลู่จึงพูดต่อ "ทำไมเธอไม่บอกด้วยล่ะว่าเธอเป็นครอบครัวเดียวกันกับสวีหร่านมาตั้งห้าร้อยปีแล้วด้วย"
เดิมทีก็น่าจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว แต่นายเป็นคนทำลายมันไปไม่ใช่รึไง
เดิมทีถ้าได้ดองกัน มันก็คงจะเป็นเรื่องดีทีเดียว
สวีซุ่ยหนิงเพียงนึกด่าอยู่ในใจ แต่ไม่ได้เอ่ยออกมา
เฉินลู่ถามต่ออย่างสงสัย "รุ่นพี่สวีคนนั้นของเธอชื่ออะไร"
"......." สวีซุ่ยหนิงเริ่มรู้สึกว่า เฉินลู่คนนี้แทบไม่ใช่คนแล้ว เธอกำลังปลอบเขาอยู่แท้ๆ เขากลับมาคาดคั้นหาความจริงเรื่องนี้
นี่ไม่เท่ากับว่าหาเรื่องปวดใจให้ตัวเองหรอกเหรอ
คงเป็นเพราะสมองคนป่วยคิดเรื่องอะไรแล้วก็ไม่เหมือนคนปกติเขาคิดกัน
แจ็กเก็ตบุนวมตัวหน้าที่เธอสวมใส่ เมื่อกลับมาอยู่ข้างเฉินลู่ที่อบอุ่มแล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมนั่นของเธอออก
ดูจากสภาพเขาตอนนี้ เธอก็คงไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ก็ถือว่าได้ประหยัดค่าไฟไปอีก
เธอเองก็รู้สึกเสียดายค่าแอร์ที่ต้องเปิดตลอด24ชั่วโมง
ดังนั้นหากเฉินลู่จะไปพักที่นู้นกับเธอ เธอรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้ม สิ้นเปลืองทรัพยากรของเธอมากเกินไป
"ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะแม่มีคนในใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาคนนั้นจากไป แม่ฉันก็คิดว่าสาเหตุเป็นเพราะพ่อ เธอจึงเกลียดพ่อฉันมาโดยตลอด และพาลไม่ชอบฉันไปด้วย"เฉินลู่เอ่ยปากพูดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...