เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 45

สรุปบท บทที่ 45 (2): เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

ตอน บทที่ 45 (2) จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 45 (2) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่เขียนโดย จิ่นอวิ๋น เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เดิมทีสวีซุ่ยหนิงให้จางอวี้ไปส่งเธอกลับ แต่จางอวี้กลัวว่าเธอไม่มีความสุข เช่นนั้นหล่อนจึงยืนกรานว่าจะไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อขนมให้เธอ โดยกล่าวว่ากินอะไรก็สามารถทำให้จิตใจดีขึ้นได้

ทั้งสองคนเดินเล่นไปทั่วจนกระทั่งพบเจอกับลั่วจือเห้อ

ด้วยระยะที่ห่างไกล เขาเพียงแค่พยักหน้าให้พวกเธอ ไม่ได้เดินเข้ามาทักทาย

สวีซุ่ยหนิงรู้ มีความเป็นไปได้สูงที่ลั่วจือเห้อไม่เข้ามาทักทายเป็นเพราะว่าเธออยู่ด้วย หลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เสิ่นเจวียนกลับจากคอนโดของเธอ ลั่วจือเห้อก็รักษาระยะห่างกับเธอมากยิ่งขึ้น

เห็นได้ชัดว่าจางอวี้เองก็พลันนึกถึงเรื่องของเสิ่นเจวียน เธอเอ่ย "ล่าสุด คุณลุงลั่วเอ่ยปากหยอกล้อถามยัยเสิ่นเจวียนว่าจะแต่งงานกับพี่เห้อไหม เป็นครั้งแรกที่ยัยนั่นไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ"

สวีซุ่ยหนิงชะงัก "ไม่ใช่ว่าหล่อนชอบเฉินลู่หรอกเหรอ?"

"เฉินลู่ก่อเรื่องไม่ไว้หน้ายัยนั่นตั้งมากมาย ไม่นานมานี้ไม่รู้ว่าไปพูดอะไรกับหล่อนไว้ ตั้งแต่นั้นมาเสิ่นเจวียนก็ไม่กล้าไปยั่วยุเฉินลู่อีกเลย" จางอวี้กล่าว "ส่วนพี่เห้อน่ะ ตั้งแต่ยังเด็กก็ประคบประหงมยัยนั่นเป็นน้องสาว แต่งกับพี่เห้อดูเหมือนว่าคงจะมีความสุขที่สุดแล้วล่ะ แต่ว่านะ ฉันคิดว่ายัยนั่นไม่เหมาะกับพี่เห้อเลยสักนิด"

สวีซุ่ยหนิงไม่มีอะไรจะเอ่ย

แท้จริงแล้วสวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าคนอย่างลั่วจือเห้อ เขานั้นเป็นมิตรกับใครต่อใคร แต่เขาเองก็ไร้ความรู้สึกและสามารถเหี้ยมโหดกับทุกคนได้เช่นกัน ราวกับว่าคนอย่างเขานั้นไร้ความรู้สึกของการชมชอบ อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่แม้แต่จะสนใจว่าตัวเองจะได้แต่งงานกับใคร เพียงแค่รู้สึกว่าเหมาะสมเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

และเขาก็ไม่ค่อยชอบให้เธอเข้าใกล้ สวีซุ่ยหนิงย่อมให้ความร่วมมือกับเขา

การพบเจอลั่วจือเห้อนั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้น ในไม่ช้าจางอวี้ก็พาสวีซุ่ยหนิงกลับมาส่ง

เดิมทีสวีซุ่ยหนิงคิดว่าเฉินลู่จะต้องไปดูหนังอะไรสักเรื่องกับคุณหลิน แต่ทว่าเมื่อเธอกลับมายังบ้านของเขา เขาก็อยู่ภายในบ้านแล้ว และเขายังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย

อาจเป็นไปได้ว่าการออกเดตกับหญิงสาวที่เป็นเวิร์กกิ้งวูแมน การดูหนังอาจไม่เป็นที่นิยม

"ทำไมไม่รับโทรศัพท์?" เฉินลู่เช็ดผมของเขาและเอ่ยถามเธอ

"อ่อ อาจจะเพราะว่าโทรศัพท์ตั้งโหมดปิดเสียงไว้ ฉันไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย

เฉินลู่โยนผ้าขนหนูไปด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ เขาก้าวมาหาเธอ มือทั้งสองโอบรอบเอวของเธอไว้ จากนั้นเคลื่อนร่างกายของเธอไปด้านหน้า ใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของเธอ มืออีกข้างหนึ่งบีบคางของเธอไว้ เขาโน้มตัวลงมาประทับจูบแก่เธอ

สวีซุ่ยหนิงเบี่ยงตัวหลบ ท้ายที่สุดจูบของเฉินลู่ก็ประทับลงบนคางของเธอ

เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าการกระทำของเธอนั้นทำให้บรรยากาศโดยรอบอากาศลดฮวบราวสองถึงสามองศา

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ไม่ใช่ว่าวันนี้นายบอกว่าทำโอทีที่โรงพยาบาลหรอกเหรอ ทำไมฉันถึงไปเจอนายที่ร้านอาหารได้ล่ะ?"

เฉินลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ "ไม่ใช่ว่าเธอเองก็เดาเหตุผลออกแล้วหรอกเหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังพูดมันออกมาได้อย่างมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ ภายในใจของเธอทั้งรู้สึกอึดอัดและโกรธเคือง ลมหายใจหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น เธอคิดอยากจะยื่นมือไปผลักเขา แต่เฉินลู่กลับขยับเข้ามาแนบชิดเธอ เฉินลู่ก้าวเท้าเพียงสองสามก้าวพาเธอไปยังเตียงนอน จากนั้นเขาผลักเธอลงบนเตียง

"นายไปนัดบอด นายสามารถบอกกับฉันได้ แต่นี่ทำไมนายจะต้องโกหกฉันด้วย" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "นายบอกว่านายอยากจะลองดู แต่ท้ายที่สุดแล้วทำไมนายถึงไม่ทำให้ฉันรู้สึกเลยว่าระหว่างนายและฉันนั้นมีสิทธิและมีความเท่าเทียมกัน"

เดิมทีเธอไม่ได้โกรธเลย แต่ยิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น นัยน์ตาแดงก่ำ เธอรู้สึกอัดอั้นและโกรธเคืองที่โดนโกหก

เฉินลู่หยิบกระดาษทิชชู่มาแผ่นหนึ่งและซับน้ำตาให้เธอ ทว่าสวีซุ่ยหนิงกลับไม่เห็นสิ่งนี้อยู่ในสายตา เธอเบือนหน้าหนีและเอ่ย "นายกับหล่อนจะตกลงปลงใจกันเมื่อไรล่ะ แล้วนายจะบอกเลิกฉันเมื่อไร?"

เฉินลู่เหยียดมือทั้งสองข้างออกแล้วจับใบหน้าทั้งสองข้างของเธอไว้ ปลดกระดุมคอเสื้อของเธอพลางเอ่ย "ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดจะเลิกกับเธอเลย"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันไม่สามารถเล่นชู้กับนายได้หรอกนะ หากว่านายยังโสดฉันก็พอจะเล่นด้วยได้ แต่ฉันไม่มีทางที่จะไปทำลายครอบครัวของคนอื่น ต่อให้นายจะฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ไม่มีทางตอบรับนายอย่างเด็ดขาด"

เฉินลู่จ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเปิดลิ้นชักและหยิบกล่องใหม่ออกมา เขาเปิดกล่อง จากนั้นเอ่ยอย่างมีความหมาย "ได้เลย ฉันจะลองดูแล้วกันว่าฉันจะสามารถฆ่าเธอให้ตายได้หรือเปล่า"

วิธีการนี้ไม่ใช่แบบที่เธอคิดไว้ และเขายังคงยั่วยวนเธอ

แต่ทว่าสวีซุ่ยหนิงไม่ให้ความร่วมมือ ครั้งนี้เฉินลู่ไม่ค่อยสนุกสักเท่าไร เขาหยุดนิ่งและเอ่ย "เพียงเพราะว่าเห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่ ฉันเลยต้องไปทานข้าวกับเธอ ฉันไม่ได้คิดจะพัฒนาอะไรกับเธอด้วย ที่ฉันไม่บอกเธอเพราะกลัวว่าเธอจะพูดมั่วซั่วทำให้ฉันอารมณ์เสีย ไม่ใช่ว่าฉันจะจับปลาสองมือ"

สวีซุ่ยหนิงไม่เชื่อในความร้ายกาจของเขา เธอจะไม่ยอมถูกเขาเอารัดเอาเปรียบ เธอเอ่ย "คุณหลินบอกว่านายกับหล่อนกำลังนัดบอดกัน"

"ไม่ใช่ว่าพูดไปแล้วเหรอว่าเห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่?" เฉินลู่เอ่ย "ก่อนที่ฉันจะไปก็ไม่ได้คิดอะไรกับคุณหลินเลยด้วย และไม่เคยคิดจะสวมเขาให้กับเธอ เมื่อใดที่ฉันมีคนที่คู่ควรและเหมาะสม ฉันจะพูดกับเธอให้ชัดเจนอย่างแน่นอน"

เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะบังเอิญขนาดนี้ บังเอิญไปพบกับสวีซุ่ยหนิงเข้าพอดี

เฉินลู่เองก็รู้ในขอบเขตของสวีซุ่ยหนิง เขาเองก็ไม่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องไปเหยียบย่ำล้ำเส้นเธอ ยามที่กำลังปลูกต้นรัก แน่นอนว่าย่อมต้องเรียนรู้และเข้าใจกันและกัน

เพียงแต่ว่าเมื่อถูกสวีซุ่ยหนิงก่อก่วน ความคิดที่สวยงามเหล่านั้นของเฉินลู่ก็พลันหายไปในพริบตา

เดิมทีห่างหายกันไปหลายวัน เขาเองก็ค่อนข้างมีความสนใจ

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ต่อให้นายจะไม่อยากอยู่กับหล่อน แต่มันก็คือการนัดบอด นายก็ควรบอกฉันสิ เรื่องนี้ในฐานะแฟนสาวของนายฉันมีสิทธิที่จะรับรู้"

เฉินลู่ชำเลืองมองเธอและเอ่ย "ครั้งนี้ฉันไม่ได้จัดการปัญหานี้ให้ดี หากว่ามีครั้งหน้า ฉันจะพูดคุยกับเธอให้รู้เรื่องก่อน"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "พ่อของนาย ท่านไม่ค่อยชอบในตัวฉันสินะ" ไม่อย่างนั้นในเมื่อลูกชายของตนมีแฟนสาวอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องให้เขาไปนัดบอดด้วยล่ะ

ในความจริงเธอรู้ดี ที่เฉินเจ๋อชูดีกับเธอ ความดีนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก เป็นเพราะว่าเซี่ยซีและคุณย่าเฉินเขาจึงต้องแสร้งทำ

สวีซุ่ยหนิงเอ่ยเตือนเขาสองครั้ง ทว่าเฉินลู่กลับเพิ่มแรงและกำลังมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากของเขาคลอเคลียใบหูของเธอและเอ่ย "ทำให้ที่รักรู้สึกดีก่อน เรื่องอื่นไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจ"

สวีซุ่ยหนิงก็คล้อยตามไปกับเขา อย่างไรก็คือเรื่องของเขา เขาเลือกที่จะไม่สนใจ

......

เฉินลู่ยืนยันกับสวีซุ่ยหนิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะไม่ไปนัดบอดอีก ส่วนทางด้านเฉินเจ๋อชูนั้นก็ยากที่จะอธิบาย

เรื่องราวมากมายต่างถูกพูดถึง แม้ว่าจะไม่ได้บอกชัดว่าเป็นการนัดบอด แต่ในฐานะผู้อาวุโส ผู้อาวุโสจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรต่างก็รู้อยู่แก่ใจ

จู่ๆจะมาบอกว่าไม่ขอเจออีก นี่เป็นการตบหน้าอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ราวกับว่าดูหมิ่นลูกสาวเขาอย่างไรอย่างนั้น

เฉินเจ๋อชูเอ่ย "แกทำให้ฉันไม่มีหน้าจะไปคุยกับลุงและป้าเขาแล้ว"

เฉินลู่เอ่ย "ก็แค่บอกไปว่าในช่วงหกเดือนนี้ผมยุ่งอยู่กับงาน เมื่อถึงเวลาผมจะไปนัดบอดและขอโทษพวกเขาด้วยตัวเอง"

เฉินเจ๋อชูไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แม้แต่เหตุผลเขาก็ไม่ถามถึงด้วยซ้ำ

แต่ไหนแต่ไรเฉินลู่ไม่เคยขัดคำสั่งของเฉินเจ๋อชู แต่งงานก็คือแต่งงาน แต่ในปัจจุบันเขายังไม่มีความปรารถนาที่จะแต่งงาน ดังนั้นแล้วปล่อยให้หัวใจของเขาได้เป็นอิสระสักพัก เขาเองก็ไม่ถือสาเอาความ

ในเมื่อสวีซุ่ยหนิงก็จู้จี้จุกจิกในเรื่องนี้ เขาเองก็คิดว่าการให้ความร่วมมือนั้นก็ไม่ได้มีอะไรผิด อย่างไรเสียเขาเองก็เอ่ยปากว่าต้องการจะลองคบ ในเมื่อเฉินลู่พูดแล้ว เขาต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของเขา ให้ความเท่าเทียมกับเธอตามที่เธอต้องการ

การนัดบอดของเขาถูกเลื่อนออกไป สวีซุ่ยหนิงไปยังบ้านตระกูลเฉินบ่อยขึ้น คุณย่าเฉินเองก็ชอบชวนเธอไปทานอาหารเย็น เมื่อตอนคุณย่ายังสาว คุณย่าทำอาหารเก่งมาก ในช่วงหลายปีมานี้ ไม่ค่อยมีใครเต็มใจกินอาหารฝีมือของเธอแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ชอบทำอาหาร

และสวีซุ่ยหนิงเกิดมาเพื่อเป็นนักชิม ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและคุณย่าเฉินก็พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ

สวีซุ่ยหนิงอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน เธอเห็นเฉินเจ๋อชูอยู่หลายครั้ง ส่วนมากเขาจะพยักหน้าให้เธอด้วยความสุภาพ บางครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณย่าเฉินและเซี่ยซี เขาก็จะพูดคุยกับเธอเพียงสองประโยค

แต่เธอก็รู้สึกว่าเขานั้นน่ากลัว

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายที่ทำธุรกิจมักจะปกปิดความสามารถของตนไว้

สวีซุ่ยหนิงไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก

สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมาก ยังคงเป็นเรื่องครั้งนั้น หลังจากที่เฉินลู่นัดบอด ระยะเวลาผ่านพ้นไปสองเดือนแล้ว ในสองเดือนี้เธอและเขาไม่มีข้อขัดแย้งใดๆกันเลย เป็นเหมือนคู่รักธรรมดาทั่วไป

เฉินเจ๋อชูรู้สึกว่าระยะเวลานั้นค่อนข้างนานเกินไปแล้ว ครั้งล่าสุดที่เขากลับบ้าน เขาเอ่ยเตือนเฉินลู่ "อาลู่ แกเล่นสนุกเกินไปหน่อยแล้ว"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน