เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 47

สรุปบท บทที่ 47: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

ตอน บทที่ 47 จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 47 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่เขียนโดย จิ่นอวิ๋น เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เมื่อเฉินลู่ได้ฟังคำพูดของสวีซุ่ยหนิง เขาก้มหน้าลงจ้องมองดวงตาคู่นั้นของเธอ และพูดเพียงว่า " เชื่อฟังนะ พักผ่อนเถอะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอ"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย " เราคุยกันไม่ได้เหรอ"

รออยู่นานเธอก็ไม่ได้ยินคำตอบกลับ

สวีซุ่ยหนิงเงยหน้าขึ้นมองเฉินลู่ ลมหายใจเขาทอดยาวสม่ำเสมอ เขาหลับแล้ว การปีนเขาเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเยอะ วันนี้เขาจึงเหนื่อยเป็นพิเศษ

แต่เธอกลับนอนไม่หลับ

ภายในสมองของเธอเต็มไปด้วยรูปลักษณ์ของคนเมื่อครู่ เซียงโหยวซินเซิง【1】พูดถูก ผู้ชายคนนั้นมีใบหน้าเศร้า ตำรวจยังบอกอีกว่าเขาจงใจที่จะทุบประตู

เธอไม่คิดออกเลยว่าหากตัวเธอถูกข่มขืนจริงๆ จะเป็นยังไง

เธอคิดตลอดว่าตัวเธอเองไม่ใช่ว่าจะปล่อยวางไม่ได้ แต่หากว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เธออาจจะไม่สามารถออกมาได้

สวีซุ่ยหนิงคิดเรื่องนี้ จนตีสามตีสี่แล้วยังนอนไม่หลับ

เธอปืนขึ้นไปนั่งกอดเขาบนโซฟา รอให้ฟ้าสว่าง และหาเรื่องอื่นทำแทนที่จะต้องไปคิดถึงใบหน้าคนคนนั้น

เพียงแต่นั่งได้ไม่นาน ก็มีมือข้างหนึ่งอ้อมมาปิดตาเธอไว้จากด้านหลัง

เฉินลู่พูดขึ้น "ไปนอน"

สวีซุ่ยหนิงขบเม้มริมฝีปาก "นอนไม่หลับ จะให้ทำไงล่ะ พอฉันหลับตาก็เห็นแต่หน้าคนคนนั้น เขาเป็นพ่อฉันได้แล้วนะ"

เฉินลู่เม้มปากและยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ก้มตัวลงมา กอดเธอไว้อยูบนโซฟา พูดคุยกับเธอ "ถ้านอนไม่หลับฉันจะหาเรื่องอะไรทำเป็นเพื่อนเธอเอง"

สวีซุ่ยหนิงนิ่งไปครู่หนึ่งก็เงยหน้ามองเขา

เฉินลู่ยื่นมือออกมาเริ่มปลดกระดุมคอเสื้อของเธอ หลังจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาค่อยๆวางเธอลงบนเตียง อุณหภูมิของแอร์ค่อนข้างต่ำ เขาใช้ผ้าห่มห่มกายเธอเอาไว้ เขาปลดเปลื้องชุดนอนของเขาอย่างสบายๆ แล้วจึงเข้าไปอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนนั้น

สวีซุ่ยหนิงเบิกตากว้าง น้ำตารื้นขอบตา

เดิมทีวันนี้เฉินลู่ไม่ได้มีความสนใจอะไร เพียงแต่นี้เป็นกิจกรรมที่สิ้นเปลืองพลังงานที่สุด นั้นจะทำให้คนเหน็ดเหนื่อยจนหลับได้ง่าย นี่ถือว่าเขาจะเป็นวีรบุรุษที่กำลังเสียสละชีวิต

เมื่อมาถึงครึ่งทาง จู่สวีซุ่ยหนิงก็พูดขึ้น "ฉันอยากจะนำเอง"

มีเรื่องให้ทำแบบนี้ ก็ไม้ต้องฟุ้งซ้านแล้ว

เฉินลู่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก็ให้เธอขึ้นมาบนกาย

"ผู้ชายอย่างพวกนาย ขาดเรื่องพวกนี้ไปจะตายรึเปล่า" เธอพูดอย่างเกลียดชัง "เคยคิดบ้างไหม ว่ามันจะมีเงาในใจผู้หญิงไปตลอดชีวิต"

เฉินลู่ลุกขึ้นโอบกอดเธอ สายตามองประสานกับเธอ จูบเธอ หลังจากนั้นกดท้ายทอยของเธอให้สบลงบนไหล่เขา พร้อมเอ่ยขึ้น "ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นยังไง ฉันแยกแยะคน ตอนอยู่กับเธอ เรื่องแบบนี้ฉันรอให้เธอยินยอมก่อนตลอดไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอไม่อยากลอง ฉันก็ไม่ได้บังคับเธอ เธอไม่ต้องไปคิดถึงไอ้ผู้ชายคนนั้น มันเป็นแค่เศษสวะของสังคม ฉันไม่ยอมให้มันมารังแกเธอหรอกนะ"

สองแขนของสวีซุ่ยหนิงโอบรอบคอของเขาไว้ ขอบตาเอ่อนองน้ำตา "นายพูดได้อย่างประเปรียวเลยนะ แต่อีกชั่ววิเดียวก็เกือบจะกลายเป็นเรื่องอื่นแล้ว ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะรู้ว่าฉันโดนไปแล้ว แล้วพวกเขาก็ไม่สนด้วยซ้ำว่าคนที่โดนทำร้ายเป็นใคร เพียงทิ้งคำพูดว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีมลทินไปแล้วทิ้งไว้เป็นเงาตามหลังเธออย่างเงียบๆ"

เฉินลู่เงียบไปครู่หนึ่ง "ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ฉันจะแก้ไขมันทิ้งไปแทนเธอเอง ไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้"

คำพูดว่าแก้ไข ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากปกติ สวีซุ่ยหนิงจับมือเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย

"เฉินลู่ ฉันไม่อยากทำแล้ว" เธอเอ่ย

"ไม่อยากทำแล้วก็พักผ่อนเถอะ" เฉินลู่เกลี้ยกล่อมเธอ "หลังจากตื่นขึ้น พวกเราก็จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว และจะไม่มาที่นี่อีก ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไม่ให้มันได้เสนอหน้ามาให้เธอเห็นอีก"

สวีซุ่ยหนิงมองเงาภายใต้ผ้าห่ม พูดขึ้นอย่างลังเล "ต้องการให้ฉันช่วยไหม มือก็ได้"

"ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร คนดีเธอนอนก่อนโอเคไหม"เขาให้เธอได้นอนลง และช่วยห่มผ้าให้เธอ เอามือบังตาเธอไว้ตลอด เพราะกลัวว่าแสงไฟจะรบกวนเธอ

สวีซุ่ยหนิงถูกเขาสวมกอดไว้ ร่างกายแนบติดกับเขา ซึ่งทำให้รู้สึกปลอดภัยมาก เธอเหนื่อยมากจนในที่สุดเธอก็ผล็อยหลับไปภายในชั่วขณะหนึ่ง

วันต่อมาเธอตื่นสาย เมื่อลืมตาขึ้นมา เฉินลู่ไม่ขยับตัวใดๆ มือหนึ่งคอยเป็นหมอนให้เธอ อีกมือเลื่อนดูโทรศัพท์

เมื่อเฉินลู่หันมามองเธอก็พบว่าดวงตาเธอแดงก่ำไปหมดแล้ว เขาขมวดคิ้ว ลุกขึ้นนำผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดเดินเข้าห้องน้ำไป ชุบน้ำเสร็จแล้วก็มาเช็ดให้เธอ

"อาลู่ แกทำไม่ถูกต้องนะ แกเป็นผู้ชาย ทำไมถึงได้ทะเลาะกับภรรยาตัวเอง" คุณย่าเฉินริเริ่มสั่งสอนเขาอย่างเข้มงวด "ภรรยามีไว้ให้ถนอมนะ"

สวีซุ่ยหนิงก็ไม่กล้ามองเฉินลู่ที่กำลังโดนต่อว่า "คุณย่าคะ ไม่เป็นไรค่ะ ทะเลาะเสร็จแล้วเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วค่ะ"

เพียงแต่เรื่องนี้ สำหรับคนคนหนึ่งเหมือนมีเงาตามตัว ที่บอกว่าลืม แล้วจะลืมได้

ผ่านไปหลายวันสวีซุ่ยหนิงก็ไม่สามารถลืมเรื่องนี้ลงได้ ช่วงหลายวันมานี้เฉินลู่เลิกงานกลับบ้านก็ตรงเวลา ทำทุกอย่างไปกับเธอ คอยซื้อของขวัญมากมายให้เธอ แทบจะไม่ให้เธอได้ผ่านช่วงเวลาช่วงค่ำคืนไปโดยลำพังเลย

เธอถึงได้รู้ว่าเมื่อเฉินลู่ยินยอมที่จะถนอมคุณ นั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก

นี่เป็นเพียงครั้งเดียวที่สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเฉินลู่เป็นคนดี เธอเอ่ยอย่างซาบซึ้ง "เฉินลู่ ช่วงหลายวันมานี้ ขอบคุณนายมากๆเลยนะ"

เพียงแต่คำขอบคุณนี้ ไม่ได้ทำให้สีหน้าเฉินลู่เปลี่ยนแปลงไปเลย ในความเป็นจริงนี้กลับส่งเสียงเตือนภายในใจของเฉินลู่ เขานึกถึงเรื่องที่เฉินเจ๋อชูเรื่องการข้ามเส้นนั้นขึ้นมา มันง่ายมากที่จะข้ามเส้นหากไม่ระวัง

"อีกไม่กี่วันฉันต้องไปทำงานต่างเมืองอีก เธอก็พักผ่อนให้มากๆ" เฉินลู่เอ่ยขึ้น

สวีซุ่ยหนิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดิมทีเธอเองก็อยากถามเรื่องการเลิก แต่เฉินลู่มักจะชอบหลีกเลี่ยงคำถามนี้ เธอคิดว่าช่วงนี้เขาอาจจะยังไม่อยากเลิก จึงไม่ได้พูดอะไรมาก "ถ้ากลับมาแล้วก็บอกฉันหน่อยนะ ฉันจะไปรับนาย"

เฉินลู่เพียงส่งเสียง "อือ" วันนั้นใบตอนบ่ายเขาไปที่โรงพยาบาล และเมื่อพบกับหัวหน้า เขาก็เอ่ยถามขึ้น "สามารถเพิ่งโควต้าคนที่จะไปงานแลกเปลี่ยนที่เมือง H อีกคนได้ไหม"

หัวหน้าถามอย่างหน่ายใจ "นายไม่ไปไม่ใช่เหรอ"

"เปลี่ยใจนิดหน่อย" ที่จริง เฉินลู่แค่อยากให้เวลาตัวเองอีกสักหน่อย คิดให้แน่ใจว่าจะทำยังไงเรื่องที่ต้องเลิกกับสวีซุ่ยหนิง

หัวหน้าเอ่ย "ถ้านายต้องการ ก็ไม่ใช่ปัญหา แค่เพิ่มคนคนหนึ่งไป เพราะยังไงก็มีคนยินดีมากที่นายจะไป มีคนมากมายอยากที่จะติดต่อพูดคุยกับนาย"

เฉินลู่พยักหน้า

ช่วงเวลาในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ถือว่านาน ราวๆสองสัปดาห์

เฉินลู่คิดว่า ไม่ติดต่อกับสวีซุ่ยหนิงสักสองสัปดาห์ เธอก็น่าจะรับรู้ความหมายนี้แล้ว

[1] 相由心生 วลีจีนกล่าวไว้ เซียงโหยวซินเซิง ลักษณะของคนเกิดจากจิตใจหนุนส่ง แสดงออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน