อ่านสรุป บทที่48 จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
บทที่ บทที่48 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เรื่องที่เฉินลู่ต้องออกไปทำงานต่างเมือง สำหรับสวีซุ่ยหนิงแล้ว คือเรื่องที่ปกติมาก
ทุกๆ เดือน เขาจะต้องออกไปทำงานต่างเมืองเสมอ แล้วก็ต้องทำงานล่วงเวลาบ่อยจนนับจำนวนครั้งไม่ไหว
สวีซุ่ยหนิงนับถือคนที่ทำอาชีพนี้อย่างเขาจริงๆ งานของพวกเขาหนักมาก ถ้าเปลี่ยนมาเป็นเธอ เธอคงทำได้ไม่นานร่างกายก็รับไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่เฉินลู่ไป เขาก็ไม่ติดต่อมาเลย
สวีซุ่ยหนิงเองก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ว่าเขาไปทำอะไรบ้าง แต่ว่าอีกสองวันข้างหน้าจะต้องโอนเงินให้กับพ่อสวีแล้ว จึงตัดสินใจจะติดต่อเขา แต่กลัวจะรบกวนเขา ก็เลยเลือกโทรตอนเวลาอาหาร
......
โทรศัพท์ของเฉินลู่ส่งเสียงร้อง มันดังขึ้นกลางวงเหล้าเลยดึงความสนใจของคนทั้งหมด
ขณะเดียวกัน มีรุ่นน้องที่ขอดื่มเหล้าให้แก่เขาพอดี เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้รุ่นน้องคนนั้นทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างมีมารยาท: "คุณหมอเฉิน รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้ครับ"
ก็แค่กินข้าว ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้สำคัญเท่าสายที่โทรมา
เฉินลู่มองสายเรียกเข้า แต่เขากลับกดตัดสายทิ้ง แล้วเอ่ย: "ไม่เป็นไร"
เขาดื่มกับรุ่นน้องไปแก้วหนึ่ง
งานสัมมนาวันนี้ เพราะว่ามีเฉินลู่มาร่วม เลยเรียกความสนใจจากผู้คนได้ไม่น้อย หลังจากนั้นเขาก็โดนพวกรุ่นน้องชวนมากินข้าวด้วยกัน ในฐานะรุ่นพี่ แน่นอนว่ายากที่จะเอ่ยปฏิเสธ
"หมอเฉิน ถึงพวกเราจะเรียนหมอในสาขาที่ต่างกัน แต่ว่าหมอก็ยังเป็นแบบอย่างของผม" รุ่นน้องคนนั้นเอ่ย "เปอร์เซ็นต์ในการผ่าตัดสำเร็จของคุณนั้นสูงจริงๆ"
เฉินลู่เรียนจบปริญญาเอกเมื่อสองปีที่แล้ว ทำงานมาจนถึงตอนนี้ และก็ไม่เคยเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
เฉินลู่ยิ้มแล้วก็พูดคุยกับพวกเขาต่ออีกหน่อย
จนกระทั่งหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แซวขึ้น: "หมอเฉิน สายเมื่อกี้แฟนโทรมาเหรอ?"
เฉินลู่ลอบกวาดสายตามองหญิงสาวคนนี้ แต่ไม่ตอบ
พวกเด็กสาวต่างก็อยากรู้อยากเห็นไม่มากก็น้อย ยิ่งกับรุ่นพี่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงยิ่งสงสัย แต่ว่าเฉินลู่ดูเย็นชา คนที่เหลือ ก็เลยไม่มีใครกล้าถามอีก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้น ก่อนจะกลับ เขาได้จ่ายเงินค่าอาหารให้ด้วย
หลังจากที่เฉินลู่กลับถึงโรงแรม สวีซุ่ยหนิงก็โทรมาหาเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขารับสาย
"ทำไมถึงไม่รับสายล่ะ?"
เขาตอบ: "ยุ่งอยู่"
"ยุ่ง ขนาดที่เวลากินข้าวก็ยังไม่ว่างเหรอ?"
เฉินลู่ไม่ตอบ
สวีซุ่ยหนิงเงียบไปแป๊บหนึ่ง แล้วเอ่ย: "เรื่องเงินของพ่อฉัน อย่าลืมโอนไปด้วย"
เฉินลู่เอ่ย: "ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องโทรมาเพราะเรื่องนี้ วางใจเถอะ ฉันโอนเงินให้พ่อเธอตรงเวลาอยู่แล้ว"
สวีซุ่ยหนิงฟังออกว่าจังหวะในการพูดของเขามันแปลกไป จึงถาม: "นายเมาเหรอ?"
"อืม ไปดื่มกับพวกเด็กๆ มา" เฉินลู่นึกถึงใบหน้าของเด็กกลุ่มเมื่อกี้ แล้วเอ่ย "มีเด็กสาวคนหนึ่งหน้าตาดีใช้ได้"
สวีซุ่ยหนิงเงียบ
เฉินลู่ก็ไม่พูดอะไร
ความเงียบแบบนี้ราวกับกำลังบอกอะไรบางอย่างเป็นนัยๆ
หลังจากนั้นสวีซุ่ยหนิงก็ถามขึ้น: "นายถูกใจเหรอ?"
เฉินลู่ถามกลับ: "ถ้าฉันถูกใจ เธอจะทำยังไง?"
"ฉันก็เก็บของแล้วก็ออกไปน่ะสิ" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "เฉินลู่ ถ้านายเบื่อกันแล้ว จะต้องบอกฉันล่วงหน้า"
เฉินลู่นวดหัวคิ้ว เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ชักจะทำตัวน่าหงุดหงิด แล้วเอ่ย: "ไม่มีเธอ ไม่ได้เจอเธอสองอาทิตย์ ฉันคิดถึงเธออยู่เหมือนกันนะ รู้อย่างนี้วันที่ออกมาน่าจะจัดสักยก"
สวีซุ่ยหนิงสวนกลับในทันทีจนลิ้นแทบพันกัน: "ถ้าพวกรุ่นน้องของนายได้ยินว่านายบ้ากามแบบนี้ จะต้องรู้สึกสับสนมากแน่"
"เห็นๆ อยู่ว่าพวกเขาไม่มีทางรู้" เฉินลู่พูดอย่างเหม่อลอย "มีความต้องการตามสัญชาตญาณก็นับว่าเป็นคนบ้ากามเหรอ? อย่างนั้นต้องนั่งอ่านวิจัยกับแฟนหรือไงถึงจะเรียกว่าคนปกติ?"
"แหม ฉันว่านายจะต้องเป็นพวกแต่งตัวเก่งแต่ก็ทำตัวห่างเหิน" สวีซุ่ยหนิงพูดอย่างมั่นใจ แต่ก็แอบคิดในใจว่า: คงจะแอบเก๊กทำเป็นถือเนื้อถือตัว
เธอขึ้นลิฟต์ ตอนที่มาถึงชั้นที่เป็นห้องทำงานของเฉินลู่ ก็เห็นว่าเขากำลังเดินมาจากที่ไกลๆ ตอนที่เห็นเธอ เขาชะงักไป ไม่นานจากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องทำงานไป
สวีซุ่ยหนิงเดินตามอยู่ด้านหลัง เธอเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ถึงเอ่ย: "กลับมาก็ไม่คิดบอกกันสักคำเหรอ?"
เฉินลู่ตอบ: "เมื่อวานกลับมาก็รับเคสผ่าตัด เสร็จแล้วก็ไปพักที่หอ ไม่ได้กลับบ้านเพราะไม่อยากรบกวนเธอ"
"โทรมาเมื่อกี้ก็ไม่รับ"
"เมื่อกี้ก็เข้าผ่าตัดอยู่เหมือนกัน" เฉินลู่ก้มหน้าจัดห้องทำงานของเขา แล้วเอ่ย "สองวันมานี้ยุ่งมาก"
สวีซุ่ยหนิงเม้มปากล่างของตัวเอง มองร่างกายของเขาที่มีชุดกาวน์ตัวสีขาวห่อหุ้มเอาไว้ เธอยังคิดไม่ออกว่าควรพูดอะไร คนไข้ก็เข้ามาด้านในพอดี
สวีซุ่ยหนิงจึงไม่ควรจะรบกวนเขาต่อ เธอยืนรออยู่ที่ประตูเงียบๆ มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง คนไข้ที่เข้าไปหันหน้ามามองเธออยู่หลายครั้ง เฉินลู่พูดออกมาอย่างเย็นชา: "ยังจะอยู่รบกวนการทำงานของฉันอีกเหรอ?"
ที่จริงคนไข้ทุกคนล้วนมีญาติๆ และในเวลาที่คนไข้เข้ามาคุยกับหมอ ญาติพวกนั้นก็จะอยู่ดูหรือฟังที่ประตู เฉินลู่ไม่เคยว่าอะไรพวกเขา สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าเขาทำไปเพราะเป็นเธอหรือเปล่า
เธอก็เลยหมุนตัวแล้วเดินจากไป
สวีซุ่ยหนิงนั่งกินอาหารที่สั่งมาประมาณห้าทุ่ม เฉินลู่ก็กลับมา
เขาเดินผ่านตัวเธอไป แล้วก็ขึ้นไปด้านบนในทันที สวีซุ่ยหนิงนั่งเคี้ยวอาหารทีละนิดและค่อยๆ กลืนมันลงไปในคอ แต่เธอก็ไม่ได้กินอาหารเข้าไปอีก หลังจากนั้นเธอก็ทิ้งอาหารลงถังขยะไป
ในตอนที่ขึ้นไปด้านบน เธอได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ หลังจากที่เฉินลู่ออกมา เขาก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไป
สวีซุ่ยหนิงมองเตียงที่โดนเขายึดพื้นที่เอาไว้เกินครึ่ง แล้วเอ่ย: "พวกเราต้องคุยกัน"
เฉินลู่กลับมีท่าทางเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยตอบ: "มีเรื่องอะไร อีกสองวันค่อยคุยกัน"
ที่จริงตั้งแต่ที่สวีซุ่ยหนิงลงมาจากชั้นบนของโรงพยาบาล เธอก็ได้ยินข่าวมาบ้างแล้ว เหมือนว่าสองสามวันนี้จะมีคนพิเศษบางคนย้ายจากที่อื่นมาประจำกับเฉินลู่ เพราะว่าสถานะของคนคนนั้นค่อนข้างสำคัญและพิเศษ เป็นรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงมาก เขาก็เลยยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น
ดังนั้นพอเขาพูดแบบนี้ สวีซุ่ยหนิงก็เลยไม่ได้รบกวนเขาอีก
เธอกลัวว่ามันจะไปกระทบกับคุณภาพการนอนของเขา แม้แต่จะหลับ เธอยังไปหลับบนโซฟา
ตอนที่เธอตื่นขึ้นในเช้าถัดไป ก็พบว่าตัวเองโดนอุ้มมานอนที่เตียง ส่วนเฉินลู่หายไปแล้ว
อีกสองวันถัดไป เฉินลู่ก็ยังอยู่ในสภาพเดิมๆ ส่วนวันที่สามเขาไม่กลับบ้านเลยทั้งคืน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...