อ่านสรุป บทที่ 49 จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
บทที่ บทที่ 49 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เขาพูดถูก คนอย่างเฉินลู่มีผู้หญิงเข้าหาอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากที่สวีซุ่ยหนิงออกไป เฉินลู่คิดว่ามันเป็นการสิ้นเปลืองพื้นที่สำหรับสิ่งของที่เธอไม่ได้เก็บไปด้วย สักพักเขาก็หาคนมาเก็บทำความสะอาดสิ่งของพวกนั้น
คนทำความสะอาดได้ตรวจสอบกระเป๋าทุกใบ และได้พบภาพวาดปึกหนึ่งอยู่ในกระเป๋าใบหนึ่ง
ในภาพคือเขาทั้งสองคนกำลังเดินขึ้นเขาไปพร้อมกับคุณย่าเฉิน ภาพวาดส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่คุณย่าเฉินยืนอยู่ใต้ต้นท้อ
รูปคู่ที่เขาและเธอถ่ายด้วยกันก็ถูกวาดเข้าไปด้วย ในภาพวาดเขาดูเย็นชามาก ส่วนเธอยิ้มแบบไม่ค่อยเต็มใจ สวีซุ่ยหนิงแสดงท่าทีออกมาได้ค่อนข้างดี มองภาพวาดแวบเดียวก็ดูออกแล้ว
สวีซุ่ยหนิงคงจะเอาภาพวาดไปทำเป็นอัลบั้มเพื่อมอบให้คุณย่าเฉิน
"คุณเฉิน ภาพวาดพวกนี้จะให้เอาวางที่ไหนครับ"
เฉินลู่พูดโดยไม่ลังเล"เอาทิ้งก็ได้ มันไม่ใช่สิ่งของสำคัญอะไร"
ไม่กี่วันต่อมาจางอวี้ก็ได้โทรมาถามเฉินลู่เกี่ยวกับภาพวาด
เห็นได้ชัดว่าสวีซุ่ยหนิงกำลังหลีกเลี่ยงเขาอยู่ ไม่กล้าที่จะถามด้วยตัวเอง
เฉินลู่ก็ไม่ได้ปกปิดอะไร “เธอไม่ใช่คนดังอะไร แค่ภาพวาดไม่กี่แผ่นมันไม่มีค่าอะไรหรอก โยนทิ้งลงถังขยะไปแล้ว”
จางอวี้พูดอ้ำๆ อึ้งๆ "เอ่อ พอดีเธอต้องรีบใช้ เพราะเธอรับปากคุณย่าของนายเอาไว้ ถ้าของยังอยู่ นายอย่าแกล้งพูดแบบนี้เลยค่ะ คืนให้เธอเถอะนะคะ"
เฉินลู่เลิกคิ้วแล้วพูดว่า "เธอคิดว่าผมมีเวลามาสนใจอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?"
ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว จางอวี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาอาจจะทิ้งมันไปแล้วจริง ๆ แถมเธอยังรู้สึกว่าตัวเองพูดเกินไปหน่อยด้วย แม้แต่ตัวของสวีซุ่ยหนิงเองเฉินลู่ยังไม่เห็นคุณค่า สิ่งของของเธอก็คงไม่คุณค่าตามไปด้วย
จางอวี้พูดอีกประโยคหนึ่ง "เฉินลู่ อย่าทำเหมือนเธอด้อยค่าไปกว่านายเลย"
เฉินลู่พูดขึ้นว่า "ถ้าเธอไม่พูดถึงเธอ ภายในสองสามวันนี้ผมก็อาจจะลืมเธอไปแล้ว"
จางอวี้ทำหน้าเหยเก
เธอแอบด่าเฉินลู่ในใจว่าเป็นคนใจร้ายใจดำ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลังจากที่สวีซุ่ยหนิงเลิกกับเฉินลู่ เธอดูผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการ
จางอวี้มาพักที่บ้านของสวีซุ่ยหนิงเป็นเวลาสองวัน ชีวิตของสวีซุ่ยหนิงในแต่ละวันไม่ปลูกดอกไม้ ก็เอาแต่อ่านหนังสือ
งานอดิเรกในชีวิตนี้ของจางอวี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการอ่านและการดูแลสุขภาพเลย ตัวเธอเองไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นยังไง แต่เมื่อเห็นสวีซุ่ยหนิงเป็นแบบนี้ เธอก็อดเสียดายใบหน้าที่สวยงามนี้ไม่ได้
หากเธอสวยเหมือนกับสวีซุ่ยหนิง เธอคิดว่าเธอคงเปลี่ยนแฟนทุกวันได้แบบไม่ซ้ำกัน
ดังนั้นเมื่อจางอวี้เห็นเธอกำลังจะเดินไปดูกระถางดอกไม้ของเธอเป็นครั้งที่ยี่สิบ จางอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ฉันแนะนำผู้ชายคนหนึ่งให้เธอเอาไหม"
สวีซุ่ยหนิงหยุดนิ่งไปพัก หรี่ตาลงแล้วพูดว่า "ฉันไม่ต้องการ"
"ฉันจะบอกให้นะว่าการเลี้ยงผู้ชายไว้เล่นๆ นั้นน่าสนใจกว่าการเลี้ยงดอกไม้ดอกหญ้าของเธอซะอีก ผู้ชายบางคนนะปากหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง คำพูดที่พูดออกมาแต่ละคำอาจทะลุทะลวงเข้าสู่หัวใจของเธอก็ได้นะ"
แค่คิดจางอวี้ก็รู้สึกว่ามีความสุขแล้ว
"เขาจะหลอกเอาเงินเธอนะสิ" สวีซุ่ยหนิงเปิดโปงเธอโดยไม่ลังเล "อีกอย่างนะตอนที่ฉันพบเจอกับเฉินลู่ ก็เป็นวันเดียวกับวันที่เธอพูดว่าฉันเลิกกับแฟนแล้ว แต่เธอยังจะพาฉันไป ผลสุดท้ายแค่ครึ่งทางเธอก็หนีหาย"
มิฉะนั้นเธอก็คงไม่ต้องมีอะไรกันกับเฉินลู่โดยที่เธอเมาไร้สติ
จางอวี้พูดขึ้นว่า "ครั้งนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยนะ เธอไม่ต้องหาแฟนก็ได้ แค่หาคนที่คบเล่นๆ สนุกๆ ก็ได้นี่น่า จะมีความหมายอะไรถ้าไม่เล่นสนุกกับเพศตรงข้าม"
สวีซุ่ยหนิงกลับพูดว่า "ฉันให้เธอถามเขาเกี่ยวกับภาพวาด เขาว่ายังไงบ้าง?"
"เฉินลู่ทิ้งไปแล้ว" จางอวี้รู้ว่าเธอวาดภาพกว่าจะเสร็จนั้นเหนื่อยมาก แต่เธอเลิกกับเฉินลู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเอาใจคุณย่าเฉิน จางอวี้พูดเพิ่มอีกหนึ่งประโยค "เขาขอให้ฉันบอกเธอว่าเลิกกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อเอาใจผู้อาวุโสแห่งบ้านตระกูลเฉินอีกแล้ว แถมเขายังบอกอีกว่าเจตนาแฝงของเธอคืออะไรตัวเธอรู้ดีอยู่แล้ว"
สีหน้าสวีซุ่ยหนิงเปลี่ยนไปในทันที สุดท้ายแค่พูดเบาๆ ว่า "ฉันรู้แล้ว"
ในตอนนี้เธอก็คงคาดไม่ถึงว่าวันนี้จางอวี้ไม่ได้วางแผนที่จะมาเลย แต่บอกเพื่อนร่วมชั้นว่าเธอจะแนะนำให้เขารู้จักกับสาวสวยคนหนึ่ง
ตอนที่มาซ่งเยี่ยนยังงงๆ ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี แต่เมื่อเห็นใบหน้าของสวีซุ่ยหนิงเขาก็เหมือนถูกจุดพลุขึ้นกลางหัวใจของเขา และทันใดนั้นเขาทำตัวเหมือนชายหนุ่มผู้อบอุ่นและบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
ซ่งเยี่ยนชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่าเขาห้าถึงหกปี
สิ่งที่สวีซุ่ยหนิงคาดไม่ถึงก็คือชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นจริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนที่เย็นชาต่อคนอื่นเช่นกัน แต่สีหน้าท่าทางของเขาแสดงได้ดีมาก
ในขณะนั้นจางอวี้ถูกเขาปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
"พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ" สวีซุ่ยหนิงพูด
ซ่งเยี่ยนพยักหน้าแล้วเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพ ทันทีที่สวีซุ่ยหนิงกำลังจะก้าวเดินเข้าไป เธอก็ได้เห็นเฉินลู่กับเฉินเจ๋อชูกำลังเดินออกมา
เมื่อเฉินลู่หันมาเจอเธอ ฝีเท้าของเขาก็หยุดลง
ซ่งเยี่ยนพูดอย่างสนิทสนม "พี่สาวครับ เดินระวังนิดหนึ่งนะครับ ขั้นบันไดค่อนข้างสูง"
สายตาของเฉินลู่หยุดอยู่บนใบหน้าของเธอ จากนั้นเขาก็มองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังสะพายกระเป๋าให้เธอ มองดูเธออย่างครุ่นคิดถึงสองครั้ง จากนั้นก็ก้าวเดินออกไปข้างนอกเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่เดินผ่านเธอไปเขาไม่ได้หันมามองด้านข้างเลย แต่ตั้งหน้าตั้งตาพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งกับเฉินเจ๋อชู
ตรงกันข้ามกลับเป็นเฉินเจ๋อชูที่หันกลับมามองเธออย่างเป็นนัย ราวกับจะบอกว่าเธอทำได้ดี
อันที่จริงถ้าเป็นคนอื่นก็คงรู้สึกเหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ แต่ถ้าเป็นคนที่ใจสกปรกก็จะมองว่าเธอกับซ่งเยี่ยนเป็นแฟนกันในทันที
แค่สองสามวันก็เปลี่ยนแฟนแล้ว บางทีอาจจะมีไว้ล่วงหน้าแล้วหรือคลุมเครือกันมาก่อน ดังนั้นหลังจากเลิกราจึงมีใหม่ได้ทันที
สีหน้าท่าทางของเฉินเจ๋อชูที่แสดงออกมาก็คงหมายความว่าประมาณนี้แหละมั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...