เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 50

สวีซุ่ยหนิงไม่ได้ใส่ใจว่าเฉินเจ๋อชูจะมองเธอแบบไหน จะเข้าใจผิดว่าเธอคบซ้อนยังไงก็ไม่มีปัญหา

อย่างไรเสีย เวลาเราไม่ชอบคนคนหนึ่ง ทำยังไงก็ไม่มีทางชอบ เฉินเจ๋อชูไม่ถูกชะตากับเธอ จะมองยังไงก็คงไม่มีทางมองว่าเธอเป็นคนดีได้

"พี่สาวคนสวย รู้จักพวกเขาเหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงคิดอยู่แป๊บหนึ่ง แล้วเอ่ยออกไปอย่างหลบเลี่ยง: "ไม่ค่อยสนิท"

"อืม ดูไปแล้วก็ไม่น่าจะใช่คนดีอะไร คนที่ดูอ่อนกว่าคนนั้นดูไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่" น้ำเสียงของซ่งเยี่ยนฟังดูเศร้า "เมื่อกี้ตอนที่เขามองพี่ แววตาเขาเย็นชามากเลย เหมือนกับกำลังมองสิ่งของอย่างนั้นแหละ ไม่มีมารยาทมากๆ"

"พวกเราเข้าไปกันเถอะ" สวีซุ่ยหนิงไม่อยากฟังเรื่องที่เกี่ยวกับเฉินลู่อีก จึงเอ่ยกับซ่งเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ

"โอเค" เด็กหนุ่มยกยิ้ม หลังจากที่เข้าไปด้านใน ก็สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อสั่งอาหาร เขาถามอย่างใส่ใจ "พี่สาวคนสวยชอบกินอะไร?"

สวีซุ่ยหนิงตอบ: "รอจางอวี้ก่อนเถอะ เธอค่อนข้างจะพิถีพิถันเรื่องอาหาร"

ซ่งเยี่ยนนึกในใจ วันนี้จางอวี้ไม่มีทางมา แต่ริมฝีปากกลับเผยยิ้มหวาน "โอเค อย่างนั้นผมลองสั่งมาก่อนแล้วกัน พี่ชอบกินของหวานไหม? สั่งไอศกรีมทอดให้พี่เป็นไง?"

"ได้หมด" เธอไม่กล้าปฏิเสธไมตรีของเขา

แต่ว่ากินไปแค่สองคำ สวีซุ่ยหนิงก็ไม่กินต่อแล้ว เธอกลัวอ้วน

ซ่งเยี่ยนยิ้ม: "พี่อ้วนอีกหน่อยก็ยังน่ารักเหมือนเดิม กินอีกหน่อยไม่เป็นไรหรอก"

สวีซุ่ยหนิงไม่ใช่คนที่พบกับใครครั้งแรกแล้วจะรู้สึกสนิทกันโดยทันที พอเขาทำตัวสนิทสนม เธอก็เลยรับมือไม่ค่อยไหว เธอส่งยิ้มให้กับเขา แต่ในโทรศัพท์เธอกลับเอาแต่ส่งข้อความไปหาจางอวี้

ผ่านไปพักใหญ่แล้วแต่จางอวี้ก็ยังไม่ตอบกลับ แต่สุดท้ายสิบนาทีถัดมาเธอก็โทรมาหาเธอ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด: "หนิงหนิง ฉันน่าจะไปไม่ทัน เธอกินข้าวกับเขาให้อร่อยนะ"

สวีซุ่ยหนิงตอบกลับ: "เด็กหนุ่มคนนี้เป็นมิตรเกินไป ฉันรับมือไม่ไหว"

จางอวี้จ้องประโยคนี้ที่สวีซุ่ยหนิงส่งมา แล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง นึกไม่ออกเลยจริงๆ ซ่งเยี่ยนเวลาเป็นมิตรมันเป็นยังไง

ในสมองของเธอมีแต่ภาพที่เธอตั้งใจจะจีบซ่งเยี่ยน แต่กลายเป็นว่าเขามองเธอด้วยวายตาเย้ยหยันแล้วเอ่ยว่า: "เธอน่ะนะ?"

สวีซุ่ยหนิงเห็นว่าจางอวี้ไม่ตอบ ก็คิดว่าเธอน่าจะยุ่งจริงๆ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าซ่งเยี่ยนผสมซอสชาบูให้เธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย: "ฉันทำเองดีกว่า"

ซ่งเยี่ยนชะงักไป แล้วหลุบตาลง: "ผมถือวิสาสะเกินไปหรือเปล่า ทำให้พี่ไม่พอใจใช่ไหม?"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ยเสียงเบา: "เปล่าๆ ก็แค่ เราเพิ่งรู้จักกัน เกรงใจไม่อยากรบกวนนาย"

ซ่งเยี่ยนดวงตาเป็นประกาย: "ไม่รบกวนหรอก พี่ไม่โทษผมก็โอเคแล้ว"

ข้าวมื้อนี้ ถึงแม้สวีซุ่ยหนิงจะอึดอัดนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกว่าไม่สะดวกสบาย เด็กหนุ่มเป็นคนพูดเยอะพอสมควร ทั้งสองคนเลยไม่มีช่วงที่เงียบจนอึดอัด

กระทั่งตอนจ่ายเงิน เด็กหนุ่มก็ยังเร็วกว่าเธอไปก้าวหนึ่ง

สวีซุ่ยหนิงบอกออกมาเพราะรู้สึกไม่ดีนัก: "ฉันโตกว่านาย แล้วก็มีงานที่มั่นคง จะยอมให้นายจ่ายได้ยังไง?"

ดวงตาของซ่งเยี่ยนซุกซ่อนรอยยิ้ม เขาเอ่ย: "อย่างนั้นครั้งหน้าพี่ก็เลี้ยงผม"

สวีซุ่ยหนิงคิดว่าหลังจากนี้ก็ยังต้องเจอกับจางอวี้ อาจจะได้เจอเขาสักครั้งสองครั้ง ก็เลยรับปาก แถมยังออกตัวว่า: "นายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับจางอวี้ ฉันไปส่งนายก็แล้วกันนะ? นายน่าจะต้องกลับไปทำการบ้านอีก"

"ได้ครับ" ซ่งเยี่ยนร้องขอด้วยใบหน้าหนักใจ "ผมขอเพิ่มเพื่อนพี่ในวีแชทได้ไหม? ได้ยินมาว่าพี่คะแนนสอบเยอะ ผมเองก็เรียนคณะเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน อยากถามพี่เรื่องการบ้านหน่อย"

สวีซุ่ยหนิงคิดว่าเขาเป็นเด็กดีมากๆ จึงไม่ปฏิเสธ และกดเพิ่มเพื่อนเขาบนวีแชท

หลังจากที่ซ่งเยี่ยนขึ้นรถ ก็ส่งข้อความไปหาเพื่อน บอกพวกเขาว่าไม่ต้องมารับตนไปร้านเหล้าต่อแล้ว

เพื่อน:อยู่มหาวิทยาลัยน่าเบื่อจะตาย มาดื่มเหล้าสิ

ซ่งเยี่ยน:ไม่น่าเบื่อ ทำการบ้าน ทำแคลคูลัสกับทฤษฎีสถิติ

เพื่อน:......โดนของเหรอ?

ซ่งเยี่ยนเก็บโทรศัพท์

ครึ่งชั่วโมงต่อจากนั้น สวีซุ่ยหนิงก็หยุดรถลงตรงหน้ามหาวิทยาลัย

ตอนที่ซ่งเยี่ยนลงจากรถ ก็เห็นว่าเพื่อนของตัวเองรออยู่ไกลๆ เพียงแต่อีกฝ่ายมีท่าทางเหมือนพวกเด็กเกเร เขาเลยเลือกทำเป็นมองไม่เห็น

เพื่อนคนนั้นเข้ามาตบบ่าของเขา แล้วถาม: "ซ่งเยี่ยนตกลงแล้วจะไปบาร์ไหมเนี่ย?"

ซ่งเยี่ยนขมวดคิ้ว แล้วมองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ: "ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ชอบที่แบบนั้น"

เพื่อน: "?"

ซ่งเยี่ยน: "นายไม่ต้องมาชวนฉันแล้ว ฉันยังไม่ทำการบ้านในpower pointเลย"

เพื่อน: "......"

ซ่งเยี่ยนไม่มองเขาอีก แล้วหันไปยิ้มและโบกมือให้สวีซุ่ยหนิง: "บ๊ายบายครับพี่ ผมกลับไปทำการบ้านก่อนนะ ค่อยนัดกินข้าวเย็นกันใหม่วันหน้านะ เอาแบบก่อนเวลาเคอร์ฟิว"

เพื่อนคนนั้นตกใจ: คนแบบซ่งเยี่ยนเคยกลับมาถึงหอตรงเวลาเคอร์ฟิวด้วยเหรอ? คนแบบซ่งเยี่ยนเคยลงมือทำงานกลุ่มด้วยหรือไง?

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย: "อย่างนั้นฉันไปละ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน