เฉินลู่เหลือบมองวิดีโอเล็กน้อย จากนั้นก็เบนสายตาออก เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
แพทย์สาวเห็นว่าเขายังมีสีหน้าเหมือนเดิม ไม่ได้มีท่าทางใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ คนที่เคยรักกันดี สองคน แค่พริบตาเดียวก็กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเสียแล้ว
คนหนึ่งไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์เสียใจ
อีกคนก็เหมือนจะหาคนรักคนใหม่ได้แล้ว
ราวกับไม่เคยมีความรู้สึกอะไรต่อกัน
แต่ว่าสวีซุ่ยหนิงเป็นคนสวย แถมยังนิสัยดี ผู้หญิงที่มีความอ่อนโยนเป็นทุนเดิม ต้องได้รับความสนใจเยอะมากอยู่แล้ว ตัวเธอคงมีคนเข้ามาจีบไม่น้อย
เฉินลู่ไม่ยอมเสียเวลา เขารีบไปทำการผ่าตัดต่อ
การผ่าตัดในครั้งนี้กินเวลาหลายชั่วโมงอีกเช่นเคย การผ่าตัดที่ยาวนานไม่แต่เพียงทำให้เครียด แต่ยังนำพาความเมื่อยล้ามาด้วย หลังจากที่เฉินลู่ออกมาจากห้องผ่าตัด ก็ชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อย และนั่งดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง
มีแพทย์คนหนึ่งที่กำลังรีบร้อนกลับบ้าน
คนข้างๆ เขาแซวขึ้น: "รีบกลับขนาดนี้ มีสุดที่รักคนไหนกำลังรออยู่หรือไง?"
แพทย์คนนั้นถอนหายใจ "เดือนนี้กลับช้าทุกวัน เมียฉันยังสงสัยว่าฉันแอบไปมีกิ๊กหรือเปล่า นี่ก็ดึกมากแล้ว ต้องรีบกลับได้แล้ว"
เขาบอกแบบนี้ เพื่อนหมอคนอื่นๆ ก็เริ่มพูดถึงภรรยาของตัวเองบ้าง บางคนก็บอกว่าภรรยาของตัวเองคงจะกำลังรออยู่และยังไม่หลับเป็นแน่ บางคนก็บอกว่ากลับบ้านไปยังมีแรงทำให้ภรรยาอยู่ต่อถึงเช้า อีกครู่ใหญ่ ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป
มีแค่สุภาพบุรุษอย่างเฉินลู่กับเจี่ยงหนานตั๋วสองคนเท่านั้น ที่ยังคงความโสดเอาไว้
เจี่ยงหนานตั๋วมองเฉินลู่แล้วเอ่ยถาม: "นายเลิกกับสวีซุ่ยหนิงแล้วเหรอ?"
เฉินลู่เอ่ย: "นายบอกฉันว่าฉันควรปล่อยเธอไปไม่ใช่หรือไง?"
เจี่ยงหนานตั๋วนึกถึงวันนั้นที่สวีซุ่ยหนิงโดนเฉินลู่ตะคอกใส่ เห็นกันอยู่ว่าเธอเสียใจมาก กลับยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เขาใช้ความคิดอยู่แป๊บหนึ่งแล้วถาม: "เธอเป็นคนบอกเลิกล่ะสิ?"
เฉินลู่มองเขา แต่ไม่พูดอะไรออกมา
เจี่ยงหนานตั๋วอธิบาย: "วันนั้นเธอคงทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ฉันเห็นถือกระติกเก็บความร้อนออกมาจากห้องทำงานของนาย ตอนที่เธอออกไปราวกับเธอกำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่อย่างนั้นแหละ ดูแค่ตายังรู้ว่าเธอโมโหจนตัวสั่น ฉันเลยคิดว่าเธอน่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว"
เฉินลู่ยืนขึ้น เตรียมกลับบ้าน
"ฉันไม่ได้พูดผิดใช่ไหมล่ะ นายเลิกสวีซุ่ยหนิง ดีกับทุกคน คนเราไม่ควรจะเสียเวลาไปกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดนานๆ" เจี่ยงหนานตั๋วเอ่ย
เฉินลู่ได้ฟัง ก็บอกออกมาอย่างเห็นด้วยแต่น้ำเสียงไร้อารมณ์: "ถูกต้อง"
หลังจากนั้นเฉินลู่ก็เดินทางไปอบรมที่ต่างประเทศเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
สวีซุ่ยหนิงรู้เรื่องนี้จากโซเชียลมีเดียที่เพื่อนหมอของเฉินลู่โพสต์ถึงเขาเหมือนอย่างเคย
แน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอก็แค่เห็นมัน แต่ไม่ได้ใส่ใจ
สวีซุ่ยหนิงไม่ได้บล็อกเบอร์กับช่องทางการติดต่ออื่นๆ ของเฉินลู่ อย่างไรเสียเรื่องของพ่อ ก็ยังมีจุดที่จำเป็นต้องติดต่อเขาอยู่
ช่วงนี้เธอเพียงแค่ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ เธออ่านบทเรียนจบไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ว่าเธอยังทำข้อสอบไม่หมด เรื่องสอบ สวีซุ่ยหนิงค่อนข้างจริงจังกับมัน หวังว่าตัวเองจะทบทวนได้ครบทุกเรื่อง
ดูเหมือนสวีซุ่ยหนิงจะมีอิทธิพลต่อซ่งเยี่ยนอยู่เหมือนกัน เพราะซ่งเยี่ยนตัดสินใจจะสอบเข้าสถาบันขอภาครัฐ
แน่นอนว่าสวีซุ่ยหนิงผลักดันให้คนอื่นสอบเป็นพนักงานสถาบันขอภาครัฐอยู่แล้ว อย่างไรเสียมันก็เป็นอาชีพที่มั่นคง เธอยังเสนอตัวช่วยเลือกหนังสือติวสอบให้ซ่งเยี่ยนอย่างเป็นกันเองด้วย
และเพื่อแสดงความขอบคุณ ซ่งเยี่ยนเลยขอเลี้ยงข้าวเธอ
สวีซุ่ยหนิงไม่ปฏิเสธ แถมยังตั้งใจว่าครั้งนี้เธอต้องได้เป็นคนเลี้ยงข้าวเขาด้วย เธอก็เลยพาเขาไปกินชาบู
ตอนที่เห็นซ่งเยี่ยน เธอก็รู้สึกว่าวันนี้เขาแต่งตัวมาอย่างพิถีพิถัน แม้แต่ผมก็ยังถูกจัดทรงมาอย่างดี เขาเหมือนมีประกายความสดใสเปล่งออกมาจากร่างกาย
"พี่ซุ่ยหนิง" เขาส่งของหวานในมือให้เธอ "เมื่อกี้ผมเดินผ่าน ก็เลยซื้อเครปเค้กมาให้พี่"
สวีซุ่ยหนิงมองโลโก้ร้านขนมเค้กที่ติดอยู่บนกล่อง แล้วเอ่ยออกมา: "ร้านนี้ต้องต่อแถวซื้อนานมากเลยนะ"
ซ่งเยี่ยนก้มหน้าอย่างเขินๆ เขามองเธออย่างอ่อนโยนแล้วเอ่ยว่า: "พี่ตั้งใจเลือกหนังสือติวให้ผมขนาดนั้น ผมยินดีครับ"
สวีซุ่ยหนิงถาม: "อากาศเย็นขนาดนี้ ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าแค่นี้ล่ะ?"
ตอนแรกซ่งเยี่ยนกำลังแข่งรถอยู่กับเพื่อน แต่บังเอิญได้รับสายที่สวีซุ่ยหนิงโทรมาบอกว่าเลือกหนังสือติวให้เสร็จแล้ว เขาก็เลิกแข่งแล้วรีบมาที่นี่เสียก่อน ก็เลยไม่ทันจะได้สวมโค้ต
เพื่อนที่แข่งรถด้วยกันส่วนใหญ่เป็นเด็กเกเร มีเด็กสาวบางคนที่ชอบเขามานานแล้วเข้ามารั้งให้เขาอยู่ต่อ
เพื่อหลบเลี่ยงเด็กสาวคนนั้น ซ่งเยี่ยนเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เธอดูแฮชแท็กที่เขาตั้งสวีซุ่ยหนิงเอาไว้ แล้วเอ่ยออกมาด้วยท่าทีห่างเหิน: "อย่าเข้าใกล้ฉันมาก ติวเตอร์ฉันดุ"
กีฬารถแข่งเป็นกีฬาที่อันตราย และซ่งเยี่ยนก็ไม่มีทางปล่อยให้สวีซุ่ยหนิงรู้
ดังนั้นเมื่อเจอกับคำถามของเธอ เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบ: "เพิ่งจะเข้าฤดูใบไม้ผลิ ผมเลยไม่ได้เอาพวกเสื้อโค้ตกลับมาด้วย พี่ซุ่ยหนิง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพี่ช่วยไปเลือกเสื้อผ้าให้ผมหน่อย ได้ไหมครับ?"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างเขินๆ: "ฉันเลือกเสื้อผ้าผู้ชายไม่ค่อยเป็น"
เจียงเจ๋อสวมเสื้อผ้าคล้ายๆ กันหมด ส่วนเฉินลู่ก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าเธอไม่มีโอกาสออกความคิดเห็น ดังนั้นเธอเลยไม่กล้ารับประกันว่าเธอนั้นจะเลือกเสื้อผ้าผู้ชายได้ดี
"ชุดของพี่สวยมากเลย มันเหมาะกับพี่มากๆ ผมเชื่อในสายตาของพี่" ซ่งเยี่ยนยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าหมอง "ตั้งแต่เด็กแม่ผมไม่เคยสนใจผม ผมกับพี่สาวก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ไม่เคยมีใครช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ผมตั้งแต่ยังเด็ก"
สวีซุ่ยหนิงได้ยินแบบนั้นก็สงสาร จึงรีบเอ่ย: "อย่างนั้นพวกเรากินเสร็จแล้ว ฉันจะไปช่วยเลือกให้นายนะ โอเคไหม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...