สรุปตอน บทที่ 51 (1) – จากเรื่อง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
ตอน บทที่ 51 (1) ของนิยายการโต้แย้งเรื่องดัง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดยนักเขียน จิ่นอวิ๋น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เฉินลู่เหลือบมองวิดีโอเล็กน้อย จากนั้นก็เบนสายตาออก เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
แพทย์สาวเห็นว่าเขายังมีสีหน้าเหมือนเดิม ไม่ได้มีท่าทางใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ คนที่เคยรักกันดี สองคน แค่พริบตาเดียวก็กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเสียแล้ว
คนหนึ่งไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์เสียใจ
อีกคนก็เหมือนจะหาคนรักคนใหม่ได้แล้ว
ราวกับไม่เคยมีความรู้สึกอะไรต่อกัน
แต่ว่าสวีซุ่ยหนิงเป็นคนสวย แถมยังนิสัยดี ผู้หญิงที่มีความอ่อนโยนเป็นทุนเดิม ต้องได้รับความสนใจเยอะมากอยู่แล้ว ตัวเธอคงมีคนเข้ามาจีบไม่น้อย
เฉินลู่ไม่ยอมเสียเวลา เขารีบไปทำการผ่าตัดต่อ
การผ่าตัดในครั้งนี้กินเวลาหลายชั่วโมงอีกเช่นเคย การผ่าตัดที่ยาวนานไม่แต่เพียงทำให้เครียด แต่ยังนำพาความเมื่อยล้ามาด้วย หลังจากที่เฉินลู่ออกมาจากห้องผ่าตัด ก็ชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อย และนั่งดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง
มีแพทย์คนหนึ่งที่กำลังรีบร้อนกลับบ้าน
คนข้างๆ เขาแซวขึ้น: "รีบกลับขนาดนี้ มีสุดที่รักคนไหนกำลังรออยู่หรือไง?"
แพทย์คนนั้นถอนหายใจ "เดือนนี้กลับช้าทุกวัน เมียฉันยังสงสัยว่าฉันแอบไปมีกิ๊กหรือเปล่า นี่ก็ดึกมากแล้ว ต้องรีบกลับได้แล้ว"
เขาบอกแบบนี้ เพื่อนหมอคนอื่นๆ ก็เริ่มพูดถึงภรรยาของตัวเองบ้าง บางคนก็บอกว่าภรรยาของตัวเองคงจะกำลังรออยู่และยังไม่หลับเป็นแน่ บางคนก็บอกว่ากลับบ้านไปยังมีแรงทำให้ภรรยาอยู่ต่อถึงเช้า อีกครู่ใหญ่ ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป
มีแค่สุภาพบุรุษอย่างเฉินลู่กับเจี่ยงหนานตั๋วสองคนเท่านั้น ที่ยังคงความโสดเอาไว้
เจี่ยงหนานตั๋วมองเฉินลู่แล้วเอ่ยถาม: "นายเลิกกับสวีซุ่ยหนิงแล้วเหรอ?"
เฉินลู่เอ่ย: "นายบอกฉันว่าฉันควรปล่อยเธอไปไม่ใช่หรือไง?"
เจี่ยงหนานตั๋วนึกถึงวันนั้นที่สวีซุ่ยหนิงโดนเฉินลู่ตะคอกใส่ เห็นกันอยู่ว่าเธอเสียใจมาก กลับยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เขาใช้ความคิดอยู่แป๊บหนึ่งแล้วถาม: "เธอเป็นคนบอกเลิกล่ะสิ?"
เฉินลู่มองเขา แต่ไม่พูดอะไรออกมา
เจี่ยงหนานตั๋วอธิบาย: "วันนั้นเธอคงทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ฉันเห็นถือกระติกเก็บความร้อนออกมาจากห้องทำงานของนาย ตอนที่เธอออกไปราวกับเธอกำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่อย่างนั้นแหละ ดูแค่ตายังรู้ว่าเธอโมโหจนตัวสั่น ฉันเลยคิดว่าเธอน่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว"
เฉินลู่ยืนขึ้น เตรียมกลับบ้าน
"ฉันไม่ได้พูดผิดใช่ไหมล่ะ นายเลิกสวีซุ่ยหนิง ดีกับทุกคน คนเราไม่ควรจะเสียเวลาไปกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดนานๆ" เจี่ยงหนานตั๋วเอ่ย
เฉินลู่ได้ฟัง ก็บอกออกมาอย่างเห็นด้วยแต่น้ำเสียงไร้อารมณ์: "ถูกต้อง"
หลังจากนั้นเฉินลู่ก็เดินทางไปอบรมที่ต่างประเทศเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
สวีซุ่ยหนิงรู้เรื่องนี้จากโซเชียลมีเดียที่เพื่อนหมอของเฉินลู่โพสต์ถึงเขาเหมือนอย่างเคย
แน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอก็แค่เห็นมัน แต่ไม่ได้ใส่ใจ
สวีซุ่ยหนิงไม่ได้บล็อกเบอร์กับช่องทางการติดต่ออื่นๆ ของเฉินลู่ อย่างไรเสียเรื่องของพ่อ ก็ยังมีจุดที่จำเป็นต้องติดต่อเขาอยู่
ช่วงนี้เธอเพียงแค่ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ เธออ่านบทเรียนจบไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ว่าเธอยังทำข้อสอบไม่หมด เรื่องสอบ สวีซุ่ยหนิงค่อนข้างจริงจังกับมัน หวังว่าตัวเองจะทบทวนได้ครบทุกเรื่อง
ดูเหมือนสวีซุ่ยหนิงจะมีอิทธิพลต่อซ่งเยี่ยนอยู่เหมือนกัน เพราะซ่งเยี่ยนตัดสินใจจะสอบเข้าสถาบันขอภาครัฐ
แน่นอนว่าสวีซุ่ยหนิงผลักดันให้คนอื่นสอบเป็นพนักงานสถาบันขอภาครัฐอยู่แล้ว อย่างไรเสียมันก็เป็นอาชีพที่มั่นคง เธอยังเสนอตัวช่วยเลือกหนังสือติวสอบให้ซ่งเยี่ยนอย่างเป็นกันเองด้วย
และเพื่อแสดงความขอบคุณ ซ่งเยี่ยนเลยขอเลี้ยงข้าวเธอ
สวีซุ่ยหนิงไม่ปฏิเสธ แถมยังตั้งใจว่าครั้งนี้เธอต้องได้เป็นคนเลี้ยงข้าวเขาด้วย เธอก็เลยพาเขาไปกินชาบู
ตอนที่เห็นซ่งเยี่ยน เธอก็รู้สึกว่าวันนี้เขาแต่งตัวมาอย่างพิถีพิถัน แม้แต่ผมก็ยังถูกจัดทรงมาอย่างดี เขาเหมือนมีประกายความสดใสเปล่งออกมาจากร่างกาย
"พี่ซุ่ยหนิง" เขาส่งของหวานในมือให้เธอ "เมื่อกี้ผมเดินผ่าน ก็เลยซื้อเครปเค้กมาให้พี่"
สวีซุ่ยหนิงมองโลโก้ร้านขนมเค้กที่ติดอยู่บนกล่อง แล้วเอ่ยออกมา: "ร้านนี้ต้องต่อแถวซื้อนานมากเลยนะ"
ซ่งเยี่ยนก้มหน้าอย่างเขินๆ เขามองเธออย่างอ่อนโยนแล้วเอ่ยว่า: "พี่ตั้งใจเลือกหนังสือติวให้ผมขนาดนั้น ผมยินดีครับ"
สวีซุ่ยหนิงถาม: "อากาศเย็นขนาดนี้ ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าแค่นี้ล่ะ?"
ตอนแรกซ่งเยี่ยนกำลังแข่งรถอยู่กับเพื่อน แต่บังเอิญได้รับสายที่สวีซุ่ยหนิงโทรมาบอกว่าเลือกหนังสือติวให้เสร็จแล้ว เขาก็เลิกแข่งแล้วรีบมาที่นี่เสียก่อน ก็เลยไม่ทันจะได้สวมโค้ต
เพื่อนที่แข่งรถด้วยกันส่วนใหญ่เป็นเด็กเกเร มีเด็กสาวบางคนที่ชอบเขามานานแล้วเข้ามารั้งให้เขาอยู่ต่อ
เพื่อหลบเลี่ยงเด็กสาวคนนั้น ซ่งเยี่ยนเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เธอดูแฮชแท็กที่เขาตั้งสวีซุ่ยหนิงเอาไว้ แล้วเอ่ยออกมาด้วยท่าทีห่างเหิน: "อย่าเข้าใกล้ฉันมาก ติวเตอร์ฉันดุ"
กีฬารถแข่งเป็นกีฬาที่อันตราย และซ่งเยี่ยนก็ไม่มีทางปล่อยให้สวีซุ่ยหนิงรู้
ดังนั้นเมื่อเจอกับคำถามของเธอ เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบ: "เพิ่งจะเข้าฤดูใบไม้ผลิ ผมเลยไม่ได้เอาพวกเสื้อโค้ตกลับมาด้วย พี่ซุ่ยหนิง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพี่ช่วยไปเลือกเสื้อผ้าให้ผมหน่อย ได้ไหมครับ?"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างเขินๆ: "ฉันเลือกเสื้อผ้าผู้ชายไม่ค่อยเป็น"
เจียงเจ๋อสวมเสื้อผ้าคล้ายๆ กันหมด ส่วนเฉินลู่ก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าเธอไม่มีโอกาสออกความคิดเห็น ดังนั้นเธอเลยไม่กล้ารับประกันว่าเธอนั้นจะเลือกเสื้อผ้าผู้ชายได้ดี
"ชุดของพี่สวยมากเลย มันเหมาะกับพี่มากๆ ผมเชื่อในสายตาของพี่" ซ่งเยี่ยนยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าหมอง "ตั้งแต่เด็กแม่ผมไม่เคยสนใจผม ผมกับพี่สาวก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ไม่เคยมีใครช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ผมตั้งแต่ยังเด็ก"
สวีซุ่ยหนิงได้ยินแบบนั้นก็สงสาร จึงรีบเอ่ย: "อย่างนั้นพวกเรากินเสร็จแล้ว ฉันจะไปช่วยเลือกให้นายนะ โอเคไหม?"
แต่ไม่ว่าสวีซุ่ยหนิงจะบอกตัวเองยังไง เธอก็ยังอดหน้าแดงไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะในตอนที่รู้สึกได้ว่าซ่งเยี่ยนกำลังก้มหน้าลงมามองเธอ
เธอไม่ได้เงยหน้า เลยไม่เห็นสายตาของเขา
"พี่ซุ่ยหนิง พี่กลัดกระดุมผิดแล้ว" ซ่งเยี่ยนยกยิ้ม แล้วเอ่ยเตือนอย่างคนหวังดี
สวีซุ่ยหนิงลองดู ก็เห็นว่าตัวเองกลัดกระดุมผิดจริงๆ จึงรีบแกะแล้วกลัดให้เขาใหม่
"อย่างนั้นฉันออกไปก่อนนะ นายก็จัดชุดให้เข้าที่เองแล้วกัน" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย
ซ่งเยี่ยนรอเธอออกไป แล้วเขาก็ยิ้มออกมาเพราะกลั้นไว้ไม่ไหว พี่สาวที่ทั้งดูแลคนอื่นเก่ง แต่ก็เขินอาย ช่างน่ารักจริงเชียว
เขามองตัวในกระจกอย่างขอไปที แล้วคิดด้วยความทรมาน เพราะว่าตัวเองดันมาเกิดอารมณ์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ก็เลยนำพาความลำบากมาให้ตัวเอง
ซ่งเยี่ยนใช้เวลาอยู่ในห้องลองชุดอยู่ครู่ใหญ่ เขาถึงจะออกมา
สวีซุ่ยหนิงตื่นเต้นเล็กน้อยตอนที่เห็นเขาออกมา เด็กหนุ่มที่สดใส ช่างดึงดูดความสนใจของมนุษย์เราได้ดีจริงๆ ไกลขนาดนี้ยังเรียกสายตาให้หันไปมองได้
"พี่ซุ่ยหนิง พี่คิดว่าเป็นยังไงบ้าง?" ซ่งเยี่ยนหลุบตามองเธอ แววตาของเขาอบอุ่น
"ดูดีมาก" สวีซุ่ยหนิงบอกออกมาด้วยความจริงใจ "นายหล่ออยู่แล้ว เหมาะกับนายมาก"
"พี่คิดว่าผมหล่อจริงๆ เหรอ?"
"แน่อยู่แล้ว"
"อย่างนั้น......เทียบกับแฟนเก่าพี่ล่ะ?" เขาทำเหมือนว่าถามออกมาเล่นๆ
สวีซุ่ยหนิงนิ่งไปเล็กน้อย แล้วบอกออกมาตามความจริง: "พวกนายสองคนไม่ต่างกันหรอก แต่ถ้าอยู่เดี่ยวๆ เด็กที่สดใสแบบนายดูดีกว่าหน่อยหนึ่งนะ"
ซ่งเยี่ยนดูอารมณ์ดี: "ขอบคุณที่ชมครับพี่ซุ่ยหนิง ผมไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ เท่าไหร่ พี่เป็นคนแรกที่ชมว่าผมหล่อ"
สวีซุ่ยหนิงขมวดคิ้ว วันนั้นที่แข่งบาส เห็นๆ อยู่ว่าผู้หญิงพวกนั้นมาดูเขา
แต่ลองคิดดูอีกที คงมีหลายคนที่แค่กล้ามอง แต่ไม่กล้าเข้าหา เพราะถ้าให้พูดกันจริงๆ เธอเองก็เป็นแบบนั้น
"ถ้าเกิดนายยังไม่มั่นใจเรื่องหน้าตาตัวเองละก็ ฉันคิดว่าก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนมั่นใจแล้วแหละ" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "นายน่ะหน้าตาเป็นแบบที่ผู้หญิงชอบจริงๆ"
ซ่งเยี่ยนถามคิ้วขมวด: "อย่างนั้นเป็นแบบที่ผู้หญิงอย่างพี่ชอบด้วยหรือเปล่า?"
สวีซุ่ยหนิง: "......"
ซ่งเยี่ยนรีบพูดเสริม "ผมก็แค่ลองถาม ว่าผมได้รับความสนใจในวงกว้างหรือเปล่า ถ้าเกิดพี่ซุ่ยหนิงไม่อยากตอบ ก็ไม่เป็นไร ผมรู้ ว่าพี่ก็แค่พูดให้ผมรู้สึกดี ถ้าเกิดว่าทุกคนชอบจริงๆ ก็คงมีผู้หญิงเข้ามาจีบผมก่อนแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...