บทที่ 53 (1) – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 53 (1) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
สวีซุ่ยหนิงรับสายโทรศัพท์ของเฉินลู่ เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยเอ่ยอย่างเกรงใจ "ฉันไม่ได้เป็นอะไร"
ตอนที่เธอถูกเจียงเจ๋อลากไปตอนนั้น แน่นอนว่ากระแทกเข้ากับสิ่งของเต็มๆ ซึ่งตอนนั้นก็เจ็บมาก แต่ไม่ได้รุนแรง แค่ฝกช้ำเท่านั้น แต่เป็นซ่งเยี่ยนที่สาหัสจริงๆ เพราะตอนนี้ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย
ในตอนเช้าสวีซุ่ยหนิงก็ไปเยี่ยมเขา ไม่รู้ว่าเพราะปัญหาด้านสมรรถภาพรึเปล่า เพราะฟังจากที่คุณหมอบอกแล้วดูเหมือนมีการติดเชื้ออย่างรุนแรง
คุณแม่ของซ่งเยี่ยนปวดใจจนอกแทบจะแตกร้าว
เธอนึกถึงผู้ร้ายอย่างเจียงเจ๋อขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นประโยคหนึ่ง "นายยังจะปกป้องเขาอีกไหม"
เฉินลู่ที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้วแน่น "จะยังไงก็เป็นญาติกัน"
สวีซุ่ยหนิงก็รู้ว่าเขาไม่มีทางไม่สนใจ แม้ว่าในช่วงสองวันนี้เจียงเจ๋อยังอยู่ด้านในนั้น แต่วันใดวันหนึ่งเขาก็ยังสามารถออกมาได้
หากเขาออกมาต้องมาหาเธออีกแน่ ทำตัวเหมือนพลาสเตอร์หนังหมา[1] เมื่อเธอคิดถึงพฤติกรรมของเจียงเจ๋อ เธอก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างมืดมนเหลือเกิน
สวีซุ่ยหนิงสิ้นหวังกับเรื่องกำจัดเจียงเจ๋อ ตอนนี้เธอไม่กล้าคิดถึงการแก้แค้นเจียงเจ๋อแล้ว
เพราะเรื่องของพ่อสวีที่ได้รับการแก้ปัญหาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีเป้าหมายที่จะทำให้เจียงเจ๋อได้รับผลกรรมเหมือนเมื่อก่อนที่เธอคิดไว้ ตอนนี้เธอเพียงหวังให้ตัวเองสุขภาพแข็งแรง เพื่อไม่ให้พ่อสวีต้องเป็นกังวล
เฉินลู่เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง "ตัวฉันเองก็ไม่ได้อยากจะใส่ใจนักหรอก แต่พ่อฉัน สั่งให้ฉันไปจัดการ เพราะช่วงนี้ตระกูลเฉินกับตระกูลเจียงก็ยังมีธุรกิจที่ต้องทำร่วมกัน เขาเกรงว่าถ้าเป็นเรื่องใหญ่แล้วจะไปกระทบ"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย " คนบ้านตระกูลเจียงของเจียงเจ๋อไม่มีใครสนใจเขาเหรอ ที่ปล่อยให้เขามารังควานชีวิตคนธรรมดา"
เฉินลู่แสดงออกเพียงว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ และพลั้งปากขึ้นว่า "เธอไปถามแม่เขาดูก็ได้ เพราะยังไงฉันก็ไม่ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปผูกมัดชีวิตเขา"
"นายก็รู้ว่าเขาบ้าอย่างอุกอาจขนาดไหน เขาบอกว่าจะให้ฉันกับเขาไปเป็นสามีภรรยากันในยมโลก(สามีภรรยาผี) ฉันกลัวว่าเขาจะมาทำร้ายฉัน" สวีซุ่ยหนิงพูดออกไปอย่างหวาดกลัว
ตอนที่เธอได้ฟังคำพูดนั้น เธอก็รู้สึกว่าน่าขยะแขยงมาก
แต่เฉินลู่ไร้ซึ่งการสนอกสนใจใดๆ เขาเพียงเอ่ยตอบอย่างเย็นชาและเป็นกลาง "ใครใช้ให้เธออยากอยู่กับเขาในตอนแรกล่ะ ตอนนี้ก็คงมีแต่ให้เธอคิดหาวิธีสลัดเขาออกไปเอาเอง"
สวีซุ่ยหนิงถามขึ้นอย่างสงสัย "นายทำให้เขาไปอยู่ต่างประเทศได้ไม่ใช่เหรอ"
"แน่นอนว่าฉันทำได้ แต่ฉันไม่ชอบช่วยคนที่ไม่สนิทโดยไร้เหตุไร้ผล" เฉินลู่กล่าวอย่างไร้อารมณ์ใดๆ
หลังจากเลิกรากัน ก็เป็นคนแปลกหน้ากันแล้วไม่ใช่เหรอ
สวีซุ่ยหนิงไม่พูดอะไรอีก เดิมทีเธอก็ไม่หวังว่าเฉินลู่จะช่วยได้อยู่แล้ว เธอเองก็เคยสอบถามกับเซี่ยซี แต่เซียซีเองก็ค่อยข้างจะเป็นห่วงเจียงเจ๋อ ฟังจากน้ำเสียงตอนพูดแล้ว เธอก็อยากจัดการเรื่องของเจียงเจ๋อ
เพราะเจียงเจ๋อเป็นหลานรักของเธอ
แม้เซี่ยซีจะเคยสัญญาว่าจะเกลี้ยกล่อมเจียงเจ๋อให้เธอ แต่ในใจเธอรู้ดีว่า เจียงเจ๋อไม่ได้เชื่อฟังขนาดนั้น
ผ่านไปเป็นเวลานาน เธอถึงพูดกับเฉินลู่ประโยคหนึ่ง "ฉันวางแล้วนะ"
เฉินลู่เองก็กล่าวลาอย่างเกรงใจเช่นกัน
ทางฝั่งซ่งเยี่ยนมีครอบครัวอยู่ แถมสวีซุ่ยหนิงยังมีคาบสอนอีก ที่จริงเธอไม่ได้ไปเยี่ยมเขาบ่อยนัก จนกระทั้งวันศุกร์ สวีซุ่ยหนิงถึงได้ไปเยี่ยมเขากับจางอวี้
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย สวีซุ่ยหนิงก็เห็นคนทั้งนั่งอยู่ด้านในอย่างสะเปะสะปะ มีครบทั้งสักและเจาะจมูก นี่ทำให้เธอขมวดคิ้วเป็นปม
เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นเธอ จากที่เดิมทียังครึกครื้นกันอยู่ ก็ต่างพากันเงียบลง
ซ่งเยี่ยนปรายสายตามองคนที่อยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆครั้งหนึ่ง ทำให้เขารีบซ่อนที่เขี่ยบุหรี่ไว้ด้านหลัง
"พวกเขาเป็นเพื่อนนายเหรอ" สวีซุ่ยหนิงถามขึ้น
ภายหลังซ่งเยี่ยนเองก็สังเกตเห็น เขาจึงเว้นระยะห่างขึ้น
โดยแอปเปิ้ลหนึ่งชิ้นเขาจะกัดเพียงครึ่งเดียว
เดิมทีซ่งเยี่ยนไม่ชอบผลไม้ แต่เมื่อมีคนป้อน รสชาติก็ไม่เลวเลย
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ถึงจะสามารถเอาคนมาได้ ตอนนี้เขาอยากจะรังแกเธอจนทนไม่ไหวแล้ว อยากที่จะทำเรื่องที่มีความหมายกับเธอ
"พี่ครับ ผมอยากดื่มน้ำ"
สวีซุ่ยหนิงถาม "ร้อนหรือเย็น"
"อุ่นครับ"
สวีซุ่ยหนิงหันตัวกลับไปรินน้ำให้เขา
ท่าทางการก้มของเธอ เป็นเส้นโค้งที่ดีมาก ซ่งเยี่ยมมุมตาโค้งงอ ชื่นชมอย่างใจกว้าง
ส่วนจางอวี้ก็นั่งกรอกตาอยู่ไม่ไกล
สวีซุ่ยหนิงส่งน้ำให้เขา เขาจึงตอบรับอย่างมีมารยาท "ขอบคุณครับพี่ซุ่ยหนิง"
จางอวี้ทนอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไม่ได้ เธอรู้ดีที่สุดว่านิสัยซ่งเยี่ยนเป็นยังไง อาการบาดเจ็บของเขาตอนนี้สำหรับเขาไม่ถือจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร เธอจึงดึงสวีซุ่ยหนิงมาพูด "ได้เวลาอาหารแล้ว พวกเราควรกลับได้แล้ว"
[1] พลาสเตอร์หนังหมา อุปมาว่าตบตา พูดจาแฝงกลลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...