อันที่จริงจางอวี้รู้สึกว่าเฉินลู่ไม่ได้ดูเหมือนคนที่คิดเล็กคิดน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ต้องปกป้องเจียงเจ๋ออยู่แล้ว เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ถึงแม้จะเป็นญาติทางฝ่ายแม่ก็ตาม แต่ก็มีสายเลือดเกี่ยวพันกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะช่วย
คำพูดของสวีซุ่ยหนิงครั้งนี้ดูแรงเกินไป
หลังจากเลิกกับโจวอี้ชีวิตของเฉินลู่ก็ดูยุ่งเหยิงและรุงรังมาก เมื่อต้องเลิกรากันก็ต้องทำใจยอมรับ บอกลากันด้วยดี ไม่เคยได้ยินว่าเขาทำอะไรไม่ดีกับผู้หญิงคนนั้นเลย
จางอวี้ดึงสวีซุ่ยหนิงอีกครั้ง เธอไม่เต็มใจที่จะนั่งลงและหันหน้าไปทางผนังปิดกั้นตัวเอง
“เฉินลู่ เจียงเจ๋อนั้นบ้าเกินไปมาก บ้าเสียจนทำให้หนิงหนิงแทบจะสติแตก ตอนนี้นายอย่าเพิ่งมาโต้เถียงอะไรกับเธอเลยนะ” จางอวี้ที่อยู่ข้างๆ เธอพูดประนีประนอม
เฉินลู่เหลือบมองไปที่สวีซุ่ยหนิง เขาไม่สนใจการปิดกั้นตัวเองของเธอ
พนักงานของร้านเดินมาที่โต๊ะยังรู้สึกว่าบรรยากาศของโต๊ะนี้แปลกๆ
จางอวี้มองด้านข้างของสวีซุ่ยหนิง จึงได้พบว่าเธอเริ่มน้ำตาซึมและแอบเช็ดน้ำตาไปด้วย
เธอมองที่เฉินลู่เพื่อบอกเขาว่าสวีซุ่ยหนิงกำลังร้องไห้
แต่เฉินลู่ไม่มีปฏิกิริยา
สวีซุ่ยหนิงทั้งโกรธทั้งเสียใจ เธอไม่รู้ว่าจะระบายอย่างไร สักพักเธอตะโกนเรียกพนักงานเพื่อจะสั่งเหล้าหลายๆ ชนิด
จางอวี้ไม่เห็นด้วยจึงพูดว่า "ดื่มผสมกันมั่วแบบนี้ ระวังพรุ่งนี้จะปวดหัวเอา"
“ในเมื่อจะต้องเป็นคู่ผัวเมียกับเจียงเจ๋อในโลกแห่งวิญญาณแล้ว ฉันจะสนใจเรื่องปวดหัวไปทำไม? ชีวิตนี้ได้มาพัวพันกับเจียงเจ๋อก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้ว งั้นฉันขอเลือกตายๆ ไปเลยดีกว่า” สวีซุ่ยหนิงพูดอย่างท้อใจ
เฉินลู่มองดูเธออย่างเย็นชา
ถ้าเธอเกิดดื้อรั้นขึ้นมา แม้แต่จางอวี้ก็เอาเธอไม่อยู่ ในไม่ช้าเธอก็ดื่มจนเมามายไม่รู้ทิศรู้ทาง และดวงตาของเธอก็เริ่มพร่ามัว จางอวี้ที่ถูกเธอบังคับให้ดื่มเป็นเพื่อนเริ่มเวียนหัวนิดหน่อยแล้ว
“คิดเงิน” จางอวี้พูด
เฉินลู่พูดเบาๆ “ฉันจะไปส่งพวกคุณเอง”
สวีซุ่ยหนิงเดินโซซัดโซเซ เฉินลู่จะไม่เข้าไปพยุงเธอก็ไม่ได้
จางอวี้เริ่มสร่างเมาขึ้นมากแล้ว เธอจึงพูดขอบคุณเขาอย่างสุภาพ "ถ้าอย่างนั้นรบกวนไปส่งพวกเราด้วยนะคะ และขอบคุณที่ไม่ถือสาเรื่องไร้สาระของเธอในวันนี้นะคะ"
เฉินลู่พูดทันทีว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
เขาวางสวีซุ่ยหนิงลงบนเบาะด้านข้างคนขับ และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไป
เฉินลู่คาดเข็มขัดนิรภัยและจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เธอ จากนั้นก็เดินมานั่งที่เบาะคนขับ
จางอวี้ที่มองดูพวกเขาจากด้านหลังรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ อยู่เสมอ
……
เฉินลู่ไปส่งจางอวี้ก่อน เมื่อแม่ของจางอวี้เห็นเขาจึงได้เข้ามาพูดคุยกับเขาอย่างกระตือรือร้นอยู่พักหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะกลับมาขึ้นรถสวีซุ่ยหนิงก็ตื่นแล้ว แต่ตาของเธอยังพร่ามัวอยู่
เธอขยับไปโดนวัตถุมีคมเข้าที่เอวของเธอ เธอเสียสติ และเธอก็เริ่มพูดจาหาเรื่องจับผิด "นายอยากให้ฉันตายเร็วกว่านี้ใช่ไหม?"
เฉินลู่เหลือบมองเธอ “อย่าหาเรื่อง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...