สวีซุ่ยหนิงมองดูมือของตัวเองที่เฉินลู่จับไว้ และสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของเขาในขณะนี้ รู้สึกงงงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้คร่าวๆ ว่าเฉินลู่เป็นคนมาส่งเธอในวันที่เธอเมา
ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว เธอก็พอจะรู้คร่าวๆ ว่าเธอพูดอะไรออกไป
สีหน้าของสวีซุ่ยหนิงเองก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน แต่อย่าพูดอะไรที่ไร้สาระออกมาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเธออยากจะตบตัวเองให้ตายๆ ไปซะ เธอไม่อยากจะมีความสัมพันธ์อะไรกับเฉินลู่ และไม่อยากได้รับการปฏิบัติแบบเล่นสงครามประสาทอีกแล้ว
คำว่า สงครามประสาท แทบจะกลายเป็นคำที่ตามหลอกหลอนในใจของเธอ
คนประเภทที่ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน เขาจงใจมองข้ามเธอ ไม่สนใจเธอ และเอาแต่พูดว่างานยุ่ง เธอจึงกลัวว่าจะเจออะไรแบบนี้อีก
แต่ถึงแม้จะไม่ใช่คำพูดที่ไร้สาระ แต่เฉินลู่ก็อาจจะเข้าใจผิดแล้ว มิฉะนั้นเขาคงไม่อยู่ในท่าทีเหมือนเขาถูกหลอก
เฉินลู่โกรธ อาจเป็นเพราะเขาถูกหลอก
“ฉันจำไม่ได้ว่าฉันพูดอะไรออกไป” เธอพูดตามความจริง
สีหน้าของเฉินลู่เริ่มเคร่งขรึมหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ประตูลิฟต์เปิดออกพอดีและผู้คนจำนวนมากเข้ามาในลิฟต์ เขาจึงต้องดึงมือสวีซุ่ยหนิงเดินออกไปก่อน
เฉินลู่ตัวสูงกว่าเธอมาก เมื่อถูกเขาดึงมือเธอจึงเดินตามไม่ทันและเกือบจะล้มลงพื้น แต่ยังดีที่เขามีเมตตาช่วยพยุงเธอไว้
ทันทีที่สวีซุ่ยหนิงยืนทรงตัวอยู่แล้ว เธอก้าวถอยหลังทันทีเพื่อรักษาระยะห่างจากเขา เหมือนกับผู้หญิงที่มีคุณธรรมที่ยอมตายมากกว่ายอมจำนนเพื่อปกป้องสามีของเธอ
เฉินลู่เผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
สวีซุ่ยหนิงเพิกเฉยต่อการเยาะเย้ยของเขา ขอบคุณเขา และคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเหินห่าง "ที่ฉันเมาในวันนั้น คำพูดอะไรที่ดูไม่ผ่านการกลั่นกรอง ฉันหวังว่านายจะไม่ถือสานะ จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับขี้เมากับฉันมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ไม่ต้องกังวล ฉันจะพยายามไม่มายุ่งเกี่ยวกับนายอีก”
“ฉันคิดว่าเธอต้องมีแผนการอื่นแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวกับฉัน” เฉินลู่พูดอย่างรวดเร็ว
เป็นไปตามที่สวีซุ่ยหนิงคิดหลังจากที่เธอบอกเลิกเฉินลู่ ไม่มีทางที่เธอจะสามารถปรองดองกับเขาได้ ความเย่อหยิ่งของเฉินลู่ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับการถูกทิ้งได้ และเขาต้องหาทางแก้แค้นเธออย่างแน่นอน เธอไม่เต็มใจยอมรับการที่จะถูกแก้แค้น ความขัดแย้งระหว่างสองคนจะยังมีไปตลอด และเป็นการยากที่จะต่างคนต่างอยู่อย่างสงบ
"ถึงฉันจะคิดว่าเขาเป็นคนหล่อ แต่ฉันก็เพิ่งลองเปิดใจให้เขาไปไม่นานนี่เอง ไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับชายหญิงที่โสด สมมุติว่าได้คบกันจริงๆ ก็คงไม่ได้อยู่ในเมืองที่มีนายอยู่หรอก มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อนาย” เธอพูดแบบไม่ให้ความสำคัญ "ถ้านายคิดว่าฉันคบกับเขาตั้งแต่ยังไม่เลิกกับนาย ก็แล้วแต่นายจะคิดเลย "
เฉินลู่พูดขึ้นว่า "เพิ่งจะลองเปิดใจก็มองเป้ากางเกงของเขาซะขนาดนั้นแล้ว?"
สวีซุ่ยหนิงพูดอย่างใจเย็น "ฉันไม่ได้ตั้งใจมองสักหน่อย ยิ่งรูปร่างของเขาเป็นแบบนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็น"
นี่กำลังจะบอกว่าซ่งเยี่ยนมีพัฒนาการทางร่างกายที่ดีงั้นเหรอ
เฉินลู่มองดูเธออย่างไร้ความรู้สึก
สวีซุ่ยหนิงพูดว่า "ขนาดของนายไม่ใช่ใหญ่กว่าเหรอ เหตุการณ์แบบนี้มีอะไรที่น่าประหลาดใจเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องมาเจ็บตัวแทนฉัน ทุกอย่างมันมีเหตุผล อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินใครจะมาสนเรื่องรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ นายต่างหากที่เป็นหมอยิ่งควรจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า แม้แต่การถูกเพื่อนร่วมงานกอดก็ไม่ว่าอะไร ซ่งเยี่ยนยังเป็นผู้ป่วยอยู่ ฉันใส่ยาให้เขาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร"
เฉินลู่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "เธอดูไม่ออกว่าซ่งเยี่ยนกำลังคิดชั่วร้ายกับเธอเหรอ?"
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสวีซุ่ยหนิงก็เต็มใจที่จะเล่นเกมที่คลุมเครือนี้กับซ่งเยี่ยน นี่แสดงว่าน่าจะเปิดใจตั้งแต่ตอนไปออกเดตแล้ว ความน่าจะเป็นจากการออกเดตไปจนถึงการเป็นแฟนอย่างเป็นทางการก็มีไม่น้อย
เฉินลู่พูดอย่างเฉยเมย“เธอจัดการความสัมพันธ์กับฉันชัดเจนแล้ว ส่วนเรื่องของเจียงเจ๋อฉันจะไม่ยุ่งอีกแล้ว”
สวีซุ่ยหนิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจียงเจ๋อยังไม่ได้ออกมา หลังจากไตร่ตรองเธอก็กระจ่างแจ้งว่าเธออาจรับปากอะไรไว้กับเฉินลู่ในวันที่เธอเมา ดังนั้นเขาจึงยังไม่ให้โอกาสเจียงเจ๋อออกมา
แต่เพียงว่าไม่สมเหตุสมผลนักที่จะเอาอะไรที่ไม่ชัดเจนกับเฉินลู่ไปแลกเปลี่ยนกับการให้เจียงเจ๋อไม่ออกมา เธอยังไม่สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ถ้าเลือกเฉินลู่ก็ทำได้เพียงมองเขาแต่งงานมีลูก พอถึงเวลาเธอก็จะโดนถีบหัวส่ง
ข้อดีคือไม่มีอันตรายถึงชีวิต
แต่ถ้าสวีซุ่ยหนิงลองเปลี่ยนไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ไปในที่ไกลๆ เจียงเจ๋ออาจจะหาเธอไม่เจอก็ได้
"ปล่อยให้เรื่องของเจียงเจ๋อเป็นไปธรรมชาติเถอะ" สวีซุ่ยหนิงคิดอยู่นานแล้วจึงพูดว่า “ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรผิดไปตอนฉันเมา งั้นฉันขอโทษนายตรงนี้แล้วกัน ฉันหวังว่านายจะเจอผู้หญิงที่เหมาะสมในเร็ววันนี้ และมีทายาทสืบต่อไป”
"ดูเหมือนว่าในสายตาของเธอ ฉันมันไม่ต่างอะไรจากเจียงเจ๋อเลย"
สวีซุ่ยหนิงคิดในใจว่าเขายังดีกว่าเจียงเจ๋อมาก แต่ไม่ถึงขั้นที่เธอจะชอบเขามากแค่นั้นเอง
อันที่จริงแล้วในระยะเวลาสองเดือนกับยี่สิบเก้าวันที่เธอคบหากับเฉินลู่ เธอพอมีความประทับใจดีๆ ต่อเฉินลู่อยู่บ้าง เช่นตอนที่เขาง้อเธอเป็นครั้งคราว แต่คบกับเขาเธอยังคงต้องเรียนรู้ที่จะมีสติ
ลองถามเฉินลู่ว่ามีผู้หญิงดีๆ ข้างกายมาห้าหกปี แล้วทำไมถึงเกิดความรู้สึกกับผู้หญิงคนอื่นได้ ถ้าเข้าใจแล้วก็จะไม่เดินตามรอยความรักของแมรี่ ซู[1]
ยิ่งกว่านั้นห้องนอนใหญ่ของเฉินลู่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป และรูปถ่ายงานแต่งงานคือของรักของหวง ถ้าพังก็จะต้องหาคนมาซ่อมภายในคืนนั้นเลย
"แต่ฉันคิดว่านายจะต้องดีที่สุดในอนาคต ถ้ามีเรื่องสำคัญก็ค่อยติดต่อมานะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล อันที่จริงความหมายคือไม่ต้องมาเจอกันอีก และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีเรื่องสำคัญอะไรต่อกันอีกแล้ว
เฉินลู่ไม่แม้แต่จะมองเธอ และจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
สวีซุ่ยหนิงถอนหายใจ สิ่งที่อยากพูดกับเฉินลู่ก็ได้พูดไปทุกอย่างแล้ว แน่นอนว่าผู้ชายอย่างเฉินลู่จะไม่ง้อใครง่ายๆ เพราะมีผู้หญิงมากมายอยู่รอบกาย และหลังจากนี้เกรงว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วจริงๆ
สองวันต่อมาเจียงเจ๋อก็ออกมาจากคุกจริงๆ
ทันทีที่เขาออกมา เขาก็ตรงไปที่บ้านของสวีซุ่ยหนิง
โชคดีที่สวีซุ่ยหนิงฉลาดและมองการณ์ไกล เธอเลือกพักที่โรงแรมเป็นเวลาสองวันแล้ว ตอนแรกเธอมีแผนที่จะทบทวนให้ดีก่อนค่อยตัดสินใจว่าจะลาออก แต่ตอนนี้เธอต้องยอมกัดฟันไปลาออกจากงาน
สวีซุ่ยหนิงมีนิสัยที่ดี ไม่ค่อยทะเลาะกับคนอื่น และไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนอื่น มีนักเรียนหลายคนยังคงอาลัยอาวรณ์กับเรื่องที่เธอจะลาออก
มีครูหลายคนในโรงเรียนรู้สึกเสียดายที่เธอกำลังจะลาออก
มีคนพูดติดตลกว่า "อาจารย์สวี มีครูชายหลายคนในโรงเรียนที่ให้คะแนนครูไว้ดีมาก ถ้าไปแล้วก็กลับมาเยี่ยมบ่อยๆ นะ เพราะทุกคนเรียกครูว่านางฟ้า"
สวีซุ่ยหนิงตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ได้ซื้อของขวัญให้กับคนที่รู้จักด้วยเงินเดือนก้อนสุดท้าย
และเธอก็รู้จักคนมากมายในโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน เมื่อตอนที่เธอไปเยี่ยมซ่งเยี่ยนได้ซื้อขนมเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากพวกเขาอยู่เสมอ
ครั้งล่าสุดที่สวีซุ่ยหนิงกับเฉินลู่เดินจับมือกันเดินออกมาจากลิฟต์ของโรงพยาบาล หลายคนที่เห็นจึงคิดว่าพวกเขาน่าจะคืนดีกันแล้ว ขนมบางส่วนที่เธอนำมาฝากได้แบ่งไปที่ห้องทำงานของเฉินลู่
เฉินลู่เพียงชำเลืองมองแล้วพูดเบาๆ ว่า“แบ่งกันได้เลย ผมไม่กินขนม”
“หมอเฉิน กับคุณสวีคืนดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? เมื่อกี้ฉันลงไปข้างล่างแล้วได้ยินว่าคุณสวีปฏิเสธซ่งเยี่ยนแล้ว และก็ปฏิเสธอย่างชัดเจนด้วย”
เฉินลู่เลิกคิ้ว แล้วหันไปมองพยาบาลสาว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
สวีซุ่ยหนิงไม่ได้กลับบ้าน เพราะกลัวว่าเจียงเจ๋ออยู่ที่บ้านของเธอ เธอเลยถือโอกาสนี้เดินทางไปยังเมืองที่ไม่คุ้นเคย คิดไว้ว่าจะอยู่นานถึงสองเดือน ส่วนเรื่องสอบบรรจุเลื่อนออกไปก่อนชั่วคราว
เหตุผลที่เธอตัดสินใจปฏิเสธซ่งเยี่ยนก็เพราะเธอพิจารณาแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นไปไม่ได้ที่จะย้ายตามเธอไปยังเมืองอื่น
หลังจากอยู่ในเมืองh ได้สองสามวัน จางอวี้ได้โทรมาพูดอะไรบางอย่างกับเธอ "เฉินลู่ไปนัดดูตัวกับผู้หญิงอีกแล้ว สไตล์ของหญิงสาวคนนั้นเหมือนออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับโจวอวี้เลย ฉันได้ยินมาว่าตอนแรกเฉินลู่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ท่าทางเคร่งขรึมและเย็นชามาก แต่วันถัดไปกลับนัดเธอคนนั้นไปดูหนังซะงั้น”
"ก็เพราะคล้ายกับคนรักเก่าของเขาไง" สวีซุ่ยหนิงเข้าใจเขา
"เธออยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง? ปรับตัวกับสถานที่ได้หรือยัง? มีหนุ่มหล่อข้างกายหรือยัง?" จางอวี้ถามติดกันถึงสามประโยค
สวีซุ่ยหนิงพูดว่า "ฉันยังไม่เห็นผู้ชายๆ หล่อเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...