บทที่ 57 – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 57 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เมื่อเฉินลู่พาคู่ควงของเขากลับมาทานอาหาร เซี่ยซีได้เห็นรูปภาพรอยสักของสวีซุ่ยหนิงผ่านโพสต์หน้าเพจของเธอ
ไม่พูดไม่ได้เลย ผิวขาวผุดผ่อง กระดูกไหปลาร้าที่สวยงามของหญิงสาว มีรอยสักใต้กระดูกไหปลาร้า ดูงดงามและเหมาะสมมาก
ขณะนั้นเซี่ยซีรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
"คุณป้าดูอะไรอยู่เหรอคะ?"
คู่ควงของเฉินลู่ในครานี้ชื่อว่าหวังหว่าน การแต่งกายของเธอนั้นละม้ายคล้ายกับโจวอี้ เซี่ยซีไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อเธอ เธอเอ่ยกับหล่อนด้วยท่าทีเฉยเมย "ดูรอยสักอยู่น่ะ สวยและแปลกตาดี"
หวังหว่านโน้มตัวเข้ามาดู เมื่อเห็นรอยสักของสวีซุ่ยหนิง เธอเอ่ย "นี่คือผีเสื้อหางแฉก เป็นสัญลักษณ์ของความรัก อาจจะไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่สักรูปนี้ คู่ควงของเธออาจจะสักด้วยเช่นกัน"
เมื่อเห็นใบหน้า เธอตกตะลึงไปชั่วขณะ "ผู้หญิงคนนี้สวยมาก"
ในตอนที่สวีซุ่ยหนิงคบหากับเฉินลู่ คนข้างกายภายในโรงพยาบาลต่างรับรู้กันหมด ส่วนแวดวงเพื่อนของเขา นอกจากลั่วจือเห้อที่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ปกติ คนอื่นๆก็ไม่มีใครรู้ว่าสวีซุ่ยหนิงคบหากับเฉินลู่
ในเวลานั้น เฉินลู่จงใจปกปิดความสัมพันธ์นี้ไว้ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าผู้หญิงที่ไม่อาจแต่งงานด้วยได้และยังเป็นแฟนเก่าของเจียงเจ๋อ ไม่จำเป็นต้องบอกให้ทุกคนรู้ถึงความสัมพันธ์นี้
และผลลัพธ์ที่ได้มาจากการถูกปกปิดนั้นดีเยี่ยมม มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าสวีซุ่ยหนิงเคยคบหากับเฉินลู่
คำพูดของหวังหว่านทำให้เซี่ยซีหยุดชะงัก ที่ผ่านมาได้ยินมาว่าสวีซุ่ยหนิงและซ่งเยี่ยนไม่ได้มีเวลาที่ดีด้วยกันเท่าไรนัก หรือว่าคืนดีกันแล้ว? ไม่อย่างนั้นเธอเองก็นึกไม่ออกเลยจริงๆ ในช่วงระยะเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้สวีซุ่ยหนิงจะสักรูปคู่กับใครได้
เธอเอียงศีรษะจ้องมองเฉินลู่ "แฟนของหนิงหนิงใช่ซ่งเยี่ยนหรือเปล่า?"
เฉินลู่ยอกย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ "ถ้าไม่ใช่เขา จะให้เป็นผมหรือไงครับ?"
หวังหว่านเอ่ย "ที่แท้ก็ซ่งเยี่ยนนี่เอง เขารูปหล่อมากเลยล่ะค่ะ กับผู้หญิงที่มากด้วยความสามารถและสวยด้วย ช่างเหมาะสมกันจริงๆ"
เซี่ยซีเอ่ย "ก็แน่ล่ะ ซ่งเยี่ยนดีกับเธอมาก ทั้งยังกระตือรือร้นและเป็นมิตร ทั้งสองจะปลูกต้นรักกันอย่างรวดเร็วก็เป็นเรื่องปกติ"
หวังหว่านจ้องมองเฉินลู่และเอ่ยอย่างติดตลก "นายน่ะพูดน้อยมาก หลายครั้งที่ฉันต้องหาเรื่องคุย ไม่ต้องพูดถึงความกระตือรือร้น อย่าเย็นชาจนเป็นน้ำแข็งแค่นั้นก็ดีมากแล้ว นายมีความคิดเห็นเกี่ยวกับฉันบ้างหรือเปล่า?"
ไม่เพียงแต่ประพฤติตัวเหมือนโจวอี้ แม้แต่น้ำเสียงในการพูดคุยก็คล้ายกับโจวอี้
ละม้ายคล้ายกันมากขนาดนี้ เซี่ยซีรู้สึกได้ว่าเฉินลู่ย่อมตามใจเธอ
เฉินลู่หยุดนิ่งไปชั่วขณะและเอ่ย "ไม่"
เมื่อเขาเอ่ยจบ เขาลุกขึ้นและขึ้นไปยังชั้นบน
เธอยิ้มและเอ่ยเย้ยหยัน "กับเธอน่ะถือว่าใช้ได้แล้วล่ะ เธออาจจะไม่รู้ กับแฟนเก่าของเฉินลู่น่ะถึงจะเรียกว่าเย็นชา หากเขารำคาญ เขาจะไม่รับสายและจะไม่ไปพบเจอเธอ เขาไม่เคยเพิกเฉยต่อเธอเลยและรำคาญเธอเลยใช่หรือเปล่า?"
"เฉินลู่ติดต่อฉันหลายครั้งมากค่ะ เวลารับสายโทรศัพท์ก็รับไวมาก" หวังหว่านเอ่ยอย่างเขินอาย จากนั้นเอ่ยถามถึงแฟนเก่าของเฉินลู่ด้วยท่าทีแปลกใจ
เซี่ยซีกลับยิ้มและเอ่ยด้วยท่าทีไม่จริงจัง "ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้วล่ะ ในตอนนั้นเขาก็เพียงแค่เล่นๆกับหล่อน เธออย่าเก็บไปใส่ใจเลย"
มีช่วงระยะหนึ่งที่เฉินลู่เป็นแบบนั้น แต่เพียงไม่กี่วันเขาก็เปลี่ยนไป หวังหว่านรู้สึกว่าอาจจะเป็นประเภทนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
หากเขาไม่รักสนุกและจดจำเพียงโจวอี้ เช่นนั้นแล้วก็คงจะน่ากลัว
รักสนุกก่อนที่จะแต่งงานนั้นเป็นเรื่องปกติ มีผู้ชายกี่คนที่ไม่รักสนุก? ต่อให้แต่งงานแล้วก็ตาม เบื้องหลังชายที่ประสบความสำเร็จต่างก็มีห้องเล็กห้องน้อยมากมาย หลังจากแต่งงานแล้วผู้ชายจะรักสนุกอยู่อีกหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้หญิงมีความสามารถในการควบคุมผู้ชายหรือเปล่า
แม่ของหวังหว่าน เธอเป็นหญิงสาวที่สามารถควบคุมสามีของตนได้ พ่อเธอเป็นผู้ชายสุรุ่ยสุร่ายแต่ท้ายที่สุดก็กลับมาอยู่ในโอวาทและประพฤติตัวดีมาก หลังจากนี้ย่อมถ่ายทอดประสบการณ์ให้เธอได้อย่างแน่นอน ดังนั้นหวังหว่านจึงไม่รีบร้อน
เธอมีงานมีการทำ แม้ว่าเธอจะคบหากับเฉินลู่ แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งงาน ต่อให้ตอนนี้เธอคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะแก่การใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉินลู่ แต่ก็ไม่สามารถจดจำได้เพียงแค่ความรัก
เมื่อบริษัทมอบหน้าที่ให้ออกเดินทางไปทำธุระที่ต่างเมือง เธอก็ตอบรับโดยไม่ปริปากพูดอะไร
แต่ทว่าหวังหว่านนั้นคาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับความบังเอิญเช่นนี้ การที่ได้เห็นภาพสวีซุ่ยหนิงผ่านโทรศัพท์ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อถึงเวลาทานอาหารร่วมกับบริษัทหุ้นส่วน เธอจะได้พบกับหล่อนตัวจริงเสียงจริง
สวีซุ่ยหนิงกล่าว "งั้นสามีของคุณเหรอคะ? คุณกับสามีนี่มีความรักที่ดีนะคะ ออกมาทำงานต่างจังหวัดก็โทรถามเป็นห่วงเป็นใย"
เฉินลู่ขมวดคิ้ว
หวังหว่านไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก ในวันนั้นต่อหน้าเซี่ยซี เฉินลู่ดูไม่ได้กระตือรือร้นในเรื่องของสวีซุ่ยหนิง สงสัยอาจจะไม่ได้สนิทกัน เธอครุ่นคิดและเอ่ย "กับแฟนของคุณ ค่อนข้างสนิทค่ะ เจอหน้ากันอยู่หลายครั้ง"
สวีซุ่ยหนิงตอบรับ 'อ่อ' และเอ่ย "ซ่งเยี่ยน จริงๆแล้วเขาไม่ได้..... ช่างเถอะค่ะ คุณรู้จักเขานี่เอง เขาเป็นคนดีมากค่ะ สองประโยคแรกที่ฉันพูดถึงไม่มีอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับเขาหรอกค่ะ"
หวังหว่านถามด้วยความสงสัย "แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นซ่งเยี่ยนล่ะคะ?"
"พอดีฉันออกมาขับรถรับลูกค้าน่ะค่ะ เขาอยู่บ้านทำอาหารค่ะ" สวีซุ่ยหนิงยังคงรู้สึกว่าการที่ไม่มีเงินน่ะทำให้ขาดความรู้สึกปลอดภัย อย่างไรเสียเธอก็ขับรถยนต์มาที่นี่ ทำได้เพียงแค่หาเงินจากเจ้ารถคันนี้ และเธอเองก็มีเวลาว่างด้วย
หวังหว่านเอ่ย "พวกคุณอยู่ด้วยกันเหรอคะ?"
"ใช่ค่ะ" เมื่อเธอเอ่ยถามประโยคนี้กับสวีซุ่ยหนิง เธอรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย
สีหน้าการแสดงออกของปลายสายก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
ชายโสดและหญิงโสดอยู่ร่วมห้องกัน รวมถึงนิสัยของซ่งเยี่ยน ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
เมื่อเฉินลู่นึกถึงเรื่องนี้ เขาแทบอยากจะจับสวีซุ่ยหนิงมาตีให้หลาบจำ อยู่กับผู้ชายทำไมถึงไม่ระมัดระวังตัวบ้างเลย?
"ไว้วันหน้า พวกเราค่อยไปทานข้าวกันนะคะ" หวังหว่านเอ่ย
หลังจากที่เอ่ยประโยคนี้จบ เธอก็ไม่ได้พูดคุยกับสวีซุ่ยหนิงอีก เธอพูดกับเฉินลู่ที่อยู่ปลายสาย "นายเลิกงานตอนไหน?"
เฉินลู่เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยากจะอธิบาย "เธออยู่เมืองไหน? ฉันจะไปหาเธอ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...