เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 60

สรุปบท บทที่60: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

บทที่60 – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่60 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนแรกเฉินลู่จูบสวีซุ่ยหนิงเพราะว่าต้องการระบายความโกรธ แต่ว่าในตอนที่ได้จูบแล้ว มือเขาที่ออกแรงกดมือของเธอไว้ก็เกิดสั่น จูบดุเดือดนั้นจึงนุ่มนวลขึ้น จนเหลือเพียงแค่งับริมฝีปากของเธอเบาๆ

ตัวของเขาก็ค่อยๆ เบียดเข้าหาตัวเธอมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ปล่อยเธอครู่หนึ่ง เพื่อให้เธอได้หายใจ จากนั้นก็ขยับเข้ามาชิดเธออีก มือที่โอบเอวเธอเอาไว้ไม่ได้เป็นเพราะต้องการกักขังเธอต่อ แต่เป็นเพราะต้องการอะไรบางอย่าง

เขาไม่ปฏิเสธว่าเขานั้นคิดถึง เขามีแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวหลายปี ต่อให้เป็นไปเพราะสัญชาตญาณดิบ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดถึง เฉินลู่ก็คงไม่มีทางมองเธอบ่อยขนาดนั้น

ยังไงสวีซุ่ยหนิงก็คิดไม่ถึงว่าเฉินลู่จะทำเรื่องพวกนี้ ในตอนที่เธอกำลังขัดขืน ศอกของเธอก็กระแทกเข้ากับต้นไม้ เธอเจ็บจนน้ำตาเกือบไหลออกมา

เฉินลู่ถึงได้ยอมปล่อย จากนั้นก็ยื่นมือออกมาตรวจแขนของเธอ อย่างที่คิด มันถลอก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย "ในกระเป๋ามียาอยู่ใช่ไหม?"

สวีซุ่ยหนิงเมินเขา เธอออกเดินไปทางด้านหน้า

เฉินลู่เอ่ย: "ถ้าไม่ทำความสะอาดแผลให้ดี จะติดเชื้อได้ง่าย"

"ยังไงก็จะหั่นฉันแล้วเอาไปให้หมากินอยู่แล้วนี่ เกี่ยวอะไรกับติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ?" เธออดแซะเขาไม่ได้

ตอนนี้เฉินลู่อารมณ์ดีพอสมควร เลยเลิกคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น: "เธอคิดว่าจากนิสัยของฉัน ฉันจะหั่นเธอจริงหรือไง? ฉันตั้งใจพูดด้วยเสียงสูงให้ฟังดูหยอกเล่นแล้วนะ เพราะฉันกลัวว่าเธอจะเชื่อจริงๆ"

ตอนนั้นคนมันกำลังโมโห ที่จริงถ้าเธอยอมๆ ไป เรื่องพวกนี้ก็นับได้ว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

สวีซุ่ยหนิงเดินหาทางออกไปด้านนอกเงียบๆ ต่อให้เขาบอกทางให้เธอ เธอก็ไม่ตอบอะไรเขาเลย นอกจากจะเดินไปตามทางที่เขาบอก

เฉินลู่มองท่าทางดื้อรั้นของเธอ ก็รู้แล้วว่าเมื่อกี้ตัวเองนั้นทำเกินไปหน่อย เขาถอนหายใจ ตั้งใจจะเดินไปอธิบายให้เธอฟัง ก็เห็นว่าซ่งเยี่ยนกำลังวิ่งมาจากอีกทาง เขาขมวดคิ้วและเรียกเธอ: "พี่ซุ่ยหนิง"

สวีซุ่ยหนิงเดินหน้าตึงอยู่หน้าเฉินลู่ พอมองเห็นซ่งเยี่ยนเธอก็ทนเก็บอาการไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ความรู้สึกน้อยใจและเสียใจพรั่งพรูกันขึ้นมา เธอเรียกเขาเสียงสั่น: "ซ่งเยี่ยน"

เธอก้าวไวๆ ไปหาเขา

ซ่งเยี่ยนเองก็เดินมาหาเธอเหมือนกัน เขาอ้าแขนทั้งสองข้างแล้วกอดเธอเอาไว้กับอก จากนั้นก็เอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิด: "พี่ซุ่ยหนิง เป็นอะไร?"

ระหว่างที่พูด เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองเฉินลู่ คนหลังเม้มปากเข้าหากันแน่น แล้วมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

ซ่งเยี่ยนก้มลงมามองสวีซุ่ยหนิง แล้วถามด้วยความเป็นห่วง: "เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหมครับ?"

สวีซุ่ยหนิงส่ายหน้า แล้วเอ่ย: "พาฉันออกไปข้างนอกเถอะ"

ซ่งเยี่ยนปล่อยเธอ เขาคิด จากนั้นก็กุมมือเธอเอาไว้ แล้วพาเธอออกไปจากป่า

เฉินลู่เดินอยู่เดี่ยวๆ ด้านหลังทั้งสองคน มองคนหนึ่งที่มีท่าทีปกป้อง กับอีกคนที่อิงแอบแนบชิดอย่างพึ่งพิง

ซ่งเยี่ยนพาเธอมาหยุดที่ข้างเต็นท์ ส่งน้ำให้กับเธอ เธอดื่มน้ำไปหลายอึกจนหมดขวด เมื่อครู่ใช้เวลาเดินอยู่นาน เธอเหนื่อยจนแทบจะหมดแรง ตอนเขาทาทิงเจอร์ไอโอดีนให้เธอ แม้จะแสบ แต่เธอก็ไม่ได้ร้องออกมา

เฉินลู่มองอยู่จากข้างๆ แล้วเขาก็เดินไปเปิดกระเป๋า เอาข้าวกล่องสำเร็จรูปออกมา หลังจากที่ใช้น้ำร้อนอุ่นจนมันร้อนแล้ว ก็ถือมาตรงหน้าเธอแล้วย่อตัวลง: "กินข้าวก่อน"

มือของสวีซุ่ยหนิงกำแน่น เธออ้าปาก อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่แล้วเธอก็ไม่กล้าพูดออกมา

เฉินลู่จ้องเธอครู่หนึ่งแล้วเอ่ย: "เธออยากพูดอะไร พูดออกมาเถอะ"

เธอจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบา: "นายอย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกได้ไหม?"

ทั้งสองคนจ้องตากัน ผ่านไปครู่หนึ่ง สวีซุ่ยหนิงก็เบนสายตาออกไปก่อน ถึงแม้ประโยคนี้ที่เธอพูดออกมาอาจจะดูไม่หนักแน่นหรือสำคัญอะไร แต่ตอนพูดเธอไม่ลังเลเลย นี่คือความต้องการจากใจจริงของเธอ

ตอนที่ซ่งเยี่ยนย่างปลา สวีซุ่ยหนิงก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องทำอะไร รับผิดชอบด้วยการนั่งกินก็พอ กินได้ครึ่งหนึ่ง เธอยังแอบโดนซ่งเยี่ยนแย่งไปกินด้วยสองคำ สวีซุ่ยหนิงทำท่าไม่อยากจะเชื่อใส่เขา ท่าทางของเธอดูสดใสมีชีวิตชีวา

หวังหว่านมองพวกเธอทั้งคู่ ก็ยิ้มแล้วหันไปเอ่ยกับเฉินลู่ที่อยู่ข้างๆ: "ดูเหมือนว่า การมาตั้งแคมป์จะเหมาะกับวัยรุ่นมากกว่าเนอะ สำหรับพวกเราแล้ว มันคือการเสียวันสองวันไปเปล่าๆ แต่ฉันประหลาดใจมากนะ ที่นายยอมรับปากมาตั้งแคมป์กับฉัน นาย......มีความคิดที่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์กับฉันบ้างแล้วใช่ไหม?"

เฉินลู่เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ: "ฉันบอกไปตั้งแต่วันแรกที่เจอเธอแล้ว พวกเราเหมาะจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า"

"มีคู่แต่งงานหลายคู่ ที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันนะ" หวังหว่านเอ่ย "นายไม่ลองคบกันฉันดู นายจะรู้ได้ยังไงว่าเราไม่เหมาะสมกัน? แถมที่เราไปดูหนังด้วยกันสองครั้งก่อนหน้า เราก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคู่รักทั่วไป เฉินลู่ ความรักในวัยพวกเรา มันไม่มีคำว่ารักบริสุทธิ์หรอกนะ"

ที่เฉินลู่นัดเธอดูหนังเพราะว่ากิจกรรมแบบนั้นมันไม่ต้องพูดคุยอะไรเยอะ ส่วนเรื่องที่เขามีการติดต่อเธอไปบ้าง ก็เป็นเพราะคำสั่งของเฉินเจ๋อชู เขาเปิดใจกับเฉินเจ๋อชูไปแล้วว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ แต่เขาก็ยังให้เขาลองอีกครั้ง

เขาไม่ตอบอะไรหวังหว่าน เพียงแค่มองคนที่มาตั้งแคมป์ที่อยู่ใกล้กัน ตั้งใจจะเข้าไปขอยาให้สวีซุ่ยหนิง

ในตอนที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน หวังหว่านก็คว้าคอเสื้อเขาไว้ เพราะตั้งใจจะจูบเขา

สวีซุ่ยหนิงที่อยู่ออกไปไม่ไกล เห็นภาพนี้เข้า แล้วเธอก็รีบเบนสายตาไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว

เฉินลู่ผลักเธอออกด้วยความตกใจ แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา: "เธอเป็นบ้าเหรอ?"

ปกติแล้วหวังหว่านเป็นคนเอาแต่ใจ ต่อหน้าเฉินลู่เธอพยายามอดทนที่สุดแล้ว พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอก็มีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาในทันที: "เฉินลู่ นายไม่ชอบฉันตรงไหนเหรอ?"

"ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว ครอบครัวของเธอเป็นคนจัดการให้เรามาเจอกัน เพราะว่าฉันเกรงใจผู้ใหญ่ ฉันก็เลยปฏิเสธไม่ได้ ฉันไม่เคยมีความคิดที่จะไปต่อกับเธอ" เขานวดคิ้วตัวเอง พยายามสะกดความหงุดหงิดของตัวเองไว้ แล้วเอ่ย: "ฉันพูดแบบอ้อมค้อมอยู่บ้าง แต่เธอคงรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง"

แม้กระทั่งตอนโทรหาเธอ เฉินลู่ยังไม่เคยล้ำเส้นเลยด้วยซ้ำ เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มพูดจาแทะโลมเขา เขาก็จะเปลี่ยนเรื่องทันที

แถมเขายังเคยบอกเธออยู่หลายครั้ง ว่าเธอสามารถไปมีคนรักได้ ถ้าเขาชอบเธออยู่บ้าง ก็คงไม่เอ่ยแบบนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน