เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 66

ตอนนี้สวีซุ่ยหนิงก็อย่างต่างประเทศมาได้หลายเดือนแล้ว

เพียงแต่ในตอนนี้โลกเป็นเหมือนหนึ่งหมู่บ้าน มีบริษัทมากมายที่ร่วมงานกันแบบไร้พรมแดน สวีซุ่ยหนิงที่ทำงานในบริษัทโฆษณาก็บังเอิญเจอคนรู้จัก

ลั่วจือเห้อกำลังคุยกับเจ้านายของเธอจากระยะไกล เธอมองจากไกลก็รู้แล้วว่าเป็นเขา แต่เขามองอยู่หลายครั้งถึงจำได้ว่าเป็นเธอ

ที่จริงสวีซุ่ยหนิงไม่ค่อยอยากปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเขาเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมองเห็นแล้ว ก็คงต้องไปทักทายสักหน่อย

ลั่วจือเห้อเอ่ย "ที่แท้ก็มาทำงานที่ต่างประเทศเหรอเนี่ย"

สวีซุ่ยหนิงพยักหน้า "ที่นี่ดีมาก ฉันเลยแพลนที่จะอยู่ต่ออีกหน่อย"

ที่จริงลั่วจือเห้อไม่ถือว่าสนิทกับเธอมาก แต่ในเมื่อได้เจอคนรู้จักในต่างประเทศ ทั้งสองจึงนัดไปทานข้าวกัน

ระหว่างทานข้าว คนในครอบครัวของลั่วจือเห้อโทรมาหลายครั้ง

สวีซุ่ยหนิงพยายามลดการแสดงตัวลง

เมื่อลั่วจือเห้อวางสาย ก็ยังคงแสดงท่าทางที่เหมือนจะปวดหัว

สวีซุ่ยหนิงถามขึ้น "นายเป็นอะไร"

"ครอบครัวบังคับให้ฉันหาคู่ชีวิต" ลั่วจือเห้อตอบอย่างเบื่อหน่าย "ฉันยังไม่สามสิบเลยนะ คนเขาต่างคิดว่าฉันจะไปออกบวชเป็นพระซะแล้ว"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ได้ยินว่านายกับเสิ่นเจวียนคุยกันได้ดีไม่ใช่เหรอ "

"ฉันมองเธอเป็นน้องสาวเท่านั้น" ลั่วจือเห้อรู้สึกว่าคำพูดเธอน่าขำมาก "ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เธอไล่จีบเฉินลู่ ฉันก็ไม่สามารถอยู่แบบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ เพราะผู้ชายที่ไหนจะยอมรับได้ที่ตัวเองโดนสวมเขา"

คำว่าเฉินลู่สองคำ ทำให้สวีซุ่ยหนิงขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องมีดปลอม ดูเหมือนเขาไม่ได้คิดจะสืบหา เพียงแต่ในใจเธอยังไม่สามารถสงบลงได้ เกรงว่าถ้าวันไหนเขานึกขึ้นมาได้ จะไม่ยอมปล่อยเธอไป

ลั่วจือเห้อเห็นสีหน้าของเธอ ก็ค่อยๆคาดเดาเรื่องราวได้ จึงเอ่ยขึ้น "โจวอี้หย่าแล้ว แบ่งเงินไปได้ไม่น้อย ชายชราคนนั้นใจกว้าง ไม่รู้ว่าเฉินลู่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหม"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างมีนัย "น่าจะนะ เฉินลู่ดีกับเธอตลอด"

เมื่อคิดดูแล้วจึงถามขึ้น "ช่วงนี้เจียงเจ๋อตามหาฉันอยู่รึเปล่า"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน