ตอนนี้สวีซุ่ยหนิงก็อย่างต่างประเทศมาได้หลายเดือนแล้ว
เพียงแต่ในตอนนี้โลกเป็นเหมือนหนึ่งหมู่บ้าน มีบริษัทมากมายที่ร่วมงานกันแบบไร้พรมแดน สวีซุ่ยหนิงที่ทำงานในบริษัทโฆษณาก็บังเอิญเจอคนรู้จัก
ลั่วจือเห้อกำลังคุยกับเจ้านายของเธอจากระยะไกล เธอมองจากไกลก็รู้แล้วว่าเป็นเขา แต่เขามองอยู่หลายครั้งถึงจำได้ว่าเป็นเธอ
ที่จริงสวีซุ่ยหนิงไม่ค่อยอยากปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเขาเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมองเห็นแล้ว ก็คงต้องไปทักทายสักหน่อย
ลั่วจือเห้อเอ่ย "ที่แท้ก็มาทำงานที่ต่างประเทศเหรอเนี่ย"
สวีซุ่ยหนิงพยักหน้า "ที่นี่ดีมาก ฉันเลยแพลนที่จะอยู่ต่ออีกหน่อย"
ที่จริงลั่วจือเห้อไม่ถือว่าสนิทกับเธอมาก แต่ในเมื่อได้เจอคนรู้จักในต่างประเทศ ทั้งสองจึงนัดไปทานข้าวกัน
ระหว่างทานข้าว คนในครอบครัวของลั่วจือเห้อโทรมาหลายครั้ง
สวีซุ่ยหนิงพยายามลดการแสดงตัวลง
เมื่อลั่วจือเห้อวางสาย ก็ยังคงแสดงท่าทางที่เหมือนจะปวดหัว
สวีซุ่ยหนิงถามขึ้น "นายเป็นอะไร"
"ครอบครัวบังคับให้ฉันหาคู่ชีวิต" ลั่วจือเห้อตอบอย่างเบื่อหน่าย "ฉันยังไม่สามสิบเลยนะ คนเขาต่างคิดว่าฉันจะไปออกบวชเป็นพระซะแล้ว"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ได้ยินว่านายกับเสิ่นเจวียนคุยกันได้ดีไม่ใช่เหรอ "
"ฉันมองเธอเป็นน้องสาวเท่านั้น" ลั่วจือเห้อรู้สึกว่าคำพูดเธอน่าขำมาก "ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เธอไล่จีบเฉินลู่ ฉันก็ไม่สามารถอยู่แบบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ เพราะผู้ชายที่ไหนจะยอมรับได้ที่ตัวเองโดนสวมเขา"
คำว่าเฉินลู่สองคำ ทำให้สวีซุ่ยหนิงขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องมีดปลอม ดูเหมือนเขาไม่ได้คิดจะสืบหา เพียงแต่ในใจเธอยังไม่สามารถสงบลงได้ เกรงว่าถ้าวันไหนเขานึกขึ้นมาได้ จะไม่ยอมปล่อยเธอไป
ลั่วจือเห้อเห็นสีหน้าของเธอ ก็ค่อยๆคาดเดาเรื่องราวได้ จึงเอ่ยขึ้น "โจวอี้หย่าแล้ว แบ่งเงินไปได้ไม่น้อย ชายชราคนนั้นใจกว้าง ไม่รู้ว่าเฉินลู่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหม"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างมีนัย "น่าจะนะ เฉินลู่ดีกับเธอตลอด"
เมื่อคิดดูแล้วจึงถามขึ้น "ช่วงนี้เจียงเจ๋อตามหาฉันอยู่รึเปล่า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...