เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 1

ท่ามกลางเทือกเขาที่ทอดยาวดูราวกับไร้ที่สิ้นสุด ภายใต้เมฆที่ล่องลอยเหนือภูเขา มีภูเขาที่มีรูปร่างคล้ายกระบี่สองเล่มปักอยู่ ตั้งตระหง่านอยู่ที่ความสูงราว 10,000 ฟุต และกว้างราว 100 เมตร

ภูเขารูปร่างเหมือนกระบี่ทั้งสองเล่มนี้สูงชันเป็นอย่างมากและดูคล้ายกับเทพสององค์ได้ปักกระบี่ของพวกเขาลงบนพื้นพิภพ ที่ซึ่งไม่มีทางที่ผู้คนจะปีนป่ายขึ้นมาบนภูเขาแห่งนี้ได้

ณ จุดสูงสุดของยอดเขาทั้งสองนี้ ยอดเขาทั้งสองนี้ห่างกันไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร มันถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาซึ่งบดบังวิสัยทัศน์ แต่อย่างไรก็ถึงมันจะพร่ามัว แต่มันก็ยังคงที่จะสามารถมองเห็นคนสองคนยืนอยู่เหนือภูเขาที่ตั้งตระหง่านนั้นด้วยท่าทีสงบและนิ่งงัน ราวกับรูปปั้นหิน มีเพียงเสื้อผ้าของพวกเขาที่ปลิวไสวไปตามสายลมซึ่งพัดกระหน่ำจากบนฟากฟ้า

ระหว่างชายสองคน คนหนึ่งเป็นเพียงชายหนุ่มอายุไม่เกินยี่สิบปี ชายหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลางดงามอย่างไร้ที่ติ อาจกล่าวได้ว่ารูปโฉมของเขานั้นเป็นที่ต้องตาของสตรีทั่วโลก ภายใต้ดวงตาที่แสนจะอ่อนโยนนั้นมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ คล้ายกับว่ามันจะสามารถครอบงำจิตวิญญาณใครก็ได้

ชายหนุ่มมีผมดำยาวถึงเอว มันไม่ได้ถูกมัดไว้ มันถูกปล่อยให้พริ้วไปมาอย่างอิสระตามกระแสลมที่รุนแรงราวกับกำลังร่ายรำ ด้านหลังของเขามีกระบี่หนึ่งเล่มที่ซึ่งถูกห่อด้วยผ้าสีขาว ส่วนด้ามกระบี่ที่เผยออกมามีความงดงามประณีตเป็นอย่างมาก สลักไว้ด้วยสองคำอย่างชัดเจน “วายุโปรย” แต่ที่น่าประหลาดคือ กระบี่เล่มนี้ไม่ได้ผูกติดกับอะไร แต่สามารถติดอยู่บนหลังของชายหนุ่มได้โดยไม่ตกลงมา ยากที่จะอธิบายได้

ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าเจี้ยนเฉิน เขาได้รับสมญานามว่า “เทพกระบี่” นามนั้นเป็นที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสวรรค์และยุทธภพ ด้วยเพลงกระบี่ที่รวดเร็วและสมบูรณ์แบบ อาจถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์กระบี่ในหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน แม้ว่าเขาอายุเพียงยี่สิบปี เขาก็ได้ก้าวผ่านขอบเขตที่เหนือกว่าผู้อื่น

รายละเอียดเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักกันมากนักในเจียงหู่ นอกจากทราบเพียงว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มกำพร้าและไม่ได้สังกัดสำนักหรือนิกายใด ความเป็นมาของเขานั้นยังคงเป็นปริศนา และไม่รู้ว่ารูปแบบอันแข็งแกร่งของวิทยายุทธหรือแม้กระทั่งเพลงกระบี่นั้น เขาได้เรียนรู้มาจากที่ใด

ในภูเขาอีกด้านหนึ่งที่ไกลจากเด็กหนุ่มไปไม่ถึงร้อยเมตร มีชายแก่ที่ซึ่งอายุราว 50-60 ปี เขามีร่างกายใหญ่โตสวมเสื้อทับด้วยเสื้อคลุมสีดำ ดวงตาที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ มันส่องประกายออกมา สายตาของเขาเฉียบคมดั่งใบมีดที่คมกริบ ทำให้ไม่มีใครกล้ามองเขาตรง ๆ ในมือของชายแก่คนนี้คือกระบี่เล่มใหญ่สีดำ แต่ที่น่าประหลาดใจคือกระบี่ใหญ่เล่มนั้นเป็นกระบี่ไร้คม

ชายแก่คนนี้มีนามว่า ‘ต๊กโกวคิ้วป่าย’ เขาเป็นคนที่หายตัวไปจากยุทธภพมากว่า 100 ปีแล้ว ชื่อต๊กโกวคิ้วป่ายเป็นเพียงแค่ฉายาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดทราบถึงชื่อและตัวตนที่แท้จริง เพราะว่าในหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา เขาได้เอาชนะผู้คนที่แข็งแกร่งและอัจฉริยะหาตัวจับยากมามากมายนับไม่ถ้วน จนถึงวันนี้คนที่ทราบข้อมูลของต๊กโกวคิ้วป่ายและยังมีชีวิตรอดอยู่ก็ดูจะเหลือน้อยเต็มที ถึงกระนั้นชื่อเสียงของเขานั้นได้ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น หนึ่งร้อยปีมานี้ความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มมากขึ้น จนตอนนี้ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน

ในความเงียบงัน ต๊กโกวคิ้วป่ายมองไปยังเจี้ยนเฉินที่อายุราว 20 ปี ซึ่งอยู่ห่างราวหนึ่งร้อยเมตร สายตาของเขาคมกริบดุจใบกระบี่และในบางครายังส่องประกายเยือกเย็น

“เจี้ยนเฉิน แม้ว่าเจ้ายังเยาว์วัยนัก แต่ความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย เจ้าประสบความสำเร็จในเส้นทางสายกระบี่ สิ่งที่ข้ายังได้แต่หวัง แต่ช่างน่าเสียดายที่เจ้าสังหารศิษย์รักเพียงคนเดียวของข้า ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจำเป็นต้องแก้แค้นให้เขา วันนี้ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ศิษย์ข้า” ต๊กโกวคิ้วป่ายกล่าวอย่างหนักแน่น น้ำเสียงที่เคยสงบก่อนหน้านี้ กลับเริ่มเต็มไปด้วยความกระหายเลือดอันน่าหวาดหวั่นที่ทำให้ผู้คนถึงกับสั่นกลัว

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินสงบนิ่งเขามองไปยังต๊กโกวคิ้วป่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน เสื้อคลุมยาวสีขาวกระพือไปตามกระแสลม ผมที่ยาวถึงเอวโบกพัดไปมาราวกับกำลังเริงระบำ

“จะตำหนิข้าในเรื่องนั้นไม่ได้ ศิษย์ของท่านรนหาที่ก่อน หากแต่สิ่งเดียวที่ท่านควรตำหนิก็คือ ศิษย์ท่านฝีมืออ่อนด้อยเอง จนกระทั่งมันต้องตายด้วยกระบี่ของข้า” ริมฝีปากของเจี้ยนเฉินเปิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล

ต๊กโกวคิ้วป่ายหัวเราะด้วยความโกรธ “เยี่ยม เยี่ยมยอด ฝีมืออ่อนด้อยเช่นนั้นรึ? ในวันนี้ข้าขอว่าเจ้ามีประสบการณ์มากแค่ไหน ให้ชายแก่คนนี้ได้เห็นสิว่ากระบี่ ‘วายุโปรย’ ของเจ้าจะสามารถสังหารข้าได้เช่นไร”

ขณะที่กล่าวต๊กโกวคิ้วป่ายได้ตวัดกระบี่ของเขา ปรานณกระบี่อันแรงกล้าจำนวนมากไหลพุ่งออกจากตัวกระบี่ไปหาเจี้ยนเฉินซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรราวกับสายฟ้าฟาด

เจี้ยนเฉินมีใบหน้าเยือกเย็น กระบี่ได้ถูกชักออกจากฝักเป็นกระบี่สองคมยาว 1.3 เมตร กว้าง 2 นิ้วส่องประกายสีขาวนวล จากนั้นกระบี่ของเขาได้แทงออกไปอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งพุ่งเข้าหาปราณกระบี่ที่ต๊กโกวคิ้วป่ายส่งมาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้

ปัง…..!!

ปราณกระบี่ทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ระลอกพลังที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทาง ทำให้หมอกและเมฆโดยรอบจางหายไป

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินและต๊กโกวคิ้วป่ายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกัน พวกเขาทะยานออกจากยอดเขาในตอนแรกมายังจุดกึ่งกลางของยอดเขาทั้งสองและเริ่มการต่อสู้กันอย่างดุเดือดกลางเวหา

กระบวนท่าโจมตีของพวกเขารวดเร็วมาก เสียงจากการปะทะและเสียดสีกันของอาวุธดังกังวานไร้สิ้นสุด บริเวณที่พวกเขาต่อสู้มีปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งพวยพุ่งออกมาทุกทิศทาง ก่อให้เกิดหลุมขนาดยักษ์บนยอดเขาซึ่งรายล้อมพวกเขาอยู่ เศษหินนับไม่ถ้วนได้ตกสู่พื้นด้านล่างจากความสูงราวพันเมตร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ