เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 1078

ตอนที่ 1078: ทำลายอุปสรรค

ความวุ่นวายในเมืองเฮลไฟร์หายไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่การต่อสู้ในคืนนั้นจบลง ทายาทตระกูลไป๋ก็ไม่ปรากฎขึ้นอีกเลย

มีกระท่อมไม้เล็ก ๆ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในภูเขาที่สูงที่สุดของแนวภูเขาที่ห่างออกไปหมื่นกิโลเมตรจากเมืองแห่งเทพเจ้า แม้ว่ามันจะถูกพัดไปด้วยสายลมเย็นตลอดทั้งปี แต่มันก็เหมือนฝังรากลงในดิน มันตั้งอยู่ที่นั่นอย่างมั่นคง ไม่ไหวเอนเลยแม้แต่น้อย

รูปแบบของกระท่อมนั้นธรรมดามาก ธรรมดาจนยากที่จะเชื่อว่ามีคนอาศัยอยู่ในนั้น นอกเหนือไปจากเตียง โต๊ะ เก้าอี้ไม้ มันก็ไม่มีของอย่างอื่นเลย อย่างไรก็ตามทุกอย่างที่อยู่ด้านก็สะอาดอย่างไร้มลทิน

บนเตียงมีหญิงสวยวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเขียวเข้ม นางสวยและใบหน้าของนางก็เปล่งรัศมีไปด้วยความชอบธรรม นางมีรูปลักษณ์ที่เตะตา และแม้ว่านางจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว นางก็มีความสวยงามอย่างสุดยอด เพียงแค่มองปราดเดียวก็เห็นได้ว่านางนั้นเป็นหญิงที่มีเสน่ห์ในอดีต

ข้าง ๆ เตียงมีชายวัยกลางคนในชุดขาวนั่งอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และเขาก็ดูค่อนข้างอ่อนล้า เขาจับมือสีขาวของนางเอาไว้

“ไคหยุน เจ้าหลับมา 1 ปีเต็มแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าแค่ปิดตัวเองไว้เพราะหัวใจของเจ้าเจ็บปวด และเจ้าไม่ต้องการที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง…”

“ไคหยุน ข้าไม่สามารถชดใช้ให้กับเจ้าได้ ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพบเจอเจ้า คนที่ควรจะได้รับการลงโทษแบบนี้ควรจะเป็นข้า ไม่ใช่เจ้า ไคหยุน ทำไมเจ้าถึงบ้าบอแบบนี้…”

“ไคหยุน เจ้าได้ยินข้าหรือไม่ ? อย่าดื้อไปเลย อย่าทำแบบนี้เลย เอาล่ะ ? ตื่นเถอะ เจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกแย่ที่เห็นเจ้าเป็นแบบนี้ ? ข้าช่างทุกข์ทน…”

เฮาหวู่นั่งอยู่ข้างข้างซาร์ ไคหยุน เขาพึมพำเบา ๆ กับตัวเองในขณะที่จับมือของนางเอาไว้ ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่เขารู้สึก

ทั้งแต่ที่เขาพาซาร์ไคหยุนมาจากเมืองแห่งเทพเจ้า นางก็ไม่ได้สติมาตลอด

“ไคหยุน บางที มู่เอ๋ออาจจะปลุกเจ้าได้ ข้าจะไปหามู่เอ๋อดีหรือไม่ ? ” เฮาหวู่พึมพำในขณะที่เขาขมขื่น เขารู้ดีว่ามู่เอ๋อเกลียดทั้งเขาและซาร์ไคหยุน มันคงยากมากที่จะให้นางมาปลุกซาร์ไคหยุนด้วยเสียงพิณของนาง

และถ้าเขาพยายามที่จะทำแบบนั้น มันคงทำให้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เกลียดเขามากยิ่งขึ้นไปอีก

“ข้าควรจะทำยังไง ? ข้าควรจะทำยังไง ? ไคหยุน เมื่อไหร่เจ้าถึงจะตื่นขึ้นมา…”

ในพริบตาเดียว อีกสองปีก็ผ่านไป เป็นเวลากว่าสามปีแล้วตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินมาถึงที่เมืองทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินนั่งอยู่เหมือนรูปปั้นในห้องที่เสี่ยวหลิงสร้างขึ้นมาจากพลังงานที่อยู่ใต้เมืองทหารรับจ้าง เขาไม่เคลื่อนไหวเลย ไม่มีแม้แต่พลังงานซักเล็กน้อยกระเพื่อมจากร่างของเขา

ในห้องที่มืดและเย็น มิติก็ดูเหมือนจะกระเพื่อมเหมือนจังหวะหัวใจเต้น พลังที่ลึกซึ้งเต็มไปทั่วรอบ ๆ และมันมีความจริงของธรรมชาติที่อธิบายไม่ได้อยู่

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่แบบนั้นและหยิบยืมความลึกลับของธรรมชาติที่เสี่ยวหลิงดึงมา เพื่อใช้มันในการทำความเข้าใจความจริงของธรรมชาติและกฎของธรรมชาติ หลังจากที่พยายามอย่างหนักมา 3 ปี อัตราเร็วในการพัฒนาของเขาก็ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด เขาพัฒนาจากชั้นสวรรค์ที่ 7 มาเป็นชั้นสวรรค์ที่ 9 แล้วในตอนนี้ในด้านของความเข้าใจในระหว่างเวลาสามปีนี้ และเขาติดอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 9 มา 1 ปีเต็ม เขาอยู่ในขั้นสูงสุดในตอนนี้ อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น ความเข้าใจของเขาก็จะอยู่ในระดับเซียนราชา

ไป๋ไฮและหวงเทียนป้าอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 และ 6 ตามลำดับตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน ความสามารถของพวกเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับเจี้ยนเฉิน ดังนั้น ถึงแม้จะมีเสี่ยวหลิงคอยช่วย พวกเขาก็ไม่คืบหน้าแม้ในระดับเล็กเล็กในเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ความเร็วที่พวกเขาทำความเข้าใจในความลึกลับต้องให้เวลาอีก 3 ปีถึงจะสามารถพัฒนาไปอีกขั้นได้

เหตุผลที่พวกเขาสามารถพัฒนาไปอีกระดับได้ในเวลาหนึ่งปีก่อนหน้านี้ เพราะว่าพวกเขาติดอยู่ในระดับนี้มาหลายปีแล้ว พวกเขาอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาจะพัฒนาได้ในตอนนั้น

พวกเขาทั้งสองยังคงยินดีที่พวกเขาพัฒนามาได้ 1 ขั้นในเวลาสามปีที่ผ่านมา เพราะว่าพวกเขาคงใช้เวลาอย่างน้อยหลายทศวรรษหรืออาจจะมากกว่าร้อยปีเพื่อที่จะพัฒนาได้ ถ้าพวกเขาเข้าใจความลึกลับด้วยตัวของพวกเขาเอง ด้วยการที่มีเสี่ยวหลิงคอยช่วย เวลาที่ใช้ในการพัฒนาก็ลดลงหลายเท่า อาจจะมากกว่าเป็นสิบเท่า

ในเวลาสามปี ความแข็งแกร่งของหวงหลวนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน นางเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 4 ในขณะที่เจียงหวูจี่และหยางหลิงยังคงเป็นเซียนสวรรค์อยู่เหมือนเดิม

ความสามารถของเจียงหวูจี่นั้นธรรมดา เขาใช้สมบัติสวรรค์ไปก่อนหน้านี้ แต่เขาก็เกือบมาถึงสุดทางในอายุขัยพันปีของเขาแล้ว เขาดูเหมือนจะหมดไฟ ดังนั้นแม้จะมีขนสัตว์อสูรคอยช่วย เขาก็ยังไม่เข้าใจในความลึกลับอย่างสมบูรณ์ เขายังอยู่ในระดับเซียนสวรรค์ในขั้นสูงสุด

ในอีกมุมหนึ่ง หยางหลิงก็ยังไม่พัฒนาการ แต่เขาก็ยังมีเวลาเหลืออีกมาก ดังนั้นการที่จะพัฒนาไปอีกขั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

ทันใดนั้นเอง ความลึกลับของโลกที่เต็มอยู่ในห้องของเจี้ยนเฉินก็เริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง มิติรอบ ๆ เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะสั่นไหว ห้องเริ่มบิดเบี้ยว ร่างของเจี้ยนเฉินก็เป็นภาพมัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาหายไปในมิติที่บิดเบี้ยว

ท้องฟ้าสดใสเหนือเมืองหทารรับจ้างเริ่มมืดมนลงทันที ชั้นเมฆหนาปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและครอบคลุมไปทั้งเมือง เมฆบดบังแสงแดดและท้องฟ้า มันขยายตัวออกอย่างรวดเร็วและครอบคลุมไปในรัศมีแสนกิโลเมตร มันเปลี่ยนให้เมืองทหารรับจ้างมืดมนไปในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ