ตอนที่ 1231: ทูตของตระกูลเต๋า
เจี้ยนเฉิน ไม่ได้รอนานเลยก่อนที่ ฉิงยี่หยวน ไทโตว หลานจิง ซินเปียน และโมชาส จะเข้ามาในหอประชุม ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดโดยไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อยและพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“คิดแล้วว่าเจ้าต้องกลับมา เจ้ามั่นใจว่ามันเป็นเรื่องง่ายในฐานะผู้คุมกฎของเผ่าเต่าแล้วทิ้งพวกเราทั้งห้าไว้ข้างหลังและหายตัวไป ลองย้อนกลับไปตอนที่ข้าบอกเจ้าให้จัดการกับตระกูลเต๋า แต่เจ้ายืนกรานว่าไม่ ตอนนี้ดูมันสิ ตระกูลเต๋าและตระกูลม่อซินได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว พวกเขาไม่ใช่สิ่งที่เผ่าเต่าของเราจะรับมือได้แล้วตอนนี้ เจ้าคิดว่าเราควรทำยังไง ? ” ฉิงยี่หยวน อดไม่ได้ที่จะตำหนิเจี้ยนเฉินทันทีที่นางเห็นหน้าเขา แม้ว่านางจะเห็นด้วยกับการจับตามองตระกูลเต๋าชั่วคราว แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ข้อตกลง ฉิงยี่หยวน ยังคงมีอคติกับเจี้ยนเฉินอยู่ นางยังคงจำช่วงตอนที่เจี้ยนเฉินได้ชิงชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดไปจากนางในขณะที่นางได้รับบาดเจ็บสาหัส นางไม่เคยลืมมันเลยแม้แต่น้อยแม้นางจะพยายามลืมสักเท่าไหร่
โชคดีหน่อยที่เจี้ยนเฉินไม่ได้แห็นเซียนผู้คุมกฎอยู่ในสายตาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นถ้านางเกลียดเขา นางก็ไม่ใช่ศัตรูของเขาอยู่ดี
” งั้นข้าก็คงยังไม่เคลื่อนพลต่อต้านตระกูลเต๋าเพราะว่าข้าไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถปราบปรามพวกเขาได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าข้าปล่อยพวกเขาไป มันเป็นเพียงเพราะว่าข้าไม่เคนคิดว่าตระกูลเต๋าจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วและประกาศสงครามกับเผ่าเต่า” เจี้ยนเฉินตอบอย่างใจเย็น สิ่งที่เขาคิดจริง ๆ เกี่ยวกับตระกูลเต๋าคือ บรรพบุรุษของพวกเขา เต๋าเจิ้งเทียน ซึ่งว่ากันว่าเขาใกล้จะกลายเป็นผู้อาวุโสประจำศาลา และผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งหมดก็เป็นเซียนราชาขั้นสูงสุด
“งั้นเจ้ามีพลังพอที่จะรับมือกับตระกูลเต๋าหรือไม่ในตอนนี้ ? ” ฉิงยี่หยวนจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉิน ท่ามกลางพวกเขา เขาเป็นเพียงคนเดียวที่นางไม่แสดงความนับถือ นางรู้สึกเสมอว่าเขาเป็นหนี้นาง
“บอกรายละเอียดกับข้าหน่อยว่ามีจำนวนเซียนราชาในตระกูลเต๋ากี่คน และระดับความแข็งแกร่งที่พวกเขามีอยู่ที่ขั้นไหน เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเต๋าเจิ้งเทียนด้วย ” เจี้ยนเฉินพูด
“พันธมิตรของตระกูลเต๋ามีเซียนราชาทั้งหมด 9 คน มี 4 คนที่อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5 ,และ 5 คนที่อยู่ชั้นสวรรค์สวรรค์ที่ 5 หรือสูงกว่านั้น มี 1 คนอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5, 2 คนอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 6 และอีกคนอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 และคนสุดท้ายอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 สำหรับบรรพบุรุษของตระกูลม่อซีอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 ในขณะที่ เต๋าเจิ้งเทียน เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ได้ไปถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 และข้าได้ยินมาว่าเต๋าเจิ้งเทียนครอบครองโถงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน” ฉิงยี่หยวนตอบอย่างเยือกเย็น
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว เมื่อเพิ่ม นูบิส เถี่ยต้า และเขาเข้าไป พวกเขาก็มีแค่เซียนระดับราชาเพียง 8 คนเท่านั้น ไทโตวอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5, ขณะที่ ฉิงยี่หยวน หลานจิง ซินเปียน และโมชาส ทั้งหมดอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 6, สำหรับนูบิสซึ่งเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด เขาอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 4 แต่ถ้าเขาใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่เขาได้ประยุกต์ขึ้น เขาจะสามารถต่อสู้เทียบเท่ากับจอมยุทธที่อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้ สำหรับเขาและเถี่ยต้าแล้ว ทั้งคู่สามารถเผชิญหน้ากับเหล่าจอมยุทธที่อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 โดยไม่แพ้ได้ ถ้าอยู่ด้วยกัน พวกเขาจะไม่มีทางอ่อนแอไปกว่าพันธมิตรของตระกูลเต๋าเลย พวกเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ เจี้ยนเฉิน เจ็บใจคือ เต๋าเจิ้งเทียนครอบครองโถงศักดิ์สิทธิ์ ฝั่งของเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก ๆ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ได้
ฉิงยี่หยวนคิดว่าเจี้ยนเฉินไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถจัดการตระกูลเต๋าได้เมื่อนางเห็นเขาขมวดคิ้ว นางทำได้เพียงแค่ลอบถอนใจ อิทธิพลของตระกูลเต๋าเป็นเหมือนกับพระอาทิตย์ตอนเที่ยงเลยขณะนี้ และไม่นาน เต่าเจี้ยงเทียนก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสประจำศาลา เมื่อถึงตอนนั้น การรับมือกับพวกเขาก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องยากและนางก็คงคิดไม่ออกว่านางจะมีโอกาสได้รับสิ่งที่นางต้องการอีกหรือไม่
ถ้านางไม่ได้ของ ๆ นางมา นางก็คงไม่กล้าพอที่จะกลับไปที่แผ่นดินเทียนหยวน
“บ้าเอ้ย ข้าเคยมีชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดมาก่อนและข้าไม่สามารถใช้มันแลกเปลี่ยนกับตระกูลเต๋าสำหรับสิ่งที่ข้าต้องการได้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะว่าชิ้นส่วนแผนที่ถูกขโมยไปโดยเจี้ยนเฉิน” ฉิงยี่หยวนกัดฟันของนางด้วยความเกลียดชังเมื่อนางคิดถึงประเด็นนั้น
ในตอนนี้ ยามรีบวิ่งเข้ามาข้างในอย่างเร่งด่วน เขาพูดในกิริยาท่าทางที่กระวนกระวาย “ผู้คุมกฎ ตระกูลเต๋าได้ส่งทูตเข้ามา ตอนนี้เขากำลังรออยู่ข้างนอกขอรับ”
“ทูตของตระกูลเต๋างั้นเหรอ ! ” เจี้ยนเฉินตะลึง อาจจะเป็นเพราะว่าความจริงที่ว่าเขาไม่คาดคิดว่าทูตจะเข้ามาในสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขารีบดึงสติกลับมาและพูด “ให้เขาเข้ามาได้”
“ไม่จำเป็นต้องนำทางไปหรอก ข้าเข้ามาที่นี่ด้วยตัวข้าเองแล้ว” น้ำเสียงเหย่อหยิ่งดังออกมาจากข้างนอกทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดจบ เขาเป็นชายแก่ผอมแห้งที่เชิดอดขึ้นสูงราวกับว่าเขาสูงส่งกว่าทุก ๆ คน
ชายแก่เป็นเซียนผู้คุมกฎและมี 2 คนตามหลังเขามาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญสวรรค์
ผู้อาวุโสของเผ่าเต่าเริ่มโกรธจัดขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นทูต ความเกลียดชังต่อตระกูลเต๋าได้หยั่งลึกลงไปถึงกระดูก
ทันทีที่ทูตก้าวเข้ามาในหอประชุม เขามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อเขาพบว่ามีจอมยุทธ 16 ดาวกำลังยืนอยู่ข้างใต้เจี้ยนเฉินที่อยู่บนบัลลังก์ หัวใจของเขาก็จมดิ่งลงทันที เขาสามารถรับรู้ลางร้ายได้ แต่เขาก็หายกลัวทันทีเมื่อเขาคิดถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเต๋าในตอนนี้
ทูตรู้ว่าที่เขามาในครั้งนี้เขามาในฐานะตัวแทนของตระกูลเต๋าที่ทรงอำนาจ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีจอมยุทธ 16 ดาวมากมายแต่เขาก็ยังคงสงบนิ่งและไม่รีบร้อน เขาสังเกตดูเจี้ยนเฉินที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์โดยปราศจากความกลัวใด ๆ และยิ้มออกมา ” ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร และทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน ? ” กริยาของทูตช่างไร้มารยาทมาก ๆ ราวกับว่าเขาไม่สนใจในตัวตนของเจี้ยนเฉินเลยแม้แต่นิดเดียว
“กล้าดียังไง ! คุกเข่าแกต่อหน้าผู้คุมกฎเดี๋ยวนี้เลย” ผู้อาวุโสของเผ่าเต่าได้ตำหนิทูต
ทูตเริ่มเข้าใจและแปลกใจ “โอ้ งั้นท่านก็คงเป็นผู้คุมกฎในตำนานของเผ่าเต่า โปรดให้อภัยความหยาบคายของข้าด้วย ข้ามันเสียมารยาทจริง ๆ ”
“ถ้าเจ้ารู้แล้วว่าท่านผู้นี้คือผู้คุมกฎ แล้วทำไมเจ้าไม่รีบคุกเข่าละ มันเป็นเกียรติมากที่สามารถพบเจอกับผู้คุมกฎของเราได้ ” ผู้อาวุโสอีกคนเรียกร้องออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ
ตอน 1419-1420 หายครับ...
จบแล้ว......
มีต่อไหมครับ...
เมื่อไรจะอัพเดทค้าบ รอนานแล้ว...
ต่อๆๆๆ...
เลิกอัพแล้วหรา...
good novel...