เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 1275

สรุปบท ตอนที่ 1275: พลังของเฮายู่ (3): เทพกระบี่มรณะ

ตอนที่ 1275: พลังของเฮายู่ (3) – ตอนที่ต้องอ่านของ เทพกระบี่มรณะ

ตอนนี้ของ เทพกระบี่มรณะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1275: พลังของเฮายู่ (3) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 1275: พลังของเฮายู่ (3)

ใบหน้าของนางฟ้าเฮายู่เริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ การกระทำของผู้อาวุโสสูงสุดจากนิกายยิหยวนเริ่มทำให้นางโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ นางพูดอย่างเย็นชาว่า เจ้ากล้าที่จะดูหมิ่นข้าเพราะเป็นเซียนราชา เจ้าพยายามที่จะใช้กำลังเพื่อเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ของข้า ? แม้ว่าจะเป็นเซียนจักรพรรดิมาด้วยตัวเอง เขาก็จะไม่ได้อะไรกลับไปเลยแม้แต่น้อย เซียนราชาอย่างเจ้า ข้าจะให้โอกาศครั้งสุดท้ายของเจ้า ออกไปหรือไม่งั้นอย่ามาว่าข้า ถ้าข้าไม่สุภาพ

ผู้อาวุโสสูงสุดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะดัง ๆ จากการคุกคามของนางฟ้าเฮายู่ เขากล่าวว่า นางฟ้าเฮายู่ ข้ารู้ว่าข้าอ่อนแอเหมือนมดในสายตาขของท่าน ถ้าท่านมีความแข็งแกร่งเหมือนกับในอดีต แต่มันน่าเสียดายที่ตอนนี้ท่านเป็นเพียงวิญญาณ ข้าถามหน่อยว่าวิญญาณทำอะไรได้บ้าง ? วิญญาณของท่านอาจจะแข็งแกร่งมาก แต่ข้าไม่คิดว่าท่านจะออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์หรือกำลังจะออกจากมันในเร็ว ๆ นี้

ดวงตาของนางฟ้าเฮายู่เย็นชาขึ้นพร้อมกับจิตสังหาร ใครจะคิดว่าคนที่มีความภูมิใจจะถูกดูถูกโดยเซียนราชาผู้ที่ไม่ต่างอะไรกับมดในสายตาของนาง แววตาของนางเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธ จิตสังหารของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่านางฟ้าเฮายู่โดนผู้อาวุโสสูงสุดตอบโต้อย่างไร เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะมากขึ้น ข้ารู้ว่าท่านวางค่ายกลอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถกักขังได้แม้กระทั่งเซียนจักรพรรดิได้ แต่ตราบใดที่เราไม่ได้เข้าไปในโถง มันก็ไม่อาจคุกคามเราได้ เรามาคราวนี้เพื่อช่วยชีวิตคนทั้งทวีป ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจ หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็มองไปยังแปดคนที่อยู่ข้างหลังเขาและพูดว่า ทุกคนเวลาใกล้จะหมดแล้ว เราไม่อาจเสียเวลามากเกินไป ส่วนเรื่องผนึกที่กำลังอ่อนแรง ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนในทวีปรอด เราไม่อาจคิดเรื่องต่าง ๆ ได้ มาร่วมมือกันเพื่อเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ไปและนำมันไปที่เมืองทหารรับจ้างทันที

โดยไม่ลังเล เซียนราชาทั้ง 8 ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็บินไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ตรึงมิติรอบ ๆ ไป๋ไฮและเซียนผู้คุมกฎอื่น ๆ เพื่อกักพวกเขาไว้ภายใน

จากด้านล่าง ไป๋เหลียนมองไปยังเซียนราชาทั้ง 9 ที่บินมาที่โถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีหน้าน่าเกลียด ประกายในดวงตาของนางวูบไหวจากความลังเล นอกจากนี้นางยังมีหินหยกเพลิงที่มีการโจมตีเทียบเท่าเซียนราชาขั้นสูงสุดในแหวนมิติของนาง รวมถึงฟ้าสะเทือนอีกสองสามชิ้นที่เจี้ยนเฉินมอบให้นาง ฟ้าสะเทือนไม่ได้รุนแรงเท่าหินหยกเพลิง แต่มันก็สามารถที่จะต่อต้านกับเซียนราชาในตอนนี้ได้ ตอนนี้นางลังเลว่าควรจะใช้มันดีหรือไม่

เมื่อเจี้ยนเฉินมอบสิ่งนี้ให้กับไป๋เหลียนครั้งแรก เขาบอกว่าไม่อาจใช้พวกมันได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับอันตราย อย่างไรก็ตามไป๋เหลียนก็เข้าใจว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ แม้ว่านางจะใช้หินหยกเพลิงและฟ้าสะเทือนทั้งหมดของนางก็ไม่อาจจัดการกับเซียนราชาทั้ง 9 ได้ หินหยกเพลิงไม่อาจคุกคามเขาได้หากว่าพวกเขาร่วมมือกัน

เซียนราชาทั้ง 9 ได้มาถึงด้านหน้าของโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มแล้ว พวกเขาทุกคนตื่นเต้นและเต็มไปด้วยพลังงานเพราะพวกเขาวางแผนที่จะชิงโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยกำลังของพวกเขา

แต่ในเวลานั้นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ดวงจันทร์กลมโตขนาดใหญ่ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ส่องออกมาจากภายในโถงศักดิ์สิทธิ์อย่างอ่อนโยนจากแสงจันทร์ที่เห็นได้ชัด

นี่ไม่ใช่ดวงจันทร์จริง ๆ แต่เป็นภาพที่สร้างโดยพลังดวงจันทร์และทักษะ

เนื่องจากทุกคนรนหาที่ตายข้าจะช่วยเจ้าเอง ตอนนี้ข้าอาจจะเป็นวิญญาณแต่ข้าก็ไม่ใช่คนที่มดสองสามตัวจะเหยียบย่ำได้ เสียงของนางฟ้าเฮายู่ดังออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ ภาพของนางหายไปก่อนที่จะปรากฏในโถงศักดิ์สิทธิ์

เซียนราชาทั้ง 9 เผยให้เห็นการแสดงออกที่แตกต่างกัน พวกเขาค้นพบว่าพลังของพวกเขาถูกปิดกั้นด้วยพลังที่มองไม่เห็นเมื่อดวงจันทร์ปรากฏขึ้นในโถงศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ได้เป็นความสามารถของเซียนราชาหรือเซียนจักรพรรดิ มันเป็นวิธีการดั่งกล่าวที่พวกเขาไม่เข้าใจ พวกเขาสูญเสียการควบคุมพลังภายในของพวกเขา

นี่คือ? บ้าเอ้ย เห็นได้ชัดว่านางเป็นวิญญาณ นางจะปิดกั้นพวกเราได้อย่างไร ? แม้ว่านางจะเคยเป็นเซียนจักรพรรดิผู้สูงส่ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจำทำอย่างนี้ในตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ต่างตกใจอย่างมาก ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าการรับมือนางฟ้าเฮายู่นั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด

เซียนจักรพรรดิขั้นสูงสุดเคยปรากฏในตระกูลผู้พิทักษ์ก่อนหน้านี้ แต่จากบันทึกโบราณพวกเขาไม่อาจใช้ความสามารถที่ทรงพลังอย่างนี้ได้หลังจากที่พวกเขาสูญเสียกายหยาบ

นางฟ้าเฮายู่ ทะ-ท่านทำอะไรกับพวกเรา ? เซียนราชาอิสระจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว เขาขาดความมั่นใจอย่างมาก เขาไม่อาจระบุได้ว่าพลังนั้นคืออะไรแม้แต่กับความรู้และประสบการณ์ของเขา

อย่ากังวลไปเลย นางอาจจะใช้ทักษะลับโบราณบางอย่าง แต่การใช้สิ่งเหล่านี้ต้องพิถีพิถันมากสำหรับนาง นางไม่อาจคงสภาพได้นานอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหยางจิกล่าว เขาพยายามที่จะควบคุมพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเพื่อสลัดพลังที่ตึดติดเขา แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน

ในเวลานั้นการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนกแรง พวกเขาหวาดหวั่นและดวงตาก็มีแต่ความตกใจ พวกเขารู้สึกถึงพลังปราณของพวกเขาออกไปจากร่างกายโดยไม่อาจควบคุมได้ก่อนที่จะถูกโถงศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน

โอ้ ไม่ นางฟ้าเฮายู่กำลังดูดซับพลังงานของเราตอนนี้ เซียนราชาอิสระตะโกนออกมาขณะที่เต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ

เซียนราชาที่เหลืออีก 8 คนก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์เช่นกัน พวกเขาค้นพบว่าพวกเขาทำได้แค่ดูและไม่อาจทำอะไรได้เมื่อพลังงานของพวกเขาถูกดูดออกไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครหยุดมันได้และพวกเขาก็ไม่อาจหลบหนีไปจากกระบวนการนี้ได้

พลังชีวิตของพวกเรากำลังถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ความสามารถที่เซียนจักรพรรดิจะครอบครองมันได้ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิมก็ไม่อาจทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้ เซียนราชาตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวและไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิง

“จันทรคติ จันทรคติ นี่คือกระบวนการของจันทรคติ มันเป็นการเปลี่ยนผ่านทางเวลา ไม่น่าแปลกใจที่ค่ายกลนี้มีชื่อเช่นนี้ เซียนราชาพูดพึมพำ เขาหน้าซีดเผือดและเข้าใจว่าเขาไม่อาจหนีพ้นหายนะในวันนี้ พวกเขาไม่มีใครที่มีพลังพอที่จะหยุดยั้งจากค่ายกลที่ปลดปล่อยพลังชีวิตของพวกเขาออกไป

ในเวลานั้นเอง ดวงตาของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 เหลือบมอง ร่างกายทั้งหมดของเขาเหี่ยวเฉาและเหลือเพียงถุงเนื้อหุ้มกระดูก วิญญาณของเขาดับไปแล้ว เขาเป็นสมาชิกที่แก่ที่สุดและไม่มีเวลาเหลือมากนัก ทุกอย่างถูกสูบออกไปในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งยังกลายเป็นเซียนราชาคนแรกที่ตายจากค่ายกลของนางฟ้าเฮายู่

ผมของทั้ง 8 คนมีริ้วขาวแซมเทา ร่างกายของพวกเขาแห้งเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้พวกเขาบางคนยังเป็นชายหนุ่มและดูเหมือนจะอยู่ในช่วงสุดยอด แต่พวกเขาก็แก่และถูกกาลเวลากัดเซาะลงไป

ทุกคนในเมืองอัคนีที่มองจากด้านล่างรวมกับว่าได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในโลก เซียนราชาที่รุ่งโรจน์ก่อนหน้านี้กลายเป็นชายชราอายุมาก ความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังยิ่งใหญ่มากจนหลาย ๆ คนหดหู่ แม้กระทั่งไป๋ไฮและเซียนผู้คุมกฎคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

ปัง ! ทันใดนั้นเสียงอื้ออึงดังขึ้นบนอากาศ หนึ่งในเซียนราชาจากนิกายหยางจิระเบิดกลายเป็นละอองเลือด เขาต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างมากเพื่อที่จะใช้ทักาะลับในการหลบหนีและกลายเป็นแสงสีแดงวิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันอีกสามคนของเซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์ก็ใช้ทักษะลับแบบเดียวกัน พวกเขาต้องจ่ายอย่างหนักและทิ้งเซียนราชาอิสระทั้งสี่ในท้ายที่สุด

มันไม่ใช่เพราะเซียนราชาอิสระไม่มีความสามารถในการหลบหนี แต่ความสามารถที่พวกเขาครอบครองนั้นไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่ตระกูลผู้พิทักษ์ครอบครอง สิ่งที่พวกเขารู้ไม่เพียงพอที่จะทำให้หลุดพ้นจากค่ายกล

“หืมม ? ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรู้เทคนิคนี้ มันเป็นหนึ่งในทักษะหลบหนีที่พบเห็นได้ในโลกแห่งเซียน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะหนีจริง ๆ แม้ว่าข้าจะไม่สนใจมันเลย อย่างไรก็ตามเจ้าประเมิณค่ายกลนี้ต่ำเกินไป เจ้าคิดว่าเจ้าหลีกหนีความตายได้เพียงเพราะเจ้าหลบหนีได้ ? นางฟ้าเฮายู่พึมพำกับตัวเองในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม มีแววตาที่ดูถูกเหยียดหยามอยู่ในสายตาของนาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ