เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 20

Chaotic Sword God ตอนที่ 20 การท้าประลอง

เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกฉุนเฉียวจากความเย่อหยิ่งของกาดิเหลียง เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังกาดิเหลียงด้วยความรังเกียจ เจี้ยนเฉินกล่าว ก่อนหน้านี้ เจ้าพ่ายแพ้ให้กับข้า นั่นจึงทำให้เจ้ามาท้าประลองกับข้าในยามนี้ แม้แต่ในตอนนี้ น้ำเสียงในการพูดของเจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ซึ่งในช่วงชีวิตก่อนหน้าของเขา มันเป็นนิสัยบางอย่างที่ก่อให้เกิดเรื่องร้ายตามมา

ได้ยินคำกล่าวของเจี้ยนเฉิน ใบหน้ากาดิเหลียงเปลี่ยนไปเป็นซีดขาว แววตาของเขาทอประกายความโกรธ แต่เขาไม่กล้าที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา หากไม่เป็นเพราะกฏของหอหนังสือ เขาคงจะโจมตีเจี้ยนเฉินไปนานแล้ว

แม้แต่กาดิซิ่วหลีผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างกายของพี่ชายของนางก็ยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ขณะที่นางจ้องมองเจี้ยนเฉิน นางเริ่มพูดเย้ยหยันออกมา หืม เจ้าไม่ยอมรับคำท้าของพี่ชายข้า เจ้าเป็นผู้ชายประเภทไหนกัน ?

ได้ยินกาดิซิ่วหลีกล่าวเช่นนี้ ดวงตาของกาดิเหลียงเป็นประกายและเริ่มกล่าวท้าทาย นั่นถูกต้องแล้ว ไม่ยอมรับการประลอง หากคนอื่นทราบจะว่าอย่างไร เจียงหยางเซียงเทียน ข้าจะรอเจ้าที่สนามประลอง หากเจ้าไม่มา เจ้ามันก็แค่ไอ้คนขี้ขลาด น้องสาม ไปที่สนามประลอง ! หลังจากพูดจบ กาดิเหลียงจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน ก่อนจะเดินหันหลังออกไปจากหอหนังสือ

หืมม์ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้ามาก็ดี ถ้าเจ้าไม่มาข้าจะถือว่าเจ้าเป็นคนขี้ขลาด ! กาดิซิ่วหลีร้องบอก ขณะที่นางเดินตามพี่ชายของนาง

เจียงหยางเซียงเทียน นั่นไม่ใช่ผู้คุมกฏคนใหม่จากงานประลองนั่นหรอกหรือ?

ดูเหมือนจะใช่ ข้าได้ยินมาว่าเจียงหยางเซียงเทียนนั้นอยู่ระดับแปด แต่กลับล้มลูกศิษย์หลายคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าได้ นี่มันน่าประหลาดใจมาก

หลังจากที่กาดิซิ่วหลีออกไป ภายในหอหนังสือเริ่มที่จะจ้องมองและแสดงความคิดเห็นกันด้วยเสียงดังเซ็งแซ่ ทุกคนเริ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้คุมกฎคนใหม่ เจียงหยางเซียงเทียน

แม้แต่เด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเจี้ยนเฉิน นางก็ยังเหลือบมองเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของนางกระพริบเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว และมันชัดเจนว่านางไม่ได้คาดคิดว่าเจี้ยนเฉิน คือผู้คุมกฎคนใหม่

เจี้ยนเฉินจับหนังสือไว้แน่น ด้วยใบหน้าของเขาที่ดูหงุดหงิด หลังจากที่สองพี่น้องจากตระกูลกาดิมารบกวนเขา เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอ่านหนังสืออีกต่อไป เพราะเจี้ยนเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบรับการประลองหลังจากมีประเด็นขึ้นมา มิฉะนั้นคนภายในสำนักนี้จะมองเขาอย่างไร แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่สนใจเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา แต่อย่างไรเขาก็คือหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเจียงหยาง เนื่องจากพี่ใหญ่ไม่ได้อยู่บริเวณนี้ เขาจะต้องเริ่มการประลองด้วยตัวของเขาเองเพื่อทำให้มั่นใจว่าตระกูลเจียงหยางจะไม่ถูกดูแคลนเอาได้ ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินไม่ได้ต้องการให้เจียงหยางหู่ถูกเยาะเย้ยว่ามีน้องชายขี้ขลาด

เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืนช้า ๆ เขารวมรวบหนังสือที่เขาหยิบมาอ่านและเดินกลับไปยังชั้นหนังสือเพื่อเก็บหนังสือกลับเข้าชั้น หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากหอหนังสือ

“เฮ้ เจียงหยางเซียงเทียน” ขณะที่เจี้ยนเฉินก้าวถึงประตูของหอหนังสือ เด็กสาวผู้ซึ่งนั่งตรงข้ามเอ่ยเรียกเขา

เจี้ยนเฉินหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ เขามองหญิงสาวผู้งดงามนางนั้นอย่างสงบ “หือ ? “

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขา ช่วยไม่ได้ที่หญิงสาวจะแสดงอาการโกรธออกมาเล็กน้อย แต่นางไม่ได้เอ่ยอะไรและเริ่มที่เดินตรงมาที่เจี้ยนเฉิน และเอ่ย “เจียงหยางเซียงเทียน เจ้ากำลังจะไปยังสนามประลองเพื่อรับคำท้านั่น ? “

“แน่นอน” เจี้ยนเฉินตอบ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องยอมรับคำท้านั่น ในหอหนังสือมีกฎห้ามส่งเสียงดังรบกวน ดังนั้นถ้ามีผู้ใดฝ่าฝืนกฎของสำนัก เจ้าควรจะไปรายงานต่ออาจารย์ใหญ่ และเขาจะลงโทษสองคนนั้นอย่างแน่นอน ในสำนักคากัต ไม่มีใครที่กล้าขัดแย้งกับคำสั่งของอาจารย์ใหญ่” หญิงสาวกล่าว

ได้ยินเช่นนี้ เจี้ยนเฉินเริ่มที่จะมองนางในแง่ดีและหัวเราะออกมาเบา ๆ เขากล่าวว่า “พวกเขาประกาศท้าประลอง ดังนั้นข้าจำเป็นต้องยอมรับ” หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นและออกไปจากหอหนังสือ

ขณะที่เด็กสาวจ้องมองเจียงเฉินที่ก้าวเดินลับสายตาไป นางกระพริบตา หลังจากที่ลังเลใจ ทันใดนั้นนางก็วิ่งตรงไปที่บริเวณที่นางนั่งและนำหนังสือเล่มหนาที่นางเคยอ่านไปกลับไปเก็บในชั้นหนังสือ และนางก็รีบวิ่งออกไปจากหอหนังสือตรงไปยังสนามประลอง

หลังจากเด็กสาวนางนั้นออกไป ภายในหอหนังสือก็เงียบงันอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้น ก็มีคนพูดเสียงดังขึ้นมาว่า “นี่นับว่าเป็นฉากที่น่าดูนัก ลูกศิษย์ใหม่ ผู้มีพลังเซียนขั้น 8 ประลองกับบุคคลที่ถือว่ามีพลังในขั้น 9 หากใครไม่ดูก็นับว่าโง่แล้ว” ชายคนหนึ่งผู้ซึ่งสวมในเครื่องแบบของโรงเรียน กล่าวออกมา และวิ่งออกจากหอหนังสือ

หลังจากนั้น คนอื่นก็ตามออกไป ไม่นานนัก ลูกศิษย์ไม่กี่คนที่กำลังอ่าน ก็นำหนังสือไปเก็บที่ชั้นหนังสือ และออกไปจากหอหนังสือ และวิ่งตรงไปยังสนามประลอง

สนามประลองของโรงเรียนถูกสร้างไว้ที่มุมด้านหนึ่งของสนามกีฬา ซึ่งภายในประกอบไปด้วยแท่นวงกลม 5 แท่น แท่นหนึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 20 เมตร แต่อย่างไรก็ตาม ภายในสนามประลองไม่ได้ใหญ่มากและสามารถจุผู้ชมได้ราว 100 คน มิฉะนั้นการแข่งขันประลองฝีมือของลูกศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านมาไม่กี่วันคงไม่ต้องอาศัยสนามชั่วคราวที่ปรับมาจากเวทีของสนามกีฬา

เมื่อเจี้ยนเฉินมาถึงสนามประลอง เขาเพียงเหลือบมองกาดิเหลียงซึ่งยืนกอดอกอยู่คนเดียวบริเวณนั้นด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง กาดิซิ่วหลียืนอยู่ใต้แท่นประลอง ไม่ไกลจากนั้นนัก มีลูกศิษย์จำนวนไม่มากซึ่งสวมเครื่องแบบของสำนักกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างถูกคอ

เมื่อมองเห็นเจี้ยนเฉินกำลังเดินมาถึง กาดิเหลียงผู้ซึ่งยืนอยู่บนแท่นประลอง ยิ้มเยาะและตะโกนออกมา “มานี่ ข้าคิดว่าเจ้ามันขี้ขลาด ไม่กล้าที่จะมา!”

“หืม ! ” เจี้ยนเฉินส่งเสียงดูถูกในท่าทีเหยียดหยามและกระโดดตรงไปยังแท่นประลอง เขายืนอยู่บนแท่นประลอง กอดอกและตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เข้ามาได้ ข้ายินยอมให้เจ้าโจมตีข้าก่อน 10 กระบวนท่าโดยไม่โต้ตอบ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉินที่ยโสโอหัง คนที่อยู่ด้านล่างแท่นประลองอุทานออกมาด้วยความตกใจ และเริ่มที่จะกระซิบกระซาบพูดคุยกัน มีลูกศิษย์ที่เป็นศิษย์พี่อยู่ในเหล่าผู้ชมนั้น และบางคนในกลุ่มของพวกเขาไม่ได้ชอบเจี้ยนเฉิน พวกเขาเชื่อว่า ในการประลองฝีมือครานั้น มีเพียงเหตุผลเดียวที่เจี้ยนเฉินสามารถโค่นกาดิเหลียงลงได้ นั่นเป็นเพราะกาดิเหลียงประมาท

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ