เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 3

เซียงเทียนมองดูร่างกายเล็ก ๆ ของเขาแล้วถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความสับสน ในรอบปีที่ผ่านมา ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงชีวิตที่แล้วของเขา มันได้ฉายซ้ำขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง ความทรงจำยังคงแจ่มชัดราวกับทุกสิ่งทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ราวกับว่ามันได้สลักลึกลงไปในจิตวิญญาณของเขา ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่อาจที่จะลืมมันไปได้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ในชีวิตที่แล้วของเขา เขามีนามว่าเจี้ยนเฉิน หลังจากที่เขาได้ตายลง วิญญาณของเขามาเกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำเดิมที่เป็นปริศนา

แม้ว่าเขาจะเพิ่งคลอดออกมาได้ แต่ความทรงจำทั้งหมดของเขายังคงถูกเก็บรักษาไว้ เขาจึงรู้วิธีการพูด ตลอดจนบทสนทนาจากผู้คนรอบตัวของเขา ทำให้เขาได้ข้อสรุปคร่าว ๆ ว่าครอบครัวที่เขาได้อาศัยอยู่เป็นเช่นไร แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาได้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกใบเดิมอีกต่อไป ที่นี่เป็นโลกใบใหม่ที่เจี้ยนเฉินไม่เคยได้ยินมาก่อน

คฤหาสน์ที่เจี้ยนเฉินอาศัยอยู่มีชื่อว่า ‘เจียงหยาง’ คฤหาสน์นี้เป็นของหนึ่งในสี่ตระกูลหลักของเมืองลั่วเอ๋อ แต่ละตระกูลต่างคานอำนาจกันอยู่ บิดาของเขาเป็นผู้นำตระกูลเจียงหยาง มีนามว่า ‘เจียงหยางป้า’ มารดาของเขามีนามว่า ‘ไป๋หยุนเทียน’ ฮูหยินสี่ของเจียงหยางป้า แม้ว่านางจะไม่ใช่ฮูหยินใหญ่ แต่นางก็ถือว่าเป็นกำลังสำคัญของตระกูล เพราะนางได้สมญานามว่า ‘ เซียนผู้เชี่ยวชาญแสง ‘

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่เข้าใจว่า ‘ เซียนผู้เชี่ยวชาญแสง ‘ คือสิ่งใดกันแน่ แต่เป็นเพราะมัน มารดาของเขาจึงมีฐานะสูงส่งภายในตระกูล ผู้คนมากมายต่างให้ความเคารพนับถือนาง

สำหรับตัวเจี้ยนเฉินเอง เขาเป็นนายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยาง มีฐานะสูงส่งในตระกูล เจี้ยนเฉินมีพี่ชาย 2คน พี่สาว 1 คน พี่ชายคนโตมีนามว่า เจียงหยางหู่ พี่สาวมีนามว่า เจียงหยางหมิงเย่ว และพี่ชายคนที่สามมีนามว่า เจียงหยางเค่อ พวกเขาทั้งสี่มีบิดาคนเดียวกันแต่ต่างมารดา นอกจากเจียงหยางหู่แล้ว เขาก็เคยพบกับเจียงหยางหมิงเย่วและเจียงหยางเค่อทั้งสองคนมาหลายครั้ง ทั้งสองคนอายุห่างจากเขาไม่มาก เจียงหยางหมิงเย่วอายุมากที่สุด นางอายุ 4 ปี ห่างจากเจี้ยนเฉินถึง 3 ปี เจียงหยางเค่ออายุมากกว่าเขา 2 ปี นอกจากพวกเขาทั้งสี่ อย่างไรก็ตามมีเด็ก ๆ อีกมากมายในตระกูล

ในขณะนี้มีพ่อบ้านสูงวัยคนหนึ่งเข้ามาหาเจี้ยนเฉินจากด้านหลังแล้วพูดว่า ” นายน้อยสี่ขอรับ สายแล้วนะขอรับ ฮูหยินกำลังรอท่านอยู่นะขอรับ ”

เจี้ยนเฉินถึงกับสะดุ้งกลับสู่ความเป็นจริง เมื่อมองไปยังท้องฟ้า เขาก็เห็นว่าท้องฟ้ากำลังทอแสงบ่งบอกว่ายามค่ำคืนกำลังจะมาเยือน เขารู้ทันทีว่าตลอดทั้งบ่ายเขายืนนิ่งโดยไม่รู้สึกตัว ” ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเจียงไป่ อีกสักครู่ข้าจะตามไป ”

เจียงไป่ เป็นพ่อบ้านตระกูลเจียงหยาง เขาดูแลในทุก ๆ เรื่องของตระกูลเพราะเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างมีความสำคัญในตระกูล แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงพ่อบ้านคนหนึ่ง แต่เขาก็ได้รับความเคารพนับถืออย่างดีเทียบเท่าผู้นำของคฤหาสน์นี้

รอยยิ้มประดับบนใบหน้าของเจียงไป่ ขณะที่มองเจี้ยนเฉินอย่างคาดหวัง ตอนเจี้ยนเฉินอายุเพียง 6 เดือนเขาก็สามารถเดินได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องให้ใครช่วยและเขาเรียนรู้ได้เร็วมาก เขาสามารถพูดได้ตอนอายุเพียง 8 เดือนเท่านั้น ไม่ใช่แค่พูดได้ชัดเจน แต่ยังสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ ด้วยความสำเร็จเพียงสองสิ่งนี้ ทำให้เจี้ยนเฉินได้ถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะ หลายคนต่างเฝ้ารอคอยวันที่เขาได้เติบโตขึ้น

ในเวลากลางคืนเจี้ยนเฉินได้ออกไปพร้อมกับมารดาของเขา ‘ ไป๋หยุนเทียน ‘ เพื่อไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร ห้องอาหารที่ทั้งคู่นั่งอยู่นั้นมีความพิเศษ มีเพียงผู้นำคฤหาสน์ เหล่าภรรยาและบุตรทั้งหลายเท่านั้น

เมื่อไป๋หยุนเทียนและเจี้ยนเฉินมาถึงห้องอาหาร หญิงสาวที่งดงามทั้งสามได้นั่งอยู่ที่โต๊ะทรงกลมตัวหนึ่ง พวงนางดูอายุราว 20 ปี สองในสามกำลังอุ้มเด็กอยู่ในอ้อมแขน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชาย อีกหนึ่งเป็นเด็กสาว เด็กชายอายุราว ๆ 3-4 ขวบ แข็งแรงสมบูรณ์แต่อวบอ้วน เขาเป็นลูกคนที่สามของเจียงหยางป้า มีนามว่าเจียงหยางเค่อ

ขณะที่เจียงหยางเค่อมองเห็นเจี้ยนเฉิน ความเป็นอริและความเกลียดชังผุดขึ้นมาในดวงตาของเขา เห็นได้ชัดเจนว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรบางอย่าง ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าเขาไม่ถูกกับเจี้ยนเฉิน

หญิงสาวทั้งสี่ต่างรับรู้ถึงความเป็นปรปักษ์ที่ได้แผ่ออกมาจากเจียงหยางเค่อไปยังเจี้ยนเฉิน แต่ก็ไม่มีใครเสียเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในความคิดของพวกนางนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยของเด็ก ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอันใด

เด็กอีกคนอายุราว 4-5 ปี นางผูกแกละสองข้าง ดวงตาที่สดใสของนางมองไปยังเจียงหยางเค่อที่ยังคงมีท่าทางไม่เป็นมิตรแล้วหัวเราะขึ้นมา เกิดเป็นลักยิ้มขึ้นบนใบหน้าทั้งสองข้าง ดูน่ารักเป็นพิเศษ แม้ว่าตอนนี้นางจะยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ แต่แน่นอนว่าเมื่อนางเติบโตขึ้น ความงามของนางอาจเทียบเคียงได้กับเทพธิดา เด็กคนนี้มีนามว่าเจียงหยาง หมิงเย่ว เป็นบุตรคนที่สองของเจียงหยางป้า และเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว

“น้องสี่ เจ้ามาแล้ว! มาสิ มานั่งตรงนี้สิ ! ” เด็กหญิงโบกมือให้เจี้ยนเฉิน ในเวลาที่นางได้เห็นเจี้ยนเฉิน รอยยิ้มบนใบหน้านางก็ยิ่งงดงามมากยิ่งขึ้น

เจี้ยนเฉินผงกศีรษะของเขาเป็นเชิงทักทายเจียงหยาง หมิงเย่ว์ แล้วนั่งลงพร้อมกับมารดาของเขา

ไป๋หยุนเทียนเริ่มตามใจเจี้ยนเฉิน นางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เซียงเอ๋อ กล่าวทักทายท่านป้าและพี่ ๆ ของเจ้าสิ”

เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น เจี้ยนเฉินมองไปยังเหล่าหญิงสาวที่ดูเอาแต่ใจ “คารวะ ท่านป้าใหญ่ ป้ารอง ป้าสาม พี่รอง พี่สาม”ตั้งแต่ที่แม่ของเขารู้ว่าเขาสามารถพูดจาได้ฉะฉาน นางรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สอนหลักพื้นฐานมารยาทให้เขา ด้วยกรอบความคิดของเจี้ยนเฉินได้ไหลไปตามกระแส เขาไม่ได้คัดค้านการสอนของนาง เพราะสิ่งนี้เป็นประโยชน์ในระยะยาวบนโลกใบใหม่ของเขา

ครั้งแรกเมื่อเขามายังสถานที่ที่เขาไม่รู้จัก เขาต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างมากมายในร่างกายใหม่ เพราะเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำดั้งเดิม เขายังรู้สึกว่าตัวเขายังเป็นเจี้ยนเฉินอยู่ ลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา เขาไม่ได้คิดว่าชีวิตใหม่นี้จะเป็นของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อย ๆ ยอมรับร่างกายและชีวิตใหม่นี้ ไม่ว่าจะคิดเช่นไร ไป๋หยุนเทียนก็เป็นมารดาของเขา แม้ว่ายังคงเป็นปริศนาอยู่ว่าความทรงจำในอดีตยังคงอยู่ได้เช่นไร พวกมันมาจากสถานที่แห่งหนึ่งจากอีกโลก ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับโลกใบใหม่นี้ ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงตัดสินใจซ่อนความทรงจำของเขาไว้ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะยอมรับชีวิตใหม่และมอบทุกสิ่งให้กับมัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ