เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 304

ตอนที่ 304: พบกับฉินเซียว

“ฉินเซียว ~~~! ” เจี้ยนเฉินคำรามอย่างโกรธเคืองขณะที่ร่างของเขาพร่ามัว เจี้ยนเฉินบินไปหาชายทั้งสามที่กำลังต่อสู้ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ในเวลาเดียวกัน ความโกรธแค้นก็เริ่มไหลออกมาจากร่างของเขายิงตรงไปในอากาศ

หญิงสาวอ้าปากค้างในขณะที่มองดูเจี้ยนเฉินที่เร่งตัวออกไป ก่อนหน้านี้นางยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ตั้งแต่วันที่นางเดินทางไปกับเจี้ยนเฉิน นางได้เรียนรู้ว่าเขาเป็นคนที่ว่องไว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในตัวเขา นางรีบตามเขาไป

ชายทั้งสามคนได้ยินเสียงคำรามของเจี้ยนเฉิน คนสองคนที่มีเลือดเปื้อนนั้นตกใจมาก พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอใครก็ตามที่คุ้นเคยกับนายน้อยของตระกูลเทียนฉิน พวกเขาสองคนได้ใช้กำลังทั้งหมดในการต่อสู้และรู้สึกโล่งใจอย่างมากที่ได้เห็นโอกาสใหม่ในชีวิต ช่วงเวลาที่พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินวิ่งเข้ามาหาพวกเขา ความสุขของพวกเขาจางหายไปจากใบหน้าของพวกเขาและถูกแทนที่ด้วยความสิ้นหวัง

พวกเขาทั้งคู่รู้จักเจี้ยนเฉินและเขาเป็นสหายต่างอาณาจักรคนเดียวของฉินเซียว ความสามารถในการสู้รบของเขาไม่เป็นสองรองใคร แต่เจี้ยนเฉินยังคงอายุน้อยและเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเท่านั้น คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือเซียนปฐพีและเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้อีกทั้งยังมีพลังเซียนธาตุลม พวกเขาทั้งสองร่วมกันก็ยังเสียเปรียบ เจี้ยนเฉินคงทำอะไรไม่ได้

เมื่อมาถึงจุดนี้ เซียนปฐพีธาตุลมก็ได้สังเกตเห็นเจี้ยนเฉิน เมื่อเขาเห็นหน้าตาที่หล่อเหลาของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาก็สูญเสียความมั่นใจทันที เขารู้สึกหวาดกลัวและหมดความปรารถนาที่จะต่อสู้

“หืมม วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป ” เซียนปฐพีถ่มน้ำลายอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะบินไปในอากาศเพื่อวิ่งหนี

เมื่อชายคนนั้นหนีไป ชายคนที่บาดเจ็บสาหัสผู้หนึ่งซึ่งสูญเสียพลังเซียนส่วนใหญ่ไปก็หมดสติไปในทันที

ชายอีกคนไม่มีพลังงานเหลือและล้มลงบนพื้นด้วยสีหน้าเหี่ยวแห้ง

“ฉินเซียว ฉินเซียว ! เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ? ตื่นขึ้นมา ! ” เจี้ยนเฉินมาถึงตัวฉินเซียวอย่างรวดเร็วในขณะที่เรียกชื่อของเขาซ้ำ ๆ อย่างบ้าคลั่ง

บาดแผลของฉินเซียวค่อนข้างรุนแรงและร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด แม้แต่หญ้าที่อยู่ข้างใต้เขาก็เปียกโชกไปด้วยเลือดของเขา เจี้ยนเฉินสังเกตเห็นบาดแผลลึกที่น่ากลัว 2 บาดแผล ที่เอวของฉินเซียวเกือบถูกหั่นเป็น 2 ส่วนโดยมีเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของร่างกายที่เขายังเชื่อมต่ออยู่ อีกแผลอยู่บนหน้าอกของเขาซึ่งดาบแทงทะลุผ่าน ทำให้อวัยวะภายในของเขาเสียหายอย่างรุนแรง ตอนนี้ฉินเซียวผ่านประตูนรกมาถึงครึ่งทางแล้ว

“เร็วเข้า ใช้ธนูยิงเขา ! อย่าปล่อยให้เขาหนีไป ! ” เจี้ยนเฉินคำรามขณะที่เขาชี้บอกให้หญิงสาวในชุดเหลืองจัดการกับร่างที่กำลังจะหายไปอย่างรวดเร็วของเซียนปฐพีธาตุลม

หญิงสาวจ้องมอง นางกำลังดึงธนูขึ้นมาเพื่อฆ่าชายคนนั้น แต่เมื่อนางได้ยินเสียงของเจียนเฉิน นางก็ขมวดคิ้วและวางมือลง นางยืนเฉยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าไม่ทำ ทำไมข้าต้องฟังเจ้า ? “

ปัง ! กำปั้นของเจี้ยนเฉินกระแทกกับพื้น ทำให้เกิดหลุมครึ่งเมตรลึกลงไปในพื้นดินที่อ่อนนุ่ม ดวงตาแดงก่ำของเจี้ยนเฉินจ้องมองหญิงสาวอย่างฉุนเฉียวขณะที่ความโกรธของเขายังคงโบยบินไปในอากาศ คราวนี้เจี้ยนเฉินโกรธจริง ๆ

เมื่อเห็นความกระหายเลือดบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน หัวใจของหญิงสาวก็สั่นคลอนด้วยความกลัวก่อนที่จะยืนแข็งทื่อ ในช่วงเวลานั้นนางก็รู้สึกเสียใจมาก ในตอนที่นางปฏิเสธที่จะยิงชายที่หลบหนีไปและไม่ได้หันมาสนใจ ชายคนนั้นซึ่งเป็นเซียนปฐพีธาตุลมก็ได้ทะยานเข้าไปในภูเขาและคลาดจากสายตาไปเสียแล้ว

“เจี้ยนเฉิน .. เจี้ยนเฉิน”

ขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังจะใช้พลังเซียนธาตุแสงเพื่อรักษาบาดแผลของฉินเซียว มีเสียงจาง ๆ กระซิบมาเมื่อดวงตาของฉินเซียวเปิดออก ปากของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่เขาเรียกชื่อของเจี้ยนเฉินเบา ๆ

“ฉินเซียวแข็งใจไว้ ! ข้าจะรักษาเจ้าเดี๋ยวนี้ ! ” เจี้ยนเฉินเริ่มควบคุมพลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ พลังงานโลกเพื่อรักษาฉินเซียว ตอนนี้ฉินเซียวตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด ชีวิตของเขาแขวนไว้บนเส้นด้ายและสามารถถูกตัดได้ทุกเวลา

“เจี้ย เจี้ยน …เจี้ยนเฉิน” ดวงตาของฉินเซียวเปิดกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยขณะที่แขนขวาของเขาสั่นและพยายามที่จะคว้ามือเจี้ยนเฉิน เขาดึงมือเจี้ยนเฉินวางมันลงบนเข็มขัดมิติของเขาเองช้า ๆ และเริ่มพูดว่า “ช่วย… ช่วยด้วย.. .. เอา… ขวดสีเขียว.. … ออกมา .. จาก .. เข็มขัดมิติ .. ให้ข้า …” เสียงของฉินเซียวเริ่มจางหายไป เมื่อเขาหายใจออกเบา ๆ ศีรษะของเขาก็ตกลงไปที่พื้นและเขาก็หมดสติไป

เจี้ยนเฉินเข้าใจความหมายของฉินเซียวทันที เขาหยิบเข็มขัดมิติของฉินเซียวขึ้นมาอย่างระมัดระวังโดยไม่ได้สัมผัสบาดแผลของฉินเซียว เขาก็เริ่มค้นหาอย่างจริงจัง ก่อนที่จะหยิบขวดสีเขียวลายครามออกมา 3 ขวด

เจียนเฉินเปิดขวด กลิ่นหอมหวานโชยออกมา

ขวดแต่ละขวดบรรจุเม็ดยาขนาดนิ้วหัวแม่มือที่เปล่งแสงสีขาวจาง ๆ

“นี่..นี่คือ ? ! ” เจี้ยนเฉินร้องออกมาด้วยความตกใจ เขารู้จักมันดี ในขณะที่ทั้งสามเม็ดมีผงจาง ๆ บนเปลือกนอก ส่วนภายในมีพลังเซียนธาตุแสงที่บริสุทธิ์จำนวนมาก

เจี้ยนเฉินก็เหมือนกับเซียนธาตุแสงและเข้าใจอย่างชัดเจนถึงผลลัพธ์ของพลังเซียนธาตุแสง เขาคว้ามันและยัดมันใส่ในปากของฉินเซียวทันที

หลังจากกลืนเม็ดโอสถ ใบหน้าของฉินเซียวเริ่มเปลี่ยนสีดีขึ้น โอสถเต็มไปด้วยพลังเซียนธาตุแสง มันเพียงพอที่จะรักษาฉินเซียวและสามารถช่วยชีวิตของเขาได้ อย่างไรก็ตามฉินเซียวยังไม่ไม่สติ

หลังจากอาการของฉินเซียวคงที่แล้ว เจี้ยนเฉินก็หายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็หันไปหาชายสองคนที่มีเลือดไหลท่วมตัว

เขาจำผู้ชายทั้งสองคนได้ หนึ่งในนั้นคือฉินเจว่ซึ่งเป็นคนที่ฉินเซียวกล่าวว่าพ่อของเขาได้ชุบเลี้ยง เขาเกิดขึ้นมาและเติบโตมาในตระกูลเทียนฉินและเป็นคนที่ซื่อตรงมาก แต่ตอนนี้เขาหมดสติไปแล้ว ชายอีกคนหนึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกตระกูลเทียนฉินและเป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปในประตูมิติเพื่อไปยังเมืองทหารรับจ้างพร้อมกับเขา เขาเป็นสหายของเทียนโจวแต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเซียวอย่างมาก เขานั่งอยู่บนพื้นและกำลังกินยารักษาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

ชายสามคนรีบพรวดเข้ามาหาเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว

ทุกคนเรียกรู้จักทั้งสามคนนี้ “พี่ใหญ่ ! ” ทันใดนั้นทุกคนก็ร่าเริงขณะที่คนที่รักษาตัวอย่างช้า ๆ มองไปที่ชายสามคนที่กำลังเข้ามาใกล้และพยายามคลานขึ้นมาพบพวกเขา

ชายทั้งสามนี้คือเทียนโจวและพี่น้องอีกสองคนจากข้างนอก ตระกูลเทียนฉิน

“น้องสี่ ! “

“น้องสี่ ! “

“น้องสี่ ! “

เทียนโจวและอีกสองคนนั้นสามารถจดจำร่างที่เปื้อนเลือดได้อย่างรวดเร็วและตะโกนออกชื่อของเขาขณะที่พวกเขาวิ่งไปที่ด้านข้างของเขา

“น้องสี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ใครทำอย่างนี้กับเจ้า ? “

“น้องสี่ บอกพวกเราสิ คนชั่วคนไหนที่ทำให้เจ้ามีสภาพเช่นนี้ ? “

ชายทั้งสองคนโกรธมากเมื่อเห็นร่างของน้องชายที่เปื้อนเลือด ใบหน้าของเทียนโจวค่อนข้างไม่น่าดูเมื่อทั้งสามคนเริ่มมองไปรอบ ๆ และเห็นร่างไร้สติของนายน้อยตระกูลเทียนฉิน โดยมีเจี้ยนเฉินและหญิงสาวที่มีธนูอยู่ข้าง ๆ เขา

เจ้าเป็นใคร ! หนึ่งในนั้นคำรามใส่หญิงสาว พวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นใคร แต่ไม่ใช่ผู้หญิงคนใหม่นี้

หญิงสาวมองดูทั้งสามคนอย่างดูถูกเหยียดหยามขณะที่นางหันหน้าไปทางด้านข้างอย่างหยิ่งยโส ราวกับว่านางไม่เต็มใจพูดหรือมองพวกเขา

เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว ชายคนหนึ่งก็ตะคอกอย่างเยือกเย็นว่า “สาวน้อยเกเร เราถามคำถามเจ้า เจ้าหูหนวกหรือเปล่า ? “

หลังจากที่เขาพูดจบ หญิงสาวก็เคร่งขรึมขณะที่นางจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ “หากพูดเช่นนี้อีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้า” นางเดาว่าเจี้ยนเฉินรู้จักคนเหล่านี้ เพราะถ้าไม่ใช่เช่นนั้นนางคงจัดการพวกเขาไปนานแล้ว ชายทั้งสามคนนี้เป็นเซียนปฐพีและไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคงมีป้ายมากมาย

“เจ้า..” ชายคนที่นางพูดด้วยโมโหอย่างโกรธเคือง มีดยาวคมปรากฏขึ้นในมือของเขา “เจ้าคงเหนื่อยกับการมีชีวิต ข้าจะสอนบทเรียนกับเจ้าเอง ! ” จากนั้นเขาก็บินไปข้างหน้านาง

“เฮ้ พี่รอง อย่าหุนหันพลันแล่น ! เจ้าไม่ควรรีบทำร้ายสาวงาม ทันใดนั้นชายที่ดูน่าเกลียดคนหนึ่งยื่นมือออกมาเพื่อหยุดยั้งชายอีกคนจากการจู่โจมขณะที่เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าชู้

เมื่อได้ยินอย่างนี้พี่รองผู้นั้นก็ตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดด้วยเสียงหัวเราะที่มืดมนว่า “น้องสาม เจ้าเป็นคนฉลาดมาก ! มันคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายหากสาวงามผู้นี้ต้องตายตอนนี้ ! ” เขาหัวเราะอีกครั้งเมื่อพูดกับหญิงสาว “สาวน้อย ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ช่างน่าละอายที่ต้องฆ่าสาวงามเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่มารรับใช้พวกเราให้ดี ถ้าเจ้าทำให้เราพอใจ พี่ใหญ่จะปล่อยเจ้าไป”

ใบหน้าของหญิงสาวนั้นแข็งกระด้าง นางมีสีหน้าฉุนเฉียว

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ แม้แต่ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็มืดมน แม้ว่าเขาจะมีเรื่องทะเลาะกับนางมากมาย แต่เขาก็ไม่สามารถทนฟังคำพูดของทั้งสองได้ ในขณะนี้เพราะหญิงสาวและเขาอยู่ฝ่ายเดียวกัน ส่วนเทียนโจวและพวกของเขาก็ไม่ได้ตรงไปตรงมากับเขา เพราะเทียนโจวได้ก่อปัญหามากมายให้กับเขาก่อนหน้านี้ในตระกูลเทียนฉิน

“ถ้าไม่อยากตาย เจ้าทั้งสองคนก็ควรหุบปากซะ” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ขณะที่จ้องมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ