เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 338

ตอนที่ 338: เงื่อนไขของซาร์เอี้ย

ในวันถัดไปผู้คนนับไม่ถ้วนรอคอยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ในที่สุดก็กำลังจะเริ่มขึ้น นี่เป็นวันที่ราชาแห่งทหารรับจ้างจะได้รับการสถาปนา การชุมนุนของทหารรับจ้างในรอบ 50 ปีใกล้จะถึงช่วงสำคัญ ข่าวการต่อสู้ระหว่างซาร์เอี้ยกับเจี้ยนเฉินนั้นเป็นจุดสนใจของบทสนทนาของทุกคน แม้แต่เซียนสวรรค์หลายคนก็มาเฝ้าดูการต่อสู้และพยายามทำนายว่าใครจะชนะ ในท้ายที่สุด ข้อสรุปสุดท้ายคือชายสองคนนั้นมีความแข็งแกร่งที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

ซาร์เอี้ยมีอายุมากกว่า 45 ปี แต่ก็ยังต่ำกว่าอายุ 50 ปีด้วยความแข็งแกร่งของเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 และเขายังมีพลังเซียนธาตุแสง ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกเรียกว่าเป็นอมตะเพราะเขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ตัวเองได้รับ ข้อได้เปรียบตามธรรมชาติของเขานั้นมากมายและเขาก็ซับซ้อนพอ ๆ กับนักรบธาตุแสงสองคนก่อนหน้านี้ ผู้ชมและคู่ต่อสู้ไม่รู้ว่าเขามีทักษะการต่อสู้หรือไม่ ทุกคนรู้แต่เพียงว่าเขามีชุดเกราะที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามหลายคนก็คาดการณ์ว่าอย่างน้อยที่สุดเขาต้องมีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์

เจี้ยนเฉินน่าจะมีอายุราว ๆ 20 ปีและด้วยอายุที่ต่ำกว่า 25 ปีกับความแข็งแกร่งในฐานะเซียนปฐพีวัฏจักรแรกหรือวัฏจักรที่ 2 เขาไม่มีพลังธาตุที่ใครสัมผัสได้แต่การโจมตีของเขาเป็นอันตรายอย่างน่าเหลือเชื่อ กระบี่ของเขานั้นเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อและทำให้เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ไม่สามารถหลบได้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถรักษาความเร็วนั้นไว้ได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกถึงผลข้างเคียงของการเคลื่อนไหวเหนือธรรมชาตินี้ และเนื่องจากวรยุทธ์บางอย่าง การเคลื่อนไหวของเขาจึงรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครรู้ว่าเขามีทักษะการต่อสู้หรือไม่ แต่เขามีความลับที่ซ่อนอยู่ซึ่งมันสามารถทำลายอาวุธเซียนของเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ได้ เมื่อเขาใช้แสงสีฟ้าและสีม่วง พลังในการต่อสู้ของเขาก็ทวีคูณขึ้นและหลาย ๆ คนก็คาดการณ์ว่านี่คงเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์

เมื่อข้อมูลเกี่ยวกับจุดแข็งของทั้งสองถูกเปิดเผย ทุกคนก็สังเกตเห็นทันทีและภายในวันเดียวกันผู้คนก็เริ่มวางเดิมพันกันอีกครั้ง เพราะนี่เป็นรอบสุดท้าย นักพนันทุกคนจึงวางเดิมพันสูงกับการแข่งขันรอบนี้ ชายผู้มั่งคั่งหลายคนได้วางเดิมพันเหรียญม่วง 200,000 เหรียญ ทำให้เงินเดิมพันทั้งหมดมีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง เนื่องจากความกำกวมของจุดแข็งของสองนักสู้ จำนวนคนที่เลือกข้างเจี้ยนเฉินและซาร์เอี้ยต่างก็เท่าเทียมกัน ผู้คนครึ่งหนึ่งวางเดิมพันข้างเจี้ยนเฉิน ในขณะที่อีกครึ่งวางเดิมพันข้างซาร์เอี้ย

“ฮ่า,ฮ่า มันช่างมีชีวิตชีวาจริง ๆ. ข้าต้องการเดิมพัน 100,000 เหรียญม่วงว่าน้องเจี้ยนเฉินจะเป็นผู้ชนะ” เทียนมู่หลิงนำเงินออกมาวางเดิมพัน

“ข้าก็อยากจะวางเดิมพันกับชัยชนะของน้องเจี้ยนเฉินด้วยเงิน 500,000 เหรียญม่วง ! ” ฉินจี๋เดินไปข้างหน้าและดึงเงินออกจากเข็มขัดมิติของเขา

“ข้าต้องการเดิมพัน 1,000 เหรียญม่วงกับชัยชนะของเจี้ยนเฉิน นั่นคือทั้งหมดที่ข้ามี” ศิษย์พี่อันนำเงินจำนวนน้อยวางลงบนโต๊ะ

“30,000 เหรียญม่วงกับชัยชนะของเจี้ยนเฉิน ทรัพย์สมบัติส่วนตัวของข้าทั้งหมดวางอยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉิน” ฉินเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่

“10,000 เหรียญม่วงข้างเจี้ยนเฉิน” ตู่กูเฟิงไม่ใช่คนที่ยอมพลาดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เขาพูดกับคนที่เดิมพันด้วยท่าทางสงบ

………

บนสังเวียนทั้งเจี้ยนเฉินและซาร์เอี้ยต่างยืนนิ่งเงียบ เจี้ยนเฉินยืนพร้อมกับกระบี่ในมืออย่างไร้กังวลตรงหน้าซาร์เอี้ย ปลายกระบี่ชี้ลงพื้นดิน มันพร้อมที่จะทะลวงซาร์เอี้ยได้ทุกเมื่อ

ซาร์เอี้ยเป็นชายที่มีร่างแข็งแรงกำยำ เขาสูงประมาณ 2 เมตร เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างเยือกเย็น เขาเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่โดยการสวมใส่ชุดเกราะสีเงินซึ่งสามารถมองเห็นพลังเซียนธาตุแสงที่ส่องสว่างและหมุนรอบตัวเขา มันทำให้เขาดูเหมือนผู้วิเศษ สถานที่เดียวที่ไม่ได้ถูกคลุมด้วยเกราะคือจุดสองจุดที่ดวงตาของเขา ซาร์เอี้ยถืออาวุธเซียนที่ส่องแสงไว้เหนือหัวของเขา สภาพโดยรวมทำให้ซาร์เอี้ยที่หุ้มเกราะนั้นดูเหมือนเทพเจ้าสงครามที่ได้รับการเคารพ

ทั้งสองยืนอยู่บนสังเวียนมานานพอสมควร และแล้วก็มีเสียงประกาศดังขึ้น

ทันใดนั้นเทพเจ้าสงครามอย่างซาร์เอี้ยก็พูดเสียงดังมาจากเกราะเงินของเขาว่า “เจี้ยนเฉิน ถึงแม้ว่าเจ้าจะใช้วิธีพิเศษบางอย่างเพื่อซ่อนการปรากฏตัวของเจ้า ข้าสามารถบอกได้ว่าพลังเซียนของเจ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าข้ามากนัก เจ้ายังหนุ่ม ข้ามั่นใจว่าเมื่อเวลาผ่านไป เจ้าจะไปถึงจุดสูงสุดของทวีปเทียนหยวน ดังนั้นในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าข้าจะชนะหรือแพ้ ข้าหวังว่าเราจะยังคงเป็นสหายกันไม่ใช่ศัตรู”

เจี้ยนเฉินตกใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาจ้องซาร์เอี้ยด้วยสีหน้าประหลาดใจและพูดว่า “พวกเราฆ่าสหายของเจ้า คารากาและคาซด้าเฟย เจ้าไม่ต้องการล้างแค้นให้กับพวกเขาหรือ ? “

ไม่มีความแตกต่างในอารมณ์ของซาร์เอี้ยภายใต้หมวกเหล็ก เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้ายอมรับว่าคารากาและคาซด้าเฟยทั้งคู่มาจากสถานที่เดียวกันกับข้า แต่การเป็นพันธมิตรของเรามาจากคนละกลุ่ม เราไม่ใช่สหายแต่เราเป็นคู่แข่งกัน ความสัมพันธ์ของเรานั้นค่อนข้างเปราะบาง และถ้ามันแย่กว่านั้นมันก็จะกลายเป็นศัตรู เจ้ากับหมิงตงฆ่าพวกเขาทั้งคู่ ข้าควรจะขอบคุณพวกเจ้า ในความเป็นจริง เจ้าได้กำจัดศัตรูที่มีศักยภาพในอนาคตของข้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ