เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 339

ตอนที่ 339: จิตวิญญาณกระบี่

ในตอนที่หมิงตงเห็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎในมือของซาร์เอี้ยจากด้านนอก ใบหน้าของเขาก็เริ่มตื่นตระหนก ” ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะมียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ความลับของเขาถูกซ่อนอย่างชาญฉลาดจนกระทั่งถึงตอนนี้ สิ่งนี้จะเป็นปัญหาว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่”

วินาทีต่อมาคู่ต่อสู้สองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก พวกเขารอให้การแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

1 ชั่วยามผ่านไป ซาร์เอี้ยก็ยังไม่เคลื่อนไหว เจี้ยนเฉินคิดไปว่าการแข่งขันยังไม่เริ่มขึ้น เขาไม่ได้ยินเสียงประกาศ แต่เวลาที่เขารอก็นานเกินไป เขามาที่นี่ในตอนเช้าและตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว

ดวงอาทิตย์ที่ร้อนโชติช่วงนั้นอยู่สูงในท้องฟ้าและแสงสีทองที่ร้อนระอุก็สอดส่องลงมาทั่วทั้งพื้นที่ด้วยสีทอง

แม้ว่าดวงอาทิตย์จะแผดเผาเหนือศีรษะแต่ก็ไม่มีใครรู้สึกถึงความร้อน มันเป็นช่วงฤดูหนาว ดังนั้นอุณหภูมิจึงไม่ได้สูงเกินทน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตเห็นความร้อนของแสงอาทิตย์ แต่พวกเขาคิดว่ามันสบาย ๆ ไม่เหมือนฤดูร้อนที่ทุกคนต่างก็เหงื่อตก

“ตอนนี้เป็นชั่วยามที่ 2 ให้เริ่มการแข่งขันกันได้ ! ” ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงของผู้ประกาศ

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจี้ยนเฉินแทบจะรู้สึกเหมือนเลือดไหลออกมา เขาไม่รู้เลยว่าเขากับซาร์เอี้ยต้องยืนรอเหมือนคนโง่เง่าเป็นชั่วยามเพื่อให้การแข่งขันเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย

“ย้าก ! ” ในอีกด้านหนึ่ง ซาร์เอี้ยระเบิดพลังเซียนธาตุแสงออกมา ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเขาอยู่สูงในอากาศพร้อมกับความเปล่งปลั่งอันศักดิ์สิทธิ์ ดั่งกับว่าเขามีจิตวิญญาณอันสูงส่งซึ่งทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้าสงคราม

เมื่อยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎโบกสะบัดในอากาศ ปราณกระบี่จำนวนมากก็บินตรงไปหาเจี้ยนเฉินเหมือนพระจันทร์เสี้ยว พลังของมันแข็งแกร่งมากแม้ในขณะที่บินผ่านอากาศ ปราณกระบี่รูปจันทร์เสี้ยวก็เริ่มบิดเบือน

การใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ทำให้จำนวนพลังงานที่จะถูกปล่อยมากกว่าตู่กูเฟิง

ปราณกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยวบินไปที่เจี้ยนเฉินทันที เขาแยกร่างลวงตาและปล่อยให้การโจมตีดำเนินต่อไป มันระเบิดและกระทบกับม่านพลัง หลังจากนั้นมันหายไปเหมือนก้อนกรวดในมหาสมุทร

เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินถูกปราณกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยวทุบ ผู้ชมทั้งหมดก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจและประหลาดใจ อย่างไรก็ตามเสียงร้องนั้นถูกกลืนเข้าไปเพราะพวกเขารู้ว่ามันเป็นเพียงภาพติดตาของเจี้ยนเฉิน ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินตัวจริงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังข้างหลังซาร์เอี้ยพร้อมกับกระบี่วายุโปรยที่เปล่งประกายด้วยปราณกระบี่สีฟ้าและสีม่วงจาง ๆ มันกำลังแทงที่หลังของเขา

ซาร์เอี้ยไม่ได้สนใจที่จะหันหลังกลับ เขาเหวี่ยงยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏไปทางข้างหลังเขาทันที พลังงานจากยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎระเบิดออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกสั่นคลอนราวกับว่าพื้นที่รอบ ๆ ไม่สามารถจัดการกับพลังงานที่ส่งออกมาได้

เจี้ยนเฉินจริงจังมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าจำนวนพลังของซาร์เอี้ยในขณะที่เขาใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนั้นแข็งแกร่งกว่าฉินจี๋และตู่กูเฟิง เจี้ยนเฉินคงไม่สามารถจัดการกับเศษเสี้ยวของพลังจากยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎได้ ไม่ต้องพูดถึงพลังทั้งหมดเลย

เจี้ยนเฉินดึงกระบี่กลับมา และใช้ทักษะการต่อสู้มายาพริบตาทันทีและเขาทิ้งภาพลวงตาไว้ข้างหลังสำหรับให้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏจู่โจม ขณะที่เขาไปปรากฏตัวด้านหลังซาร์เอี้ยเพื่อแทงเขาด้วยปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าอีกครั้ง

ซาร์เอี้ยไม่ได้หนีหรือหลบระเบิดของเจี้ยนเฉินเลย เขากวัดแกว่งยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเข้าใส่เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินหวาดกลัวยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของซาร์เอี้ย แต่เขาก็รู้ว่าปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้านั้นแข็งแกร่งแค่ไหน อีกทั้งยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎก็ไม่ใช่อาวุธเซียนของซาร์เอี้ย แม้ว่าเขาจะสามารถทำลายยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎได้ แต่มันก็ไม่ลดความสามารถในการต่อสู้ของซาร์เอี้ยไปมากนัก เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาจะต้องโจมตีกลับอีกครั้งและหลบยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ

ชายทั้งสองยังคงเดินหน้าต่อกันด้วยการปะทะกันอย่างดุเดือดซึ่งต่างฝ่ายต่างหลบจึงยังไม่มีใครโดนพลังระเบิด ทำให้การต่อสู้ดูเหมือนจะเงียบ

ซาร์เอี้ยรู้ว่าเจี้ยนเฉินเร็วมากเกินไปดังนั้นเขาจึงไม่ได้พยายามที่จะหลบการโจมตีของเจี้ยนเฉิน และพยายามที่จะเผชิญหน้ากับมัน ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎถูกกวัดแกว่งในพื้นที่กว้าง ๆ เพื่อที่เจี้ยนเฉินจะถูกบังคับให้ดึงกระบี่ของเขากลับในวินาทีสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ