เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 35

Chaotic Sword God ตอนที่ 35 เหลียงเสี่ยวเล่อ

หลังจากนำแกนอสูรออกมาจากตัวของเสือดำ เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าก็ยังเดินทางต่อไปและได้สังหารสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง

มันง่ายมากสำหรับการที่เซียนจะสังหารสัตว์อสูรระดับ 1 แต่สำหรับลูกศิษย์ใหม่ ก็กล่าวได้ว่าเป็นงานที่ยากเหลือใจนัก มันเป็นอันตรายถึงชีวิต เป็นอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่เจี้ยนเฉินกับเถี่ยต้ากลับทำราวกับว่ามันเป็นเกม เขตแดนชั้น 2 เป็นเหมือนขุมทรัพย์แกนอสูรสำหรับทั้งสองคน

หนึ่งวันผ่านไปได้อย่างรวดเร็วและเมื่อยามค่ำมาเยือน ทั้งเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าพบว่ามีพื้นที่เปิดโล่งในป่า ระหว่างที่กองไฟของพวกเขาลุกโชนขึ้นเป็นจังหวะชีพจร ขณะที่มันกำลังส่องประกายในความมืด เงาของเด็กทั้งสองคนเต้นสะท้อนอยู่เบื้องหลังของพวกเขา ราวกับว่ามันกำลังขู่ปีศาจตนอื่น

ความมืดที่ล้อมรอบพวกเขาจากทุกแง่มุม และถ้าพวกเขาจะออกไปข้างนอกนอกขอบเขตที่ไฟจะไปถึง พวกเขาจะมองไม่เห็นแม้กระทั่งมือของพวกเขาที่ยื่นออกไปข้างหน้าท่ามกลางความมืดมิด มันไม่ได้เงียบสงัดนัก แต่เป็นที่ไหนสักแห่งในป่าที่ห่างไกล เป็นเสียงสัตว์อสูรที่กำลังส่งเสียงร้องโหยหวนออกไป เพียงแค่เสียงนั้น มันก็สร้างความหวาดกลัวให้ทุกคนและและบางคนที่หวาดกลัวอย่างสมบูรณ์ เสียงนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขากลัวจนแข็งค้าง

เถี่ยต้าหมุนแกนอสูรในมือของเขา ก่อให้เกิดประกายหยอกล้อกับแสงไฟนั้น มองหนึ่งคราก็จะแสดงให้เห็นเสื้อของพวกเขาที่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนักและแปดเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด

เลือดทั้งหมดมาจากสัตว์อสูร ขณะที่เสื้อที่ขาดวิ่นของพวกเขามาจากพุ่มไม้หนาม

“เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าช่างน่ากลัวจริง ๆ ! ข้าไม่เคยคิดเลยว่า เจ้าจะสามารถควงแท่งเหล็กผุ ๆ พัง ๆ นี้ได้ระดับที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ สัตว์อสูรทั้งหมดที่เราสู้ในวันนี้ ถูกฆ่าโดยเจ้า ! มันมีเพียงอสรพิษตัวแรกที่ข้าจัดการฆ่า เถี่ยต้าอุทานออกมา ในขณะที่เขาชื่นชมเจี้ยนเฉิน

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินปรากฏรอยยิ้มกว้าง “ข้าเพียงแค่ฉกฉวยเอาโอกาสนั้นมา เมื่อข้าเห็นสิ่งหนึ่ง ถ้าเจ้าไม่ได้สร้างความเสียหายโดยใช้ขวานของเจ้าแล้วล่ะก็ มันจะเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าสัตว์อสูรเหล่านั้น”

เถี่ยต้าหัวเราะ เขารู้สึกสะดวกใจมากขึ้นในคำพูดนั้น “เจียงหยางเซียงเทียน โปรดบอกข้า เจ้าสามารถบอกว่ามีสัตว์อสูรอยู่บริเวณใกล้ ๆ เราได้อย่างไร ?” เป็นธรรมดาที่เถี่ยต้าจะสงสัยในเรื่องนี้มาตลอดทั้งวัน แต่มันก็เป็นเพียงตอนนี้ที่เขาพบว่าเหมาะที่จะถามออกไป

เจี้ยนเฉินไม่ได้คิดจะปกปิดอะไร และเขาเริ่มชี้ไปที่หูและหัวของเขา ข้าใช้นี่และนี่

เจี้ยนเฉินมองไปยังตำแหน่งที่ถูกชี้ หูและหัว ด้วยท่าทีสงสัย ก่อนจะถามออกมาว่า เจ้าใช้หูฟังและใจของเจ้าเพื่อที่จะคิด ?

นั่นเจ้าถูกแค่เพียงครึ่งหนึ่ง ! เจี้ยนเฉินเอาท่อนเหล็กออกมาจากด้านข้างของเขาและเริ่มที่จะลับคมของแท่นเหล็ก ด้วยการตอบสนองอย่างเลื่อนลอย เขากล่าวว่า นอกเหนือจากการพึ่งหูของข้าที่จะฟัง ข้าใช้จิตวิญญาณของข้ารับรู้บริเวณโดยรอบ แต่วิธีนี้จะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเจ้าที่จะทำ

โอ้ ! เถี่ยต้าพยักหน้าในการทำความเข้าใจ ในขณะที่กำลังใช้ความคิดในหัว

เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าท่อนเหล็กท่อนนั้นได้คมมากพอแล้ว ก่อนจะวางมันลง คว้าเข็มขัดมิติของเขาขึ้นมา เขากล่าวว่า เถี่ยต้า มาตรวจสอบจำนวนแกนอสูรที่เราได้รับในวันนี้กัน เขาเขย่าเข็มขัดมิติของเขาที่ใช้จัดเก็บแกนอสูร พวกมันเริ่มที่จะร่วงหล่นลงมา

แกนอสูรค่อย ๆ ร่วงหล่นทีละอัน และบริเวณพื้นที่ด้านหน้าเจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะเต็มไปด้วยแกนอสูรที่รวมกันจนกระทั่งมันเป็นกองสูงขึ้นไป

เถี่ยต้าทำตามและเริ่มที่จะเขย่าเข็มขัดมิติของตัวเอง ในท้ายที่สุดก็สามารถเห็นภูเขากองเล็กที่อยู่ด้านหน้าของเขาได้เป็นอย่างดี

ข้ามีแกนอสูร 48 ชิ้นในตอนนี้ เจี้ยนเฉินหัวเราะ ผลกำไรของเขาสำหรับวันนี้ได้มากทีเดียว

ข้ามี 49 ชิ้นในตอนนี้ ข้าชนะเจ้า 1 ชิ้น เถี่ยต้ามีความสุขมาก เขาไม่เคยเห็นแกนอสูรจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเขา เขาไม่เคยเห็นแกนอสูรตัวใดมาก่อนเลย เถี่ยต้าเกิดมาในครอบครัวธรรมดา แกนอสูรเหล่านี้มีราคาแพงแม้ว่าแกนอสูรทั้งหมดจะเป็นระดับ 1″

สำหรับวันแรก นี่เป็นกำไรที่ไม่เลวเลย! ข้าไม่รู้ว่าแกนอสูรจำนวนเท่าไหร่ที่พวกเราต้องการเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะและได้รับรางวัลเป็นแกนอสูรระดับ 4 และแหวนมิติ” แม้แต่เจี้ยนเฉินยังถูกล่อลวงโดยรางวัลที่เขาอยากได้รับ แกนอสูรระดับ 4 พลังภายในนั้นแข็งแกร่งมากกว่าแกนอสูรระดับ 1

ในขณะนี้ ตาของเจี้ยนเฉินจู่ ๆ ก็เข้มขึ้น ในขณะที่เขากระซิบ เก็บแกนอสูรโดยเร็ว ก่อนที่คนจะเข้ามา หลังจากพูดจบ พวกเขาก็เริ่มที่จะเก็บแกนอสูรทั้งหมดลงในเข็มขัดทันทีและใส่มันอย่างรวดเร็ว

เถี่ยต้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากได้ยินเจี้ยนเฉินพูด เขาเริ่มที่จะเก็บแกนอสูรของเขา เถี่ยต้าก็เก็บพวกมันได้ทัน

หลังจากที่ทั้งสองได้เก็บแกนอสูร หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ ตรงบริเวณหญ้าที่ถัดไปไม่ไกล มีเสียงพึมพำอันบางเบาของใครสักคนดังออกมา ทันทีที่คนผู้นั้นเห็นเถี่ยต้าและเจี้ยนเฉินนั่งอยู่บริเวณไฟ ก็มองพวกเขาด้วยท่าทีประหลาดใจแกมดีใจ ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยท่าทีโล่งใจ นางเป็นหญิงสาวร่างเล็กที่บอบบางนัก ผู้ซึ่งมาสะดุดล้มอยู่ตรงหน้า

ในที่สุดข้าก็ได้เจอผู้คน ในที่สุดข้าก็ได้เจอผู้คน ! ข้าขอร้องเจ้า ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ข้ากลัว ข้ากลัวจริง ๆ สัตว์อสูรต้องการจะกินข้า … น้ำเสียงของนางนั้นกระหืดกระหอบและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่เสียงของนางยังมีประกายอ่อนโยนแฝงอยู่นั้น

ได้ยินที่นางพูด เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าก็ตระหนักว่าบุคคลที่ยืนด้านหน้าพวกเขาเป็นเด็กผู้หญิง ไฟที่ส่องสว่างอยู่เบื้องหลังพวกเขา แสดงให้เห็นถึงเครื่องแบบของนางที่เป็นของสำนักคากัต อย่างไรก็ตามเครื่องแบบนั้นได้ขาดวิ่นโดยกิ่งหนาม เผยให้เห็นผิวในร่มผ้าบางส่วนของนางออกมาด้านนอก และแม้กระทั่งชุดชั้นในของนางก็อาจจะเห็นโผล่ออกมา เครื่องแบบของนางเต็มไปด้วยโคลนราวกับว่านางสะดุดล้มมาหลายรอบ

ใบหน้าของหญิงสาวก็สกปรกเต็มด้วยโคลน จนถึงจุดที่รูปร่างหน้าตาของนางไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของนางซึ่งร้องไห้ขณะที่นางมองอย่างอ้อนวอนที่เจี้ยนเฉิน มองเห็นแต่ท่าทีน่าสงสาร ในดวงตาของนางสะท้อนออกมาถึงท่าทีอับจนหนทาง

นั่งลง เจี้ยนเฉินพยายามทำสิ่งที่เป็นความคาดหวัง มองไปที่สถานการณ์ของนาง เขาคาดเดาถึงประเภทของปัญหาที่เกิดขึ้น ในสภาพแวดล้อมนี้ หากประมาท แม้กระทั่งเด็กผู้ชายยังมีท่าทีหวาดกลัว ไม่ต้องพูดถึง เด็กผู้หญิงที่อยู่คนเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ