เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 359

ตอนที่ 359: ตัวตนถูกแพร่งพราย

รัมกุยเนสพยักหน้าด้วยความปวดร้าวก่อนที่จะร้องไห้ ข้าจะฟังเจ้า เพื่อลูกของข้า ข้าจะต้องอยู่ต่อไป ข้าจะไม่ให้ภาระที่ยากลำบากนี้ไปตกอยู่กับลูกของข้า ข้าจะต้องแก้แค้นให้กับสามีของข้าและข้าจะอยู่ดูลูกของข้าเติบใหญ่

เมื่อเห็นรัมกุยเนสต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาลงมือช่วยเหลือคนที่มีศักยภาพเป็นเซียนผู้คุมกฏ

พลังธาตุความมืดได้เข้าไปในไขกระดูกแล้ว พลังเซียนธาตุแสงที่เจ้ามีเหมือนกับเป็นเรื่องบังเอิญ ดังนั้นเจ้าจะสามารถบังคับให้พลังธาตุความมืดออกมาได้ ให้ข้าจัดการที่เหลือต่อไปเอง รัมกุยเนสพูดอย่างสงบกับเจี้ยนเฉินในภายหลัง

หลังจากนั้นรัมกุยเนสและเจี้ยนเฉินใช้เวลา 1 ชั่วยามในการพยายามใช้พลังเซียนธาตุแสงเพื่อปิดผนึกพลังธาตุความมืดในร่างกายของนาง ในขณะเดียวกันบางครั้งพลังเซียนธาตุแสงก็มักจะล้มเหลวในการคืบหน้าบ้าง แม้ว่าพลังเซียนธาตุแสงจะมีผลต่อพลังธาตุความมืดแต่มันก็ยังคงอ่อนแอเกินไป

หลังจากนั้นไม่นานรัมกุยเนสก็ไม่อาจต่อสู้ได้อีกในฐานะสัตว์อสูรระดับ 7 เนื่องจากนอกไม่สามารถใช้พลังปราณได้ในตอนนี้ นางจะต้องต่อสู้โดยใช้ความแข็งแกร่งทางร่างกายของนางเท่านั้น แต่นั้นก็น้อยกว่าแต่ก่อนมาก

ครึ่งชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินได้จัดการอาการบาดเจ็บในส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของรัมกุยเนส รัมกุยเนสเตรียมพักฟื้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเตรียมพร้อมออกไปจากที่นี่

มนุษย์ ข้าไม่อาจใช้กำลังปกป้องลูกของข้าได้อีกต่อไป เจ้าควรจะพาเขาไปแทน น้ำตาที่อยู่ในดวงตาของรัมกุยเนสได้ไหลออกมาเพราะว่านางไม่อาจเต็มใจที่จะแยกทางจากลูกของนาง

เจี้ยนเฉินมองดูลูกของนางที่กำลังหลับอยู่ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างจริงจัง เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะทำให้ดีที่สุดสำหรับลูกของเจ้าและเมื่อข้าไปถึงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้น 7 แล้ว ข้าจะสลายพลังพลังธาตุความมืดในตัวเจ้า

รัมกุยเนสมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างซาบซึ้ง มนุษย์ ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าหมายความตามที่เจ้าพูดจริง ๆ เจ้าใส่ใจพวกเราแม่ลูกคู่นี้อย่างแท้จริง ข้าจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเจ้า

อีกอย่าง เนื่องจากลูกของข้าเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะ การเติบโตของเขาค่อนข้างช้า การให้ทรัพยากรกับเขาจะทำให้เขาเติบโตได้อย่างรวดเร็วและเมื่อเขาโตขึ้นเขาจะมีความสามารถในการตามหาพวกเขาด้วยตัวของเขาเอง

หลังจากอธิบายสิ่งสำคัญทั้งหลายแล้ว รัมกุยเนสก็ได้กำชับไม่ใช้เจี้ยนเฉินเปิดเผยข่าวของลูกของนางว่าเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะ

เจี้ยนเฉินพูดหลังจากที่รับรู้อย่างละเอียดแล้ว ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่เราควรจะออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ยิ่งเราอยู่นานเท่าไร ตัวแปรก็ยิ่งมากขึ้น

เจี้ยนเฉินไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไปและอุ้มเสือไว้ในมือซ้ายของเขาก่อนที่จะหาอะไรมาคลุมร่างกายของมัน จากนั้นเขาก็กระโดดบินออกไปข้างนอกเพื่อหลบหนี

เขามีลูกสัตว์ระดับ 6 อย่าให้เขาหนีไปได้ ! โชคไม่ดีที่มีคนที่มีสายตาแหลมคมเดาได้ทันทีว่าภายใต้ผ้าคลุมนั้นคืออะไร

ทันใดนั้นทุกคนต่างก็เคลื่อนไหว เซียนปฐพีที่เหลืออีก 50 คนก็บินไปด้านหน้าเพื่อสกัดทางเจี้ยนเฉิน

จิตสังหารปะทุขึ้นในดวงตาของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่กระบี่วายุโปรยได้ปรากฏอยู่ในมือของเขาทันทีพร้อมกับแสงสีม่วง-ฟ้า เมื่อเห็นแสงกระพริบจากกระบี่และความเร็วอย่างมาก เซียนปฐพี 3 คนที่ขวางทางเจี้ยนเฉินก็ถูกฟันจนตกตายในพริบตา

ผู้คนรอบ ๆ ถูกล่อลวงโดยลูกสัตว์ระดับ 6 แต่ละคนจ้องมองไปที่ถุงใหญ่ที่อยู่กับเจี้ยนเฉินเท่านั้น ในขณะที่พวกเขาไม่อาจเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน ในจุดนี้พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดา

เจี้ยนเฉินสามารถเข้าไปในถ้ำได้โดยไม่ถูกเสือขาวขัดขวาง จากนั้นเสือขาวก็เข้าไปในถ้ำเป็นเวลานานโดยไม่ได้ยินเสียงต่อสู้ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเจี้ยนเฉินต้องมีความสัมพันธ์กับเสือขาว เมื่อพวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินพุ่งออกมาจากถ้ำ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อัจฉริยะพวกเขาก็รู้ว่าเจี้ยนเฉินได้นำลูกเสือระดับ 6 ไปกับเขา

เจี้ยนเฉินจัดการเซียนปฐพีทั้ง 3 คนที่เข้ามาขวางเขาทันทีอย่างไม่มีท่าทางเกรงกลัว กลุ่มเซียนปฐพีที่เหลือก็ตัดสินใจปิดล้อมเขาพร้อมกับอาวุธเซียนในมือของพวกเขา

หลังจากที่เจี้ยนเฉินฟันออกไป ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดุร้ายยิ่งขึ้น แสงสีม่วง-ฟ้าก็ยิ่งสว่างมากกว่าเดิม กระบี่เริ่มพร่าเลือนก่อนที่จะแยกออกมาราวกับเป็นเงาสะท้อนของกระจก ทำให้เส้นทางที่เขาหลบหนีเต็มไปด้วยเลือด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ