เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 434

ตอนที่ 434: เดินทางกลับบ้าน (3)

เมืองลอร์เป็นเมืองชั้นหนึ่งของอาณาจักรเกอซุน แต่มีเมืองชั้นหนึ่งอีกหลายเมือง ดังนั้นเมืองนี้จึงไม่มีความสำคัญมากนัก

ภายในเมืองลอร์มีกลุ่มอำนาจ 4 กลุ่มได้แก่ ตระกูลเจียงหยาง, ตระกูลเทียนหลิง, ตระกูลเจิ้งและตระกูลหยานชี่ ทั้งสี่ตระกูลนี้เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองลอร์และอยู่แยกกันในเมืองทั้ง 4 ทิศ ตระกูลเจียงหยางเป็นตระกูลที่มีประวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ย้อนกลับไปตระกูลเจียงหยางอยู่ตั้งแต่เมืองลอร์ถูกจัดตั้งขึ้น

ในเวลานั้นภายในห้องที่มีกลิ่นหอมหวนภายในคฤหาสน์เจียงหยางในเมืองลอร์ มีคนหลายคนพูดคุยกันอยู่

ภายในห้องมีหญิงสาวเสื้อคลุมขาวที่อายุประมาณ 30 ปีที่กำลังเดินไปมาในห้องอย่างกระสับกระส่าย แม้ว่าบรรยากาศจะวุ่นวาย ตัวนางเองก็มีบรรยากาศแปลก ๆ เสริมบุคคลิกของนางและทำให้นางดูสวยงามมาก

น้องสี่ เจ้าอยู่ที่นี่หรือไม่ ? ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะที่ประตูและได้ยินเสียงที่นุ่มนวลอีกด้านของประตู

หลังจากที่เคาะประตู ประตูก็เปิดออกมาเผยให้เห็นหญิงสาวที่อายุประมาณ 30 ปีและดูสวยงามเช่นกัน

พี่รอง เมื่อเห็นหญิงสาวที่อยู่อีกด้านของประตู หญิงสาวชุดขาวก็ทักทายคนที่มาหาทันที

หลังจากที่ได้รับคำทักทายของหญิงสาวชุดขาวเจ้าของห้องแล้ว คนที่ถูกเรียกว่าพี่รองก็พูดขึ้น น้องสี่ ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้าเดินไปวนไปวนมาบ่อยครั้งมาหลายวันแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ?

น้องสี่ถอนหายใจขณะที่รวบรวมความคิดของนาง พี่รอง ข้ารู้สึกกระสับกระส่ายไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มันค่อนข้างยากที่จะสงบใจได้ แต่ข้าไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ?

ดวงตาของพี่รองเบิกกว้างขึ้นมาขณะที่นางนึกขึ้นได้พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา น้องสี่ เจ้ากำลังคิดถึงเซียงเทียนงั้นหรือ ?

ด้วยชื่อนี้ น้องสี่ก็เงียบและเงยหน้าขึ้นมาด้วยความเศร้าพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาจากดวงตาของนาง

เมื่อเห็นสภาพของน้องสี่ พี่รองก็ลอบถอนใจ น้องสี่เจ้าอย่าคิดมากเกินไป เซียงเทียนเป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าผู้อื่นทั้งหมด สวรรค์จะต้องปกป้องเขาอย่างแน่นอน ไม่นานเขาจะกลับมา ขณะที่นางพูด เสียงของนางก็เริ่มแผ่วเบา ราวกับว่าตัวนางเองก็ไม่มั่นใจในคำพูดของนางเอง เมื่อตอนที่เจียงหยางเซียงเทียนอายุได้ 15 ปี เขาได้ถูกบังคับให้ออกจากคฤหาสน์ของตระกูลเจียงหยางเพื่อหนีความโกรธเกรี้ยวของสำนักหัวหยุน หลายปีผ่านมาแล้วตั้งแต่เหตุการณ์นั้นและตระกูลเจียงหยางยังส่งคนที่คอยค้นหาเขา แต่พวกเขาก็ไม่อาจหาข่าวใด ๆ ได้ ราวกับว่าเจียงหยางเซียงเทียนหายได้ตัวไปในอากาศและไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใดก็ไม่ได้ข่าวคราวกลับมา ดังนั้นทุกคนในคฤหาสน์เพียงแต่คิดว่าเจียงหยางเซียงเทียนคงประสบเหตุร้ายเป็นแน่

มีอันตรายมากมายในทวีปเทียนหยวนเนื่องจากการฆ่าฟันเป็นเรื่องธรรมดา แม้ว่าคนผู้หนึ่งจะอยู่ในเมืองและได้รับการปกป้อง แต่ทหารรับจ้างที่หยาบช้าจำนวนมากกลับยังฆ่าคน การต่อสู้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มันยากมากที่เด็กอายุเพียง 15 ปีจะเอาตัวรอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้

คำพูดของพี่รองทำให้ไป๋หยุนเทียนเสียใจมากยิ่งขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาที่เริ่มไหลลงอย่างช้า ๆ เต็มใบหน้าของนาง ร่างกายของไป๋หยุนเทียนสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ขณะที่นางสะอื้นไห้ ข้าไม่รู้ว่าเซียงเทียนอยู่ไหนหรือเขาจะกลับมาหรือไม่ หลังจากที่ไม่ได้ยินข่าวใด ๆ มานาน ไป๋หยุนเทียนก็กังวลกับบุตรคนเดียวของนางมาก

พี่รองประคองไป๋หยุนเทียนลงไปนั่งที่เตียงและถอนหายใจ น้องสี่ เจ้าอย่าทำร้ายตัวเองเลย ข้าและเจ้าต่างก็ปรารถนาเหมือนกัน อารมณ์ของหมิงเย่ยิ่งแย่กว่าอีก หลังจากที่นางไม่พอใจเรื่องหมั้นของนาง นางหนีหายไปกลางดึก จนถึงตอนนี้ ข้ายังไม่รู้เลยว่าบุตรสาวที่โง่เขลาของข้าไปอยู่ที่ไหน ผู้หญิงเดินทางเพียงลำพังคนเดียว ข้ายังไม่อาจทำอะไรได้นอกจากกังวล

จากนั้นสำหรับพี่หลิงหลง นางต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าเราทั้งคู่ อาหู่ถูกตัดแขนขาทั้งสี่ข้าง ทำให้เขามีชีวิตที่ยากลำบากมาก เขากลายเป็นคนพิการในชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา เขาต้องทนไม่ได้แน่ ข้าหวังว่าอาหู่จะได้สติขึ้นมาและเขาจะไม่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย

….

ด้านนอกเมืองลอร์ มีแสงสีม่วง-ฟ้าลอยอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายเข้าในป่า หลังจากนั้นผ่านไปหลายชั่วยามในการเดินทาง เจี้ยนเฉินก็ถึงเมืองลอร์พร้อมกับเฉินฟางและซาน

เจี้ยนเฉินเดินช้า ๆ ผ่านต้นไม้ขณะที่เขามองเห็นกำแพงเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน แต่นั่นก็เพราะว่าที่นี่คือบ้านและครอบครัวของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ