เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 462

ตอนที่ 462: ข่ายอาคมพรางตา (1)

หลังจากที่ฟังคำแนะนำของเจี้ยนเฉินแล้ว สิ่งที่โอชะยิ่งกว่าที่ระบุว่าเจี้ยนเฉินเป็นผู้พิทักษ์ของอาณาจักรฉินหวงยังไม่ได้เปิดเผย ดังนั้นเมื่อเขากลายเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิให้กับอาณาจักรเกอซุน บรรดาอ๋องและเสนาบดีทั้งหลายได้เข้ามาคัดค้าน แต่เสียงพวกเขาก็เล็กจ้อยเหลือเกิน เมื่อองค์ราชารับสั่งออกมาและมีผู้สนับสนุนทั้งสองคือเย่หมิงและคาเฟอร์ เสียงที่คัดค้านก็เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินกลายเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรเกอซุน ในความเป็นจริงก็คือเขาเป็นเพียงผู้พิทักษ์จักรพรรดิเพียงคนเดียวของอาณาจักรเกอซุน

พิธีแต่งตั้งเจี้ยนเฉินเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แทบทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรเกอซุนได้ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่ตระกูลสำคัญ ๆ ทั้ง 3 จากเมืองลอร์ แต่ยังมีตัวแทนมากมายจากขุมอำนาจต่าง ๆ ที่ห่างไกลเข้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วย

เหตุการณ์นี้ทำให้ชื่อเสียงของเจี้ยนเฉินพุ่งทะยานขึ้นไปอีก พวกเขาถูกบดบังอย่างแท้จริง แม้กระทั่งสำนักหัวหยุนก็แทบจะถูกแทนที่จากเขา ในจุดนี้เจียงหยางป้าไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขารู้ดีว่าตระกูลเจียงหยางจะไม่เป็นตระกูลต่ำต้อยเฉกเช่นเมื่อก่อน

เมื่อการแต่งตั้งสิ้นสุดลง เจี้ยนเฉินและครอบครัวของเขาก็ออกจากพระราชวังหลังจากนั้นไม่นาน ในวันที่สองที่พวกเขาออกจากวังไปพร้อมกับทหารชุดเกราะดำ 500 นายขณะเดินทางไปยังเมืองลอร์ หมิงตงได้ติดตามเจี้ยนเฉินออกจากพระราชวัง

ภายในกองทัพ มีคนสวมชุดขาวที่สวยงามที่สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ ยืนอยู่ท่ามกลางทหารชุดเกราะดำ นางเป็นดั่งดอกไม้ที่งดงามที่กำลังเบ่งบานที่สะดุดตาและเปล่งประกาย

องค์หญิงอาณาจักรเกอซุนได้ขอออกจากพระราชวังเพื่อที่จะไปยังตระกูลเจียงหยางชั่วคราวโดยหวังจะพัฒนาความสัมพันธ์ เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนต่างก็เห็นด้วยกับคำขอของนางเพราะนั่นคือสิ่งที่ทั้งคู่คาดหวัง ด้วยการตกลงเช่นนี้ทำให้เจี้ยนเฉินจำต้องเห็นด้วย

ทั้งครอบครัวเดินทางด้วยความสนุกสนานพร้อมกับเสียงหัวเราะขณะที่พวกเขาต่างก็ดูแลซึ่งกันและกันพร้อมกับพูดคุยกันอย่างมีความสุข

พวกเขากลับมาที่เมืองลอร์ในตอนบ่ายของวันที่สอง เมืองลอร์ได้รับข่าวสารมานานแล้วว่าพวกเขาใกล้เข้ามาและมีงานเลี้ยงขนาดใหญ่เตรียมพร้อมต้อนรับพวกเขาที่ประตูด้วยรอยยิ้มอย่างมีมารยาท

หลังจากการต้อนรับเจี้ยนเฉินและกลุ่มของเขา พวกเขาก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเจียงหยาง พร้อมกับทหารชุดเกราะดำทั้ง 500 นายปฏิเสธที่ต้องการจะอยู่ต่อ พวกเขาก็ขอตัวกลับทันทีหลังจากที่งานเลี้ยงได้จบลง

ตระกูลเจียงหยางตกแต่งประดับประดาด้วยโคมไฟสว่างไสวและผ้าหลากสี เพื่อแสดงให้เห็นว่าทั้งคฤหาสน์มีความสุขแค่ไหน เจี้ยนเฉินเพียงก้าวข้ามประตูก็พลันรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างตระกูลเจียงหยางกับเมื่อก่อน ทหารที่ลาดตระเวนรอบ ๆ ตระกูลและแม้กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลก็แสดงสีหน้าภูมิใจ หัวของพวกเขาต่างก็ประดับด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ นา ๆ

ฮ่าฮ่า หัวหน้าตระกูล, ฮูหยินสี่, เซียงเทียน, ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ใบบรรดาผู้อาวุโสระดับสูงต่างก็กำลังรอพวกเขาด้วยใบหน้าที่เป็นกันเอง ขณะที่เรียกคนอื่นทันทีที่เห็นพวกเขากลับมา

ข้าไม่คิดเลยตระกูลเจียงหยางของข้าจะมีทายาทที่มีความสามารถเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตระกูลเจียงหยางของข้า เมื่อได้ยินอย่างนั้นผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังก็เปิดทางให้กับผู้อาวุโสที่เฝ้าห้องหนังสือ ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกปิดการแสดงออกที่ภาคภูมิใจของเขา

เซียงเอ๋อ นี่คือปู่ของเจ้า รีบเข้ามาคารวะ ! เจียงหยางป้าพูดกับเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วด้วยเสียงที่เบาและจริงจัง

เมื่อได้ยินอย่างนี้เจี้ยนเฉินก็เข้ามาทักทายทันที ข้าขอคารวะท่านปู่

ปู่หัวเราะก่อนที่จะมองเจี้ยนเฉินอยู่สักครู่ เขาพยักหน้ารับและพูดว่า ไม่มีความโอหังหรืออารมณ์ร้อนแรง ดี ดี เป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์อย่างแท้จริง และด้วยอายุของเจ้า เจ้าสง่างามอย่างแท้จริง”

สมาชิกในครอบครัวของเจี้ยนเฉินแลกเปลี่ยนคำทักทายหลายคำกับผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูล ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ระหว่างทางกลับไปที่ห้องของตัวเอง ยามทุกคนที่เห็นเจี้ยนเฉินต่างก็คำนับเขาด้วยความเคารพ แต่ละคมมองมาที่เขาด้วยความเคารพในขณะที่คนอื่น ๆ แสดงออกถึงความอิจฉา

ทันใดนั้นด้านนอกประตูของตระกูลเจียงหยาง บุคคลอายุประมาณ 28 ปีสวมชุดสีแดงมาพร้อมกับเครื่องประดับหลากสีสัน ผิวของเขามั่นคงและมีกลิ่นที่ไม่ธรรมดาทำให้ใครก็ตามที่เห็นเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าเขานั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง

ชายหนุ่มผู้นั้นถูกขวางโดยผู้คุมที่ประตู คนเฝ้าประตูคนหนึ่งตระโกนออกมาทันที หยุด ! ที่นี่คือตระกูลเจียงหยาง หากไม่มีคำเชิญก็ไม่อาจเข้าไปได้

ชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าประตูและพูดอย่างใจเย็น ข้ามาหาเจียงหยางเซียงเทียน

สามหาว! เจ้าเป็นคนที่จะสามารถเรียกชื่อของนายน้อยสี่ได้ตามใจงั้นรึ ? ยามทั้งสองเดินเข้ามาขวางอย่างฉับพลันทันทีพร้อมกับมองหน้าผู้มาใหม่ด้วยความไม่เป็นมิตร เนื่องจากความจริงที่ว่าเจี้ยนเฉินได้ยกระดับตระกูลเจียงหยางให้สูงขึ้นในอาณาจักรเกอซุน พวกยามทั้งหลายก็ยกตนเหนือผู้อื่นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ