เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 53

ตอนที่ 53: กลายเป็นเซียน

หลังจากที่งานฉลองจบ ลูกศิษย์ที่อยู่ที่ลานกิจกรรมก็ค่อย ๆ ออกไป และกระจายกันออกไปจนไม่มีใครเหลืออยู่ ระหว่างสามวันที่ผ่านมาในการต่อสู้กับสัตว์อสูรในป่า ลูกศิษย์เกือบทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บหลายที่ ในตอนนี้ที่งานฉลองได้จบลง ทุกคนก็กลับไปที่หอและรักษาอาการบาดเจ็บ ลูกศิษย์ที่เหลืออยู่ในลานกิจกรรมที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยคือศิษย์ที่ยอมแพ้ในภารกิจไปตั้งแต่แรกแรก

อย่างไรก็ตาม หลังจากจบเหตุการณ์นี้ ชื่อเสียงของเถี่ยต้าและเจี้ยนเฉินในสำนักคากัตก็เพิ่มจนถึงขีดสุด พวกเขาได้กลายเป็นดาวเด่นที่สุดในสำนัก ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะมีเสียงพูดคุยเกี่ยวกับพวกเขา

กลุ่มสามคนของเจี้ยนเฉิน เถี่ยต้า และเจียงหยางหู่ก็ร่ำลากัน และกลับที่หอของพวกเขาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

ที่กึ่งกลางของสำนักมีหอคอยสูงและกว้างร้อยตารางเมตรอยู่ รองอาจารย์ใหญ่ จางไป่เอิน กำลังยืนอยู่อย่างเคารพที่กึ่งกลางของห้องที่ชั้นบนสุดของหอคอย ด้านหน้าเขามีอาจารย์ใหญ่สำนักคากัตนั่งอยู่อย่างเกียจคร้านด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขาพร้อมด้วยท่าทางยิ้มแย้ม สายตาที่ลึกซึ้งของเขาก็เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นที่สะท้อนอยู่ด้านใน

“อ่าห์ ไป่เอิน ดูเหมือนว่าจะมีอัจฉริยะปรากฎขึ้นในสำนักคากัตของพวกเราแล้วครั้งนี้” อาจารย์ใหญ่พูดออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมรอยยิ้ม

รองอาจารย์ใหญ่จางไป่เอินพยักหน้าและยิ้มรับ “ท่านอาจารย์ใหญ่ นั่นไม่ถูกซะทีเดียว ครั้งนี้สำนักคากัตได้มามากว่าหนึ่งอัจฉริยะ พวกเราได้มาถึงสอง สองคนนี้คือ เจียงหยาง เซียงเทียนและเถี่ยต้า”

เจ้าสำนักส่ายหัวแล้วยิ้ม “ไม่ มันไม่ผิดหรอก พรสวรรค์ของเถี่ยต้านั้นสูงมาก และเขาก็ยังมีความแข็งแกร่งของเทพเจ้า อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเจียงหยาง เซียงเทียน เขายังต้องเดินทางอีกไกล”

รองอาจารย์ใหญ่ จางไป่เอิน ประหลาดใจกับการตอบกลับนี้ และเขาก็ถามออกมาอย่างสงสัย “ท่านอาจารย์ใหญ่ ทำไมท่านถึงพูดเช่นนั้น ? “

อาจารย์ใหญ่ถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วพูดออกมา “เจ้าจะประเมินเจียงหยาง เซียงเทียนต่ำไปไม่ได้ เขาค่อนข้างเป็นคนที่ซับซ้อน ไม่แปลกใจเลยที่สหายเฒ่าของข้าที่ตระกูลเจียงหยางชมเขาอยู่เรื่อย”

“จริง ๆ แล้วบ่ายเมื่อวาน หลังจากที่ข้าได้ยินข่าวว่าเจียงหยาง เซียงเทียนและเถี่ยต้าฆ่าสัตว์อสูรระดับสองที่เขตแดนชั้นสามได้ ข้าก็รีบแอบไปดูพวกเขา แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่เป็นเซียน แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็ดูถูกไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจียงหยาง เซียงเทียน แค่แท่งเหล็กพังพัง เขาก็แทบจะไร้เทียบทานในเขตแดนชั้นสาม ไม่เพียงแต่การเคลื่อนไหวของเขาจะไวแต่มันยังแม่นยำมากอีกด้วย ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขาไม่เหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบห้าปี ตรงกันข้าม มันเหมือนเป็นคนที่เคยสู้มาเป็นร้อยครั้งแล้ว แกนอสูรระดับสองในมือของทั้งสองคนส่วนใหญ่เกิดจากการสังหารของเจียงหยาง เซียงเทียนคนเดียว เถี่ยต้าแค่เข้าไปร่วมในการต่อสู้ด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สายตาของรองอาจารย์ใหญ่จางไป่เอินก็แสดงท่าทางไม่เชื่อแล้วพูดออกมา “ท่านอาจารย์ใหญ่ เจียงหยาง เซียงเทียนน่ากลัวเหมือนที่ท่านพูดจริงหรือ ? “

อาจารย์ใหญ่พยักหน้าแล้วพูดออกมา “ถ้าข้าไม่ได้ไปเห็นกับตาตัวเอง ข้าก็คงไม่เชื่อว่าเด็กอายุสิบห้าปีจะมีความแข็งแกร่งขนาดนี้เช่นกัน ส่วนที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์การต่อสู้ที่มากมายของเขาและทักษะการต่อสู้ นี่ไม่ใช่อะไรที่เรียกรู้กันได้เมื่ออยากจะเรียน หากไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาหลายร้อยครั้ง ก็ไม่สามารถเข้าใจหลักการได้ ไม่แปลกเลยที่เจ้าแก่เจียงชมเจียงหยาง เซียงเทียนมากมาย เขาเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์มากจริง ๆ ดูเหมือนเจ้าแก่นั่นจะเป็นคนสอนเขา”

รองอาจารย์ใหญ่จางไป่เอินมองไปอย่างโล่งใจในขณะที่เขาพูดออกมา “ภายใต้การแนะนำของจอมยุทธเจียง เจียงหยาง เซียงเทียนต้องเป็นที่รู้จักแน่”

…..

เจ้าสำนักพยักหน้าแล้วพูดออกมา ” แม้ว่าเจ้าแก่เจียงจะแนะนำเขาอยู่ข้าง ๆ แต่ถ้าเจียงหยาง เซียงเทียนไม่ได้มีพรสวรรค์ที่บรรเจิดอยู่แล้วแต่แรก เจ้าแก่เจียงก็คงไม่สามารถสอนเขาได้มากหรอกแม้จะเอาใจใส่มาก ถ้าเจียงหยาง เซียงเทียนไม่ใช่นายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยาง ข้าก็คงให้เขามาเป็นเด็กฝึกงานของข้าแล้ว เพราะว่า อัจฉริยะแบบนั้นหายาก ถ้าเขายังเติบโตอยู่อย่างนี้ต่อไป มันคงจะเป็นโชคที่ดีของอาณาจักรเกอซุน”

….

หลังจากงานฉลอง เจี้ยนเฉินก็ได้รับชุดเครื่งแบบใหม่ และจากนั้นเขาก็เข้าไปอาบน้ำและชำระล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายของเขาที่เขาได้มาจากป่าเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา หลังจากที่เขาใส่เครื่องแบบใหม่แล้ว เขาก็รู้สึกสดชื่นและกลับไปที่หอของเขา แม้ว่าเขาจะต่อสู้มาตลอดในระหว่างสามวันที่อยู่ในป่า แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนออกมาเลย ในชาติที่แล้วของเขา เขาเจอสภาพแย่กว่านี้มาเยอะ

หลังจากที่กลับไปที่ห้องของเขา เจี้ยนเฉินก็นั่งขัดสมาธิบนเตียง เขาถือแกนอสูรระดับหนึ่งเอาไว้ในมือแต่ละข้าง และเริ่มฝึกฝน แม้ว่าพลังของเจี้ยนเฉินจะจะอยู่ในขั้นสูงสุดของพลังเซียนระดับสิบ เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังเซียนที่อย่ในร่างของเขาที่ยังไม่ถึงสภาวะอิ่มตัว

ในขณะที่เขาค่อย ๆ ดูดซับพลังงานภายในแกนอสูร พลังเซียนของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการฝึกฝนของเขานั้นเร็วกว่าที่เขาดูดซับพลังงานของโลกถึงสิบเท่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ