เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 533

ตอนที่ 533 – การพบเจอกับเถี่ยต้าอีกครั้ง (4)

เมื่อได้ยินชื่อของเจียงหยางเซียงเทียนแล้ว ไป่เอินมีสีหน้าที่ตกตะลึงอีกครั้ง รีบหันไปหาเจี้ยนเฉิน ป้องมือของเขาขึ้น เขาพูด ไป่เอินคารวะท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ

ถึงแม้ว่าเจี้ยนเฉินในอดีตเขาจะเคยเป็นนักเรียนของสำนักคากัต แต่ด้วยสถานะของเขาตอนนี้นั้นมันได้อย่างสมบูรณ์แตกต่างจากแต่ก่อน ไม่เพียงเขาเป็นเซียนสวรรค์ แต่เขายังเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิคนแรกของอาณาจักรเกอซุนในรอบหลายร้อยปี เมื่อเทียบกับกาลก่อน มันก็ไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์และเมื่อเปรียบเทียบสถานะ แม้แต่รองอาจารย์ใหญ่ในตอนนี้ก็ยังต้องนอบน้อมต่อเจี้ยนเฉิน

ทันทีที่ผู้ชมทั้งหมดได้ยินความจริงที่ว่า ชายแปลกหน้าในชุดขาวที่มาพร้อมหมิงตงนั้นแท้จริงคือผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเกอซุน เจี้ยนเฉินนั้นเอง ทำให้ทุกคนกลายเป็นตกตะลึง ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงนั้นดังขึ้นทำให้พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เขา แต่ละคนต่างก็เคารพและหวั่นกลัว

หากบุคคลเช่นหมิงตงนั้นก็ไม่ต่างกับรูปเคารพและบูชา ในจิตใจของนักเรียน เจี้ยนเฉินนั้นก็เป็นเสมือนเทพเจ้า เป็นหนึ่งในคนที่พวกเขาไม่อาจแม้แต่จะมองด้วยซ้ำ

ในอดีต เจี้ยนเฉินนั้นเป็นผู้มีอิทธิพลในสำนักคากัต ที่ซึ่งในยามนี้ ความสำเร็จที่เขาได้ประสบความสำเร็จในสำนักได้ถูกเก็บรักษาไว้กับเวลาปัจจุบัน การได้รับชัยชนะของศิษย์หน้าใหม่ ผู้รวบรวมแกนอสูรจำนวนมหาศาล และผู้ที่ได้ชนะกาดิหยุนที่เป็นเซียนในตอนนั้นซึ่งเขายังไม่ได้เป็นเซียนด้วยซ้ำ แล้วในที่สุด ยามเมื่อเป็นเซียน เขาได้ตัดแขนเฉิงหมิงเซียงจากสำนักหัวหยุน ขณะที่ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้บังคับให้หลายคนที่อยู่ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างมาก

เจี้ยนเฉินนั้นได้ถูกกล่าวถึงโดยนักเรียนของสำนักคากัต ที่ซึ่งกลายเป็นที่สนใจอย่างมาก

ตอนนี้ หลังจากช่วงหลายปีสั้น ๆ เจียงหยางเซียงเทียนได้มาถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ นอกจากนี้เขาก็ยังผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรเกอซุน ความสำเร็จดังกล่าวนั้นก็เพียงพอให้เจียงหยางเซียงเทียนเป็นที่นับถือภายในจิตใจของเขา กระทั่งที่แม้แต่ความอิจฉา พวกเขายังไม่กล้าที่จะแสดงออก

ขอบเขตเซียนสวรรค์เป็นขอบเขตที่เป็นนิรันดร์ ที่ซึ่งนักเรียนต่างก็เฝ้าใฝ่ฝันว่าจะไปให้ถึง ไปในขอบเขตที่หลายคนไม่เคยจะสามารถเข้าถึงในชีวิตของพวกเขาทั้งหมดได้

ใต้เวที กาดิซิ่วหลีได้แต่มองพร้อมกับดวงตาที่หลุบต่ำลงด้วยความตกตะลึง นางมองเจียงหยางเซียงเทียนในเสื้อคลุมสีขาวด้วยท่าทีซับซ้อนของความอิจฉา

ขะ-เขาจริง ๆ เจียงหยางเซียงเทียน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงให้ความรู้สึกคุ้นเคยนัก เห็นใบหน้าหล่อเหลาและสูงส่ง กาดิซิ่วหลีเริ่มพึมพำกับตัวเองในใจของนาง นางอดไม่ได้ที่จะคิดกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในอดีตกับทุกความรู้สึกเป็นไปได้ที่นางเคยรู้สึก

หวนคิดกลับไปถึงเจียงหยางเซียงเทียน ที่ซึ่งนางและพี่สองเข้ามาในสำนักคากัต ทุกคนไม่ได้เป็นเซียนหรือแทบไม่เพียงได้กลายเป็นหนึ่ง มันเป็นระยะเวลาอันสั้น นางและพี่ชายสองคนของนางตอนนี้แข็งแกร่งในสำนักคากัต และกาดิหยุน พี่ชายคนโตของนางเพิ่งจะก้าวหน้าไปยังระดับของเซียนผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาไม่แม้แต่จะออกจากสำนักคากัต ที่ซึ่งเจี้ยนเฉิน ในระยะเวลาอันสั้น เขาได้ก้าวขึ้นไปและกลายเป็นเซียนสวรรค์

เซียนสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ทุกคนเฝ้าใฝ่ฝันถึง

ขณะที่ทุกคนรู้ว่า ทั้งสองคนนี้แท้ที่จริงเป็นหมิงตงและเจียงหยางเซียงเทียน สองพี่น้อง กาดิหยุนและกาดิเหลียงได้แต่ดูเจี้ยนเฉินบนเวทีด้วยท่าทีซับซ้อนเป็นเวลานาน พวกเขาก็เงียบ นอกจากนี้พวกเขาทั้งสองอย่างเห็นได้ชัดพวกเขารู้สึกค่อนข้างเศร้า

แม้กระทั่งกลายเป็นเซียนสวรรค์และเป็นผู้พิทักษ์จักรวรรดิของอาณาจักรเกอซุน แต่ทว่าเขากลับไม่มีความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อย ป้องมือขึ้นไปยังไป่เอิน พวกเขาเริ่มต้นที่จะสนทนากันอยู่หลายคำ

อ่า เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าได้กลับมามาเยือนสถานที่ของข้าและให้เกียรติข้าเป็นผู้ต้อนรับ คาเฟอร์ยิ้ม เจี้ยนเฉินมาสำนักคากัต หมายถึงว่าเจี้ยนเฉินยังไม่ลืมเรื่องเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว เมื่อเข้าใจเช่นนี้ทำให้คาเฟอร์รู้สึกปีติและภาคภูมิใจในจิตใจของเขา

เช่นนั้นแล้ว ข้าคงต้องรบกวนท่านอาจารย์ใหญ่จัดการในเรื่องนี้ เจี้ยนเฉินคิด พร้อมกับป้องมือขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวลเลย เจ้ามาที่นี่ นำพาเกียรติมายังสำนักคากัตทั้งหมด คาเฟอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปราณีและหัวเราะออกมา ก่อนที่จะค่อย ๆ ขึ้นสู่ท้องฟ้าไปถึงหอคอยของสถาบัน

ไม่รอช้าเช่นกัน เจี้ยนเฉินได้รวบรวมพลังงานธาตุลมของโลก นำพาเขาและหมิงตงขึ้นสู่ท้องฟ้า ติดตามคาเฟอร์ออกห่างจากเวที ทิ้งไว้ซึ่งคนกลุ่มใหญ่ที่ทำได้เพียงเฝ้าดูด้วยความอิจฉา

อย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉินได้นำหมิงตงไปยังจุดสูงสุดของหอคอยของคาเฟอร์ มันไม่ได้ได้เป็นที่ซึ่งคาเฟอร์ใช้ทำงานเท่านั้น แต่มันยังเป็นสถานที่ที่เขาใช้พักผ่อนและรับแขก พูดคุยเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่าง

คาเฟอร์เดินตรงผ่านเข้าไปยังโต๊ะผ่านไปยังโต๊ะและนั่งลง เรียกทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงกับเขา เขาเอาขวดสุราออกจากแหวนมิติของเขาให้กับคนทั้งสอง นี่คือ เครื่องดื่มที่ผ่านการเพาะบ่ม สำหรับข้า สุรานี้ มีชื่อเรียกว่า สุราร้อยบุปผา มันเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากวัตถุดิบที่แตกต่างกันนับร้อยก่อนจะกลั่น และกลั่นโดยยอดฝีมือ มันมีค่าพอที่ข้านั้นไม่เคยได้ดื่มด่ำไปกับมัน และมันเป็นรสชาติที่เหมาะสมกับเจ้านัก

เจี้ยนเฉินและหมิงตงไม่ได้ขยับตัวอย่างไม่สุภาพ และรับเอาเครื่องดื่มให้ลิ้มลอง เพียงแค่เป็นคำหนึ่งเล็ก ๆ พวกเขาทั้งสองให้ถอนหายใจ ในการสรรเสริญ “นับเป็นสุราชั้นดี แม้แต่ในวัง ข้าไม่สามารถที่จะดื่มบางสิ่งบางอย่างเช่นนี้ได้

เจี้ยนเฉินได้ดื่มเข้าไปหมดถ้วย โดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด คาเฟอร์ได้นำไวน์ล้ำค่าออกมา แต่เมื่อเทียบกับสุราร้อยพงไพรของราชาวานรแล้ว มันอาจเทียบไม่ได้ แต่มันก็ดีมากพอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ