เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 71

ตอนที่ 71: มู่หยุน

เจี้ยนเฉินแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่เขาป้องหมัดทักทาย”ดูเหมือนว่าพี่ชายจะเห็นดวงอาทิตย์จากหลายแห่งที่แตกต่างกันขณะที่เดินทางไปยังทวีปเทียนหยวน”

ทหารรับจ้างหุบยิ้มของเขา “มันไม่ใช่เวลานาน แค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับผู้ที่ออกจากบ้านและเดินทางเป็นเวลา 10 หรือ 100 ปี ข้าก็ยังเป็นแค่มือใหม่เท่านั้น.”

“ข้าไม่ทราบว่าพี่ชายมีนามว่าอะไร” เจี้ยนเฉินพูด.

“ชื่อของข้าคือมู่หยุน แล้วเจ้าล่ะ ? ” ทหารรับจ้างพูดอย่างกระตือรือร้น

“ข้าชื่อว่าเจี้ยนเฉิน.”เจี้ยนเฉินตอบ เขาตั้งใจที่จะใช้ชื่อ “เจี้ยนเฉิน” นี้ในอนาคตในทวีปเทียนหยวน.

เหตุนี้เอง เจี้ยนเฉินและมู่หยุนก็เริ่มสนทนาและคุยเกี่ยวกับประเด็นที่น่าสนใจในทวีปเทียนหยวน.

แม้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินเดินทางไปยังทวีปเทียนหยวน แต่เขาก็ได้อ่านหนังสือมากมายเกี่ยวกับทวีปเทียนหยวนในหอหนังสือของสำนักคากัตและคุ้นเคยบางอย่างรวมทั้งประวัติศาตร์ มู่หยุนได้เดินทางข้ามทวีปเทียนหยวนมาหลายปีแล้ว ดังนั้นประสบการณ์ของเขาอาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว ทั้งสองต่างก็พูดชมกันไปชมกันมาและเมื่อพวกเขาพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองก็สนิทกันโดยไม่รู้ตัว.

ขณะที่กองคาราวานเข้าใกล้ประตูป้อมปราการ เจี้ยนเฉินก็สังเกตเห็นรูปวาดติดอยู่ด้านนอกประตูบ้านหนึ่ง เป็นภาพของคนที่ชื่อว่า”เจียงหยางเซียงเทียน”ถูกประกาศอยู่ตรงนั้นพร้อมทั้งรางวัลมากมายอยู่ด้านล่าง.

ถ้าใครมีเบาะแสหรือสถานที่อยู่ใด ๆ ของเจียงหยางเซียงเทียนและพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง พวกเขาจะได้รับรางวัล 1,000 เหรียญม่วง หากข้อมูลของพวกเขาได้พาไปจับกุมคนในรูป เขาจะได้รับเหรียญม่วงอีก 4,000 เหรียญ

เหรียญทองก็เพียงพอแล้วที่จะเลี้ยงครอบครัวเล็ก ๆ 3 คนได้ถึงหนึ่งเดือนและเหรียญม่วงก็เทียบเท่ากันเหรียญทอง 100 เหรียญ ดังนั้นเหรียญม่วงจึงมาค่าเท่ากับ 1,000 เหรียญทองซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ของทหารรับจ้าง ด้วยจำนวนเงินมหาศาลเหล่านี้ ทหารรับจ้างหรือใครก็ตามที่ได้รับเงิน พวกเขาก็สามารถที่จะซื้อบ้านและจมอยู่กับความฝันที่สวยงามโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป มันง่ายที่จะบอกว่ารางวัลนี้ยากที่จะต้านทานและไม่มีใครที่จะสามารถสงบได้.

รางวัลที่ดีที่สุดที่ผู้คนหวังว่าจะได้คือ หากสามารถจับกุมเซียงหยางเซียงเทียนและนำไปส่งพวกที่สำนักหัวหยุน พวกเขาก็จะได้เงิน 10,000 เหรียญม่วง

เมื่อเห็นถึงของรางวัลขนาดนี้หากว่าจับเขาได้ ดวงตาที่ไร้อารมณ์ของเจี้ยนเฉินก็มีประกายเย็นชา.

“สำนักหัวหยุน เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งจริง ๆ รึ แถมยังให้รางวัลที่ยอดเยี่ยมและติดประกาศนำจับข้าทั่วอาณาจักรเกอซุน ไม่คิดว่าเจ้าจะ ใช้สมาคมทหารรับจ้างเพื่อพยายามหาตัวข้า” อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่เขารู้สึกถึงความสิ้นหวังเล็กน้อย ในทวีปเทียนหยวนความแข็งแกร่งครอบครองทุกสิ่งและความแข็งแกร่งของเขาก็ยังแกร่งไม่พอ เนื่องจากสำนักหัวหยุนเขาต้องละทิ้งชื่อ, รูปลักษณ์, บ้านและอาณาจักรของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่เขาไม่อาจทำอะไรได้ แต่แม้กระทั่งหนึ่งในสี่ตระกูลหลักของเมืองลอร์ ตระกูลเจียงหยางของเขา ก็ยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะหยุดสำนักหัวหยุน

“เฮ้อ ! ” เจี้ยนเฉินถอนหายใจ ในขณะนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพที่มารดาของเขาร้องไห้อย่างเศร้าใจเมื่อเขาจากมา

หลังจากที่คิดย้อนกลับไปแล้วดวงตาของเจี้ยนเฉินก็อ่อนลง หลังจากนั้นช่วงเวลาหนึ่งเขาก็สัญญากับตัวเองว่าเขาจะอุทิศตัวเพื่อฝึกฝนและพัฒนาความแข็งแกร่งของเขา ไม่อย่างนั้นภายใต้พลังที่ยิ่งใหญ่ของสำนักหัวหยุน เขาจะไม่อาจกลับไปที่อาณาจักรเกอซุนและพบมารดาของเขาได้อีกครั้ง ที่สำคัญคือเขาไม่สามารถที่จะได้รับความรักของมารดาได้อีกเลย.

เจี้ยนเฉินในชีวิตที่แล้วเป็นเด็กกำพร้าและไม่เคยได้รับรู้ว่าความรักของมารดานั้นเป็นอย่างไร สวรรค์ไม่เพียงแต่ทำให้เขาได้รับชีวิตใหม่ แต่ยังรวมถึงครอบครัวที่มีความสุขด้วย เจี้ยนเฉินได้รับความรู้สึกถึงความรักจากสายสัมพันธ์ของเขากับมารดา

แม้กระทั่งคนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีความสุขก็ไม่อาจสัมผัสในสิ่งที่เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ ในฐานะของคนที่เคยมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นเขา เขาจึงต้องการครอบครัวอยู่เสมอ แต่เนื่องจากเขาอยู่อย่างสันโดษเสมอ ใจเขาจึงรู้สึกว่าเขาเหมือนอยู่คนเดียว.

เลยประตูที่ว่างเปล่าออกไป มีทหารประมาณ 200 คนยืนอยู่และทุกคนจ้องมองมายังผู้คนที่เข้าและออกจากประตูเมือง เมื่อใดก็ตามที่มีใครบางคนที่ปกปิดใบหน้า เหล่าทหารจะเข้าไปหยุดและเปรียบเทียบกับคนในรูปก่อนที่จะยอมให้ทำสิ่งที่ค้างอยู่ต่อไป

แม้ว่าทหารจะขวางทหารรับจ้างจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครรีบร้อน นี่เป็นเพราะนอกเหนือจากอาณาจักรเกอซุน มีป้อมทหารกว่าหมื่นคนและไม่เคยขาดผู้เชี่ยวชาญแม้แต่น้อย ดังนั้นหากเกิดการต่อสู้ขึ้นมามันก็จะเห็นได้ชัดว่าใครเป็นผู้แพ้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ