ตอนที่ 718: ความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง
ไม่เพียงแค่ชายชราทั้งห้าจะรู้เกี่ยวกับนิกายดาบโลหิตเท่านั้น พวกเขายังรู้อีกว่านิกายดาบโลหิตนั้นแข็งแกร่งเพียงใด มันทำให้ชายชราทั้งห้าหวาดกลัวมาก
“ไม่ดีแล้ว พวกมันมาจากนิกายดาบโลหิต ! ไปกันเถอะ ! ” ชายชราหม่าเทิงร้องออกมาโดยไม่คิด ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็เริ่มหนีไปไกลด้วยความเร็วสูง
“ไปกันเถอะ ! ” ชายชราซิตูตะโกนออกมาอย่างดังและเริ่มที่จะหนี ชายชราที่เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ที่เหลืออีก 3 คนไม่กล้าที่จะอยู่สู้ต่อและหนีไปไกลทันทีกับชายชราซิตู
“ท่านหัวหน้านิกายสั่งให้จับกุมพวกมันแล้วฆ่าทิ้งซะ ไล่ตามพวกมันไป ! ” ชายที่ปรากฏตัวขึ้นคนแรกในสี่คนพูดอย่างเย็นชา หลังจากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นแสงสีแดงทันทีเพื่อที่จะไล่ตามคนทั้งห้าไป พวกเขาหายไปในพริบตา
แม้ว่าการปรากฏตัวของผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตจะช่วยตระกูลเจียงหยางเอาไว้ แต่คนของตระกูลเจียงหยางก็ไม่ได้รู้สึกถึงความยินดีเลยที่รอดจากหายนะครั้งนี้มาได้ กลับกันพวกเขาทั้งหมดกลับรู้สึกทุกข์ใจ คฤหาสน์เจียงหยางทั้งหมดเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ยามภายในตระกูลเจียงหยางกลัวที่จะตายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยามบางคนหนีโซซัดโซออกไปจากคฤหาสน์ด้วยขาที่สั่นเทาและใบหน้าที่ซีดเผือด
หลังจากนั้น ยามจำนวนมากขึ้น ๆ ที่รอดตายและไม่ต้องการที่จะถูกลากมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เลือกที่จะหนีไป พวกเขาส่วนมากเป็นยามที่ถูกจ้างมาโดยตระกูลเจียงหยางด้วยค่าจ้างที่สูงมาก พวกเขาทำงานให้ตระกูลเจียงหยาง แต่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจอย่างจริงจริงจังจัง ถ้าเป็นคนธรรมดาที่เข้ามาบุกรุก พวกเขาคงเข้าไปต่อสู้อย่างไม่กลัวตายและยอมสละชีวิตอย่างกล้าหาญ แต่คนที่ตระกูลเจียงหยางถูกยั่วยุครั้งนี้เป็นถึงเซียนผู้คุมกฎ และก็ไม่ใช่แค่เซียนผู้คุมกฎเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่มีถึง 5 คน พวกเขารู้สึกเต็มไปด้วยความกดดัน พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าตระกูลเจียงหยางต้องพบความหายนะแน่ครั้งนี้ แม้ว่าจะยังมีนายน้อยสี่ที่มีความแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเซียนผู้คุมกฎได้
สมาชิกระดับสูงของตระกูลเจียงหยางสัมผัสได้ถึงยามได้หนีไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามและปล่อยพวกนั้นไป
ไม่นานหลังจากนั้นยาม คนรับใช้ และผู้ติดตามจำนวนมากของตระกูลเจียงหยางได้หนีไป มีแค่ยามผู้ซื่อสัตย์ 400 คนที่ยังอยู่ข้างหลังพร้อมกับพวกพ่อค้าและผู้ติดตามบางส่วนที่เติบโตมาในตระกูล
พ่อแม่ของผู้ติดตามนั้นล้วนเป็นสมาชิกเก่าของตระกูลเจียงหยางทั้งหมด แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขาก็ทำงานในเขตเจียงหยาง ดังนั้นพวกเขาจึงจงรักภักดีมาก
“อาซ้อสี่ อาซ้อสี่ มันต้องไม่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ฟื้นซิ ฟื้นซิ” ป้ารองของเจี้ยนเฉิน หยูเฟิงหยานพุ่งไปที่ศพของไป๋หยุนเทียนและร้องเสียงแหลม นางเขย่าไปที่ร่างนั้นอย่างต่อเนื่อง
ในบริเวณรอบ ๆ ผู้อาวุโสของตระกูลเจียงหยางยังคงนิ่งเงียบ พวกเขาทั้งหมดต่างโศกเศร้า เรื่องที่เกิดวันนี้นั้นช่างสร้างความเสียหายมากมายกับตระกูลเจียงหยาง
ข่าวเรื่องความหายนะของตระกูลเจียงหยางได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ป่า ไม่นาน มันก็ปกคลุมไปทั่วรัศมีหลายพันกิโลเมตรทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างรู้สึกประหลาดใจ
ในขณะที่ทุกอย่างยังไม่ถูกเปิดเผย เจี้ยนเฉินก็อยู่ในงานเลี้ยงฉลองกับองค์ชายสามฉินจี๋ในอาณาจักรฉินหวง พวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะกลมที่เต็มไปด้วยผู้คนประมาณสิบกว่าคน อย่างไรก็ตาม นอกจากเจี้ยนเฉินและฉินจี๋แล้ว นอกนั้นเป็นผู้หญิงทั้งหมด พวกนางทั้งหมดเป็นองค์หญิงของอาณาจักรฉินหวงหรือเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ พวกนางทั้งหมดน่ารักมาก และในกลุ่มนั้นบางคนดูเหมือนจะงดงามจนทำให้ลืมหายใจไปเลยทีเดียวเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของนาง พวกนางทั้งหมดขึ้นชื่อด้านความงามในอาณาจักรฉินหวง
สาวงามเหล่านี้มาด้วยเหตุผลที่ชัดเจนหรือบางทีอาจจะเป็นเพราะคำสั่งของสมาชิกอาวุโสของตระกูล หรือบางทีพวกนางอาจจะต้องการมาด้วยเหตุผลของพวกนางเอง
ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินมีองค์หญิง 2 คนคือ ฉินซวงและฉินหยู่ปิงนั่งอยู่ข้าง ๆ กลิ่นกายพวกนางเหมือนดอกกล้วยไม้และช่วยตักอาหารและรินสุราให้เจี้ยนเฉินอยู่ สายตาของพวกนางที่มีให้เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชมและหลงใหล
“ฮาฮ่า น้องเจี้ยนเฉิน ข้า ฉินจี๋ อยู่ที่ตำหนักดอกเมฆมา 30 ปีแล้ว ยังไม่เคยเจอวันไหนที่มีชีวิตชีวาเท่าวันนี้มาก่อน สาวงามทั้งหลายและคุณหนูตระกูลใหญ่มารวมกันที่ตำหนักดอกเมฆของข้า เป็นเกียรติต่อตำหนักที่ต่ำต้อยของข้ามาก” ฉินจี๋จิบสุราชั้นดีเข้าไป 1 จอกและหัวเราะอย่างปราศจากความกังวลใด ๆ จากความสุขที่เขามี แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะได้เป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว แต่เขายังนับฉินจี๋เป็นเหมือนพี่ชายของเขา แม้ว่าสถานะของเขาในตอนนี้จะแตกต่างจากแต่ก่อนมาก ทำให้ฉินจี๋รู้สึกยินดีอย่างมาก
น้องชายของเขา เจี้ยนเฉินเป็นถึงผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ด้วยความสัมพันธ์เช่นนั้น ฉินจี๋จึงเต็มไปด้วยความมั่นใจแม้แต่ในตอนที่เขาพูดกับพ่อของเขาเอง ฉินจี๋ยังรู้สึกได้เลยว่าพ่อของเขานั้นปฏิบัติกับเขาต่างออกไปและแม้แต่ขุนนางระดับสูงและเสนาบดีที่มีอำนาจมากยังปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพมากกว่าแต่ก่อน
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น เขาเป็นคนที่ถือว่าเรื่องมิตรภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แม้ว่าเขาจะมีพี่น้องร่วมสาบานไม่มาก ซึ่งฉินจี๋ก็เป็นหนึ่งในนั้น และแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน แต่เขาจะไม่มีวันลืมเลือนความสัมพันธ์แน่
หลังจากชนแก้วกับฉินจี๋ เจี้ยนเฉินต้องการที่จะดื่มสุราชั้นดีให้หมดจอก อย่างไรก็ตาม เมื่อจอกแตะที่ริมฝีปากของเขา เจี้ยนเฉินก็รู้สึกสั่นอย่างรุนแรง สุราจำนวนมากหกรดเสื้อของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ
ลงครั้งละ สี่ ห้า บท ได้ไหม...
กรุณาลงบทครั้งละหลายบทหน่อยนะครับ ชอบ ๆ...
รออ...
ตอน 1419-1420 หายครับ...
จบแล้ว......
มีต่อไหมครับ...
เมื่อไรจะอัพเดทค้าบ รอนานแล้ว...
ต่อๆๆๆ...
เลิกอัพแล้วหรา...
good novel...