เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 739

ตอนที่ 739: คำเชิญมากมายจากทุกหนแห่ง

ในหอคอยพลังเซียนธาตุแสง เจี้ยนเฉินก็ได้กลับไปที่ห้องเดิมที่เขาเคยใช้และอุทิศความตั้งใจทั้งหมดที่เขามีในการทำความเข้าใจทักษะธาตุแสง

หลังจากที่เข้าไปในห้องเก็บตัว ชายคนที่เห็นเจี้ยนเฉินที่ได้รับทักษะที่ยอดเยี่ยมทั้งสามนั้นยืนอย่างดื้อรั้นอยู่ที่หน้าห้องของเจี้ยนเฉิน บางทีอาจจะเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่ต้องการจะละทิ้งโอกาสในการเรียนรู้ทักษะทั้งสามนั้นไป

ในพริบตาเดียว 3 เดือนได้ผ่านไป ในวันนี้ประตูไม้ของห้องที่ปิดสนิทอยู่เป็นเวลา 3 เดือนก็ได้เปิดออกอย่างช้า ๆ เจี้ยนเฉินในชุดขาวเดินออกมาและบนไหล่ของเขาก็มีเสือขาวตัวเล็กกำลังอยู่อย่างสบายบนนั้น

หลังจาก 3 เดือนในการทำความเข้าใจ เจี้ยนเฉินก็เรียนรู้ทักษะธาตุแสงทั้งหมดโดยพื้นฐาน มีเฉพาะทักษะสำหรับระดับ 7 เท่านั้นที่เขาเพิ่งอยู่ในขั้นเริ่มต้น

เจี้ยนเฉินใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับทักษะทั้งสามนั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถที่จะร่ายมันได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้พลังเต็มที่ของเขา เขาสามารถที่จะร่ายมันได้แต่ความแข็งแกร่งที่ออกมานั้นไม่เหมือนที่ในหนังสือระบุไว้ ได้แค่มากสุดเหมือนการโจมตีจากเซียนสวรรค์เท่านั้น

แม้ว่าพรสวรรค์ในการฝึกทักษะธาตุแสงของเจี้ยนเฉินนั้นจะเข้าใกล้ระดับ 7 แต่เขาก็ยังเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 อยู่ดี การไปให้ถึงระดับนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 คนอื่น ๆ คงจะไม่สามารถทำอย่างที่เจี้ยนเฉินทำได้แน่

เจี้ยนเฉินผลักประตูไม้ให้เปิดออก มองปราดเดียว เขาก็เห็นชายวัยกลางคนอยู่ที่ทางเข้าของห้อง

เสียงของประตูไม้ได้ไปปลุกชายวัยกลางคนเข้า เขาลืมตาของเขาทันทีและพบว่าเจี้ยนเฉินกำลังจะออกจากห้องส่วนตัว แววตาของเขามีความยินดี เขารีบยืนขึ้นและยิ้มแฉ่งแล้วทักทายเจี้ยนเฉินอย่างประจบประแจง “น้องชาย ในที่สุดเจ้าก็ออกมา การทำความเข้าใจในทักษะทั้งสามเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าต้องได้อะไรจากมันมากแน่ ๆ “

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วและพูดอย่างเฉยเมย “เจ้ากำลังต้องอะไรจากข้าหรือเปล่าที่มารอข้า ? “

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย ผู้ต่ำต้อยคนนี้มีนามว่ากวานหยูไค่ ข้ารู้สึกชื่นชอบในพรสวรรค์และความสามารถที่ทรงพลังของเจ้าและข้ารู้สึกชื่นชมเจ้า ดงันั้นข้าจึงกำลังหาโอกาสที่จะคุยกับเจ้า ถ้าเจ้าไม่ยุ่งอะไร เจ้าสามารถที่จะแนะนำกวานหยูไค่สักหน่อยได้หรือไม่ กวานหยูไค่จะสำนึกในบุญคุณตลอดไป” ชายคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วอีกครั้ง พฤติกรรมของชายคนนี้ทำให้เจี้ยนเฉินสงสัยว่าเขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 จริงหรือ ช่างไม่มีศักดิ์ศรีของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เอาซะเลย

“ต้องขอโทษเจ้าด้วย ข้ามีเรื่องที่จะต้องไปทำ ดังนั้นข้าไม่มีเวลาที่จะพูดคุยกับเจ้า ลาก่อน ! ” เจี้ยนเฉินป้องมือให้กวานหยูไค่ก่อนจากไปทันที เขาไม่ได้หันมามองที่กวานหยูไค่

“น้องชาย โธ่ เจ้าอย่าเพิ่งด่วนจากไปแบบนั้น เพื่อเจ้า ข้ารอข้างนอกมาถึง 3 เดือน ข้าไม่ได้ออกไปกินอาหาร หรือปลดทุกข์เลย แม้มันจะดูไม่ได้มีอะไร แต่มันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะ เจ้าทำกับข้าแบบนี้ได้ยังไง ? ” กวานหยูไค่ไล่ตามหลังเจี้ยนเฉินไปทันทีโดยไม่สนใจในฐานะของตัวเองและไปพูดอยู่ที่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน

“น้องชาย เจ้าต้องเป็นคนใหม่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้น ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน ในการเตรียมตัวที่จะเป็นระดับ 7 ในปีนี้ ข้าได้ใช้เวลามากว่ายี่สิบปีที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสงและทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะเข้าใจในทักษะธาตุแสง ดังนั้นข้าจึงไม่รู้เรื่องภายนอกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลายี่สิบปีนี้เลย ดังนั้นข้าจึงเดาว่าเจ้านั้นต้องสำเร็จระดับ 6 ในช่วงสิบปีนี้ ข้าพูดถูกหรือไม่ ? “

“น้องชาย เจ้าอายุเท่าไร ? จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอย่างไร และเจ้ามาจากตระกูลไหน ? “

“น้องชาย ทักษะธาตุแสงนั้นเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งมาก ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะสามารถใช้โจมตีได้ ข้าอยู่มามากกว่าสามร้อยปีแล้ว ข้าสำเร็จระดับ 5 เมื่อข้าอายุห้าสิบกว่า เพราะว่าพรสวรรค์ของข้าก็ไม่เลวเลย ข้าจึงถูกสอนทักษะธาตุแสงล่วงหน้าโดยสมาคม ดังนั้นข้าจึงใช้เวลาเกือบจะทั้งหมดสามร้อยปีในการค้นคว้าทักษะธาตุแสง แม้ว่าข้าจะยังไม่ถึงขั้นสูงสุด แต่สิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มาก็ค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าสามารถบอกเจ้าและถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งหมดที่ข้ามี และช่วยให้เจ้าเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

กวานหยูไค่พูดคุยอย่างอดทนกับเจี้ยนเฉินโดยไม่สนใจสายตาที่เย็นชาของเขา ความไร้ยางอายของเขาทำให้เจี้ยนเฉินสงสัยในความเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่น่าเคารพนับถือหลายต่อหลายครั้ง

เจี้ยนเฉินออกไปจากหอคอยพลังเซียนธาตุแสงและไม่สนใจการรบกวนของกวานหยูไค่และลงไปที่บันได

“หยางยู่เทียน ! ” ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้น เสียงนั้นคือผู้อาวุโสห้าที่กำลังเดินอยู่ไกล ๆ ซึ่งเขาเป็นผู้ทำพิธีให้เจี้ยนเฉินเป็นสมาชิกหลัก ข้าง ๆ ผู้อาวุโสห้ามีชายวัยกลางคนร่างกำยำอยู่

สายตาที่เย็นชาปราดหนึ่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ปรากฏขึ้นที่ตาของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเขาก็ยังเหมือนเดิมและจงใจป้องมือไปที่ผู้อาวุโสห้าอย่างเคารพ “หยางยู่เทียนขอคารวะผู้อาวุโสห้า ! “

“กวานหยูไค่ขอคารวะผู้อาวุโสห้า ! ” กวานหยูไค่ที่ตามเจี้ยนเฉินมาจากหอคอยก็ป้องมือทำความเคารพไปที่ผู้อาวุโสห้า หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ส่งสายตาไปที่เจี้ยนเฉินแล้วหัวเราะ “อ้อ เจ้ามีนามว่าหยางยู่เทียนน่ะเอง แม้ว่าเจ้าไม่ได้บอกข้า ข้าก็รู้นามของเจ้า”

ผู้อาวุโสห้าเดินมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มที่ใจดี “หยางยู่เทียน สมาชิกหลักทุกคนของสมาคมสามารถร้องขอให้นักสู้มาปกป้องพวกเขาได้ ท่านประธานสนใจในตัวเจ้าเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงเรียนหยางหลิงให้มาคุ้มครองเจ้า เขาทรงพลังมากในการต่อสู้ ถ้าเขาได้มาปกป้องเจ้า จะไม่มีใครในเมืองแห่งเทพเจ้านี้ที่ทำร้ายเจ้าได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ