เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 740

ตอนที่ 740: แม่น้ำน้ำหอม

หลังจากที่คนของตระกูลใหญ่ทั้งแปดจากไป กวานหยูไค่ก็พูดกับเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีที่เคารพว่า “น้องหยางยู่เทียน เจ้านี่ช่างน่าประทับใจจริง ๆ เจ้าไม่เพียงจะไม่เคารพตระกูลใหญ่ทั้งแปดเท่านั้น แต่เจ้ายังเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่น่าประทับใจที่สุดตั้งแต่ที่ข้าเคยเจอมา ข้าชื่นชมเจ้า ชื่นชมจริง ๆ “

หยางหลิงยืนเฉย ๆ อยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและตั้งอกตั้งใจในการทำหน้าที่ปกป้องเจี้ยนเฉิน การที่เจี้ยนเฉินไม่เคารพต่อตระกูลทั้งแปดนั้น เขารู้สึกว่านั่นก็สมเหตุสมผลดีและถ้าเป็นเขา เขาก็คงจะทำแบบนั้น ถ้าไม่นับพรสวรรค์ของเจี้ยนเฉินแล้ว การที่เขามีท่านประธานเป็นอาจารย์นั้นก็ทำให้เขาอยู่ในระดับเดียวกันกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แล้ว ตระกูลทั้งแปดไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำท่าหยิ่งยโสต่อหน้าเขา

เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจกวานหยูไค่และเจอรถม้าที่หรูหราบนถนน หลังจากต่อรองราคากับคนขับแล้ว เขาก็ขึ้นไป หยางหลิงตามมาอย่างใกล้ชิดข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและนั่งปิดตาอยู่เงียบ ๆ ข้างเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

“น้องหยางยู่เทียน รอข้าด้วย ! ” กวานหยูไค่ปีนขึ้นรถม้าอย่างหน้าไม่อายและขึ้นไปนั่งข้างเจี้ยนเฉินพร้อมหัวเราะคิกคัก

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจ้องไปที่กวานหยูไค่อย่างไม่พอใจ “เจ้าตามข้ามาทำไมกัน ? “

กวานหยูไค่ไม่แม้แต่ที่จะหน้าแดง เขาหัวเราะ “น้องหยางยู่เทียน เมื่อพวกเราอยู่ด้วยกัน เราก็จะคุยกันได้ทุกเมื่อ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งสำหรับเราทั้งสอง อีกอย่างการแข่งขันระหว่างเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงกำลังจะมีขึ้นในอีก 1 เดือน เราจะติดหนึ่งในสิบด้วยกัน และเราก็จะได้โอกาสที่จะสำเร็จระดับ 7 ได้อย่างง่าย ๆ “

“กวานหยูไค่ ข้ารู้ว่าจริง ๆ แล้วเจ้าสนใจในทักษะธาตุแสงทั้งสามนั้น เจ้าควรล้มเลิกความคิดนั้น เจ้ารู้กฎของสมาคมดี ทักษะทั้งสามนั้นเจ้าจะต้องได้มาด้วยตัวของเจ้าเอง ข้าจะไม่บอกเจ้าหรอกนะ” เจี้ยนเฉินหลับตาอย่างช้า ๆ และไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป เขารู้เหตุผลที่กวานหยูไค่ตามเขามา นั่นเพราะเขาสนใจในทักษะธาตุแสงทั้งสามนั้นที่สามารถฝึกได้เฉพาะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เท่านั้น

กวานหยูไค่หัวเราะคิกคัก “น้องหยางยู่เทียน เจ้าก็รู้แล้วว่าการแข่งขันนั้นใกล้เข้ามาทุกที และมันก็มีกฎของสมาคมอยู่แล้วว่าทักษะธาตุแสงนั้นไม่สามารถบอกกับคนนอกได้ แต่ไม่มีอะไรป้องกันไม่ให้สมาชิกหลักแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน การแข่งขันนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ถ้าเราทั้งคู่มีทักษะทั้งสามนั้น เราจะเพิ่มโอกาสในการติดหนึ่งในสิบ ดังนั้น เจ้าเห็นหรือไม่ว่า….” กวานหยูไค่ถูมือของเขาและจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างกระตือรือร้น

เจี้ยนเฉินนั่งหลับตาอยู่บนรถม้าที่กระเทือนขึ้นลงและพักผ่อนราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่กวานหยูไค่พูดเลยแม้แต่น้อย

คนของแปดตระกูลใหญ่กลับไปที่ตระกูลของพวกเขาในไม่ช้า และบอกต่อสิ่งที่เจี้ยนเฉินบอกกับเจ้านายของพวกเขาโดยไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่คำพูดเดียว

ในตอนนี้ หัวหน้าฮัวซึ่งอยู่ในชุดขาวลุกขึ้นจากที่นั่งของเขาช้า ๆ ในคฤหาสน์ฮัว รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา “หยางยู่เทียน ต้องการให้พวกเรา คนของตระกูลใหญ่ทั้งแปดไปพบเขาที่โรงเตี้ยมลอยน้ำบนแม่น้ำน้ำหอม ช่างสำคัญตนเองอะไรเช่นนี้ อย่างไงก็เถอะ ข้าจะไปในอีกสามวันที่จะถึงนี้ พวกเรามาดูกันว่าความสามารถของหยางยู่เทียนจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่กล่าวเกินจริงหรือไม่”

ในตระกูลเฉิงของหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ ชายวัยกลางคนที่ดูดีนุ่งอยู่ที่เตียงในห้องที่หรูหรา เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าหยางยู่เทียนนี้น่าสนใจดีจริง ๆ ตอนแรกมันเป็นข้าที่เชิญเขาไปที่โรงเตี้ยมลอยน้ำที่มีชื่อบนแม่น้ำน้ำหอม และตอนนี้เขากลับมาเชิญข้าไปที่นั้น ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขาเป็นคนเช่นไร หวังว่าเขาคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ”

ในอาคารที่หรูหรา ชายแก่ที่มีสีผิวเลือดฝาดนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบาะกลม เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหยางยู่เทียนนี่เชิญทุกคนในแปดตระกูลใหญ่ไปที่แม่น้ำน้ำหอม มันจะไม่โอหังไปหน่อยหรือที่คิดว่ามันมีสิทธิ์แบบนั้น อย่างไงก็เถอะ ข้าจะไปในอีกสามวันที่จะถึงนี้ เรามาดูกันว่าศิษย์คนที่สามของท่านประธานจะเป็นคนแบบไหน”

ในสวนที่สวยงาม ชายวัยกลางคนในชุดขาวที่ดูธรรมดากำลังยืนอยู่ที่สระดอกไม้ เขาพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวล “การพบปะในอีกสามวันที่จะถึงนี้ บนโรงเตี้ยมในแม่น้ำน้ำหอม หยางยู่เทียน เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเชิญคนของตระกูลทั้งแปดตระกูลใหญ่ไป ข้าสงสัยเหลือเกินว่าระดับทักษะธาตุแสงของเจ้านั้นถึงขั้นไหนในสามเดือนที่เจ้าทำความเข้าใจมานี้และพรสวรรค์ในการสำเร็จระดับ 7 ของเจ้า”

ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงต่าง ๆ ก็ดังขึ้นในตระกูลใหญ่ที่เหลือ

..

รถม้าเดินทางมาตามถนนกว้างเรื่อย ๆ และหยุดอยู่ที่สาขาของสมาคมในที่สุด เจี้ยนเฉินออกจากรถม้าและมุ่งตรงเข้าไปที่อาคาร

สาขาของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงไม่เพียงแต่ให้การทดสอบกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ต่ำกว่าระดับ 4 เท่านั้น แต่มันยังให้ที่พักที่ปลอดภัยกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทุกคน ที่นี่เป็นที่ซึ่งหลินไป่อาศัยอยู่ชั่วคราว

เจี้ยนเฉินก้าวเข้าไปในสาขาด้วยชุดขาวที่หรูหราและตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินของเขา หยางหลิงคนตัวใหญ่ก็ตามเจี้ยนเฉินอยู่ข้าง ๆ ใกล้ ๆ และมองออกไปอย่างเข้มงวดเพื่อทำให้มั่นใจในความปลอดภัยของเจี้ยนเฉิน สำหรับกวานหยูไค่ก็อยู่ไม่ไกลและเดินตามเจี้ยนเฉินอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่อาย

การปรากฏตัวของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มีตราสีน้ำเงิน 2 คนในสำนักงานสาขานั้นทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและนักสู้ที่เจี้ยนเฉินเดินผ่านต่างมองไปที่ทั้งสองอย่างชื่นชมและเคารพ แต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าไปพูดคุยกับพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ