เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 741

ตอนที่ 741: เจตนาฆ่าบนเรือ (1)

พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ยามสนธยาได้ผ่านไป มันเป็นช่วงหัวค่ำแล้วตอนนี้

นอกเมืองแห่งเทพเจ้า หนึ่งในเจ็ดเมืองหลวงของทวีป มันเป็นค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาบนแม่น้ำน้ำหอม ที่สองฝั่งของแม่น้ำที่มีความกว้าง 30 เมตรนั้นมีโคมไฟเทศกาลสีเขียวและเหลืองแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก ในขณะที่ผู้คนทั้งหลายกำลังเดินเล่นอยู่ที่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ มีคู่หนุ่มสาวหลายคู่กำลังเกี้ยวพาราสีกันข้าง ๆ แม่น้ำ

ที่ผิวของแม่น้ำนั้น มีโรงเตี้ยมลอยน้ำขนาดต่าง ๆ อยู่หลากหลายที่ประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสีซึ่งกำลังลอยตัวอยู่ช้า ๆ ไปตามแม่น้ำ เสียงเพลงที่หวานและไพเราะจากพิณดังมากจากโรงเตี้ยมลอยน้ำและดังสะท้อนไปทั่วแม่น้ำ บางครั้งก็มีเสียงบทสนทนาของพวกชั้นสูงที่ดังออกมาจากเรือ

บนท่าที่ใหญ่ที่สุดของแม่น้ำน้ำหอมนั้น มีเรือลำใหญ่อยู่ ยาวประมาณ 300 เมตร มันเทียบท่าอยู่อย่างเงียบเชียบตรงนี้เหมือนกันสัตว์อสูรจากอดีตกาล บนเรือนั้นมีโคมไฟหลากหลายสี ไฟจากโคมนั้นได้ย้อมเรือให้มีหลากสี ช่างน่าจับใจยิ่งนัก ใกล้กับท่าเรือ มีลูกเรือและคนรับใช้มากกว่าหนึ่งร้อยคนอยู่ในเครื่องแบบที่กำลังยืนเข้าแถวเป็นสองแถวด้วยท่าทางเคร่งขรึมอยู่ซึ่งเหมือนว่าพวกเขากำลังรออะไรบางอย่างอยู่

ด้วยขนาดของท่าเรือที่ใหญ่โตที่นี่และคนจำนวนมากที่รวมกันอยู่ มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างหายาก ดังนั้นมันจึงทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาทุกคนมองไปที่มัน และชี้ไปที่เรือที่ใหญ่โตพร้อมกับพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้

“นั่นใช่โรงเตี้ยมลอยน้ำที่ใหญ่และหรูหราที่สุด นาวาเมฆนิลหรือไม่ ? ทำไมมันหยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ ? แล้วทำไมถึงต้องมีการต้อนรับใหญ่โตอะไรแบบนี้ ? มันแปลกจริง ๆ “

“คืนนี้นาวาเมฆนิลถูกจองโดยบางคน ไม่อย่างนั้นทำไมมันจะต้องมาเสียเวลาหาเงินหาทองและจอดเฉย ๆ แบบนี้ล่ะ ? “

“นาวาเมฆนิลเป็นโรงเตี้ยมลอยน้ำที่หรูหราที่สุดและยังแพงที่สุดอีกด้วย ข้าได้ยินมาว่าการที่จะไปกินอาหารที่นั้นต้องใช้เงินเท่ากับค่าใช้จ่ายของคนธรรมดาหลายเดือนเลยทีเดียว อยากรู้จริงว่าคนรวยที่ไหนมาจองนาวาเมฆนิลทั้งลำไว้”

ในขณะที่ทุกคนกำลังชี้และพูดคุยเกี่ยวกับเรือนั้น รถม้าหรูหราก็ได้พุ่งเข้ามาจากที่ไกล ๆ มันหยุดอย่างช้า ๆ ที่ท่าเรือและหลังจากนั้นไม่นานคนทั้งสามคนก็ได้ออกมา

ในสามคนนั้น สองคนอยู่ในชุดยาวสีขาวและมีรูปร่างผอมเพรียวพร้อมทั้งมีตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินอยู่บนอกของพวกเขา และอีกคนหนึ่งนั้นตัวใหญ่และใส่ชุดรัดแน่นสีดำ

สามคนนั้นคือ เจี้ยนเฉิน กวานหยูไค่ และเซียนสวรรค์วัฎจักรที่ 6 ที่ทางสมาคมส่งมาเพื่อคุ้มครองเจี้ยนเฉิน

การมาปรากฏตัวของสองเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เจี้ยนเฉินและกวานหยูไค่ ทำให้คนมารวมกันรอบ ๆ ส่งเสียงอื้ออึงทันที พวกเขาละสายตาจากท่าเรือแล้วมองไปที่เจี้ยนเฉินและกวานหยูไค่ ความชื่นชมและความเคารพสุดหัวใจปรากฏขึ้นที่สายตาของพวกเขาพร้อมด้วยความอิจฉา

เจี้ยนเฉินและคนอีกทั้งสองคนไม่สนใจเสียงเซ็งแซ่ที่มาจากรอบข้างและมุ่งตรงไปที่เรือใหญ่ทันที

หญิงวัยกลางคนที่อยู่ในชุดที่สวยงามย่างกรายออกมาอย่างช้า ๆ จากด้านหน้าของเรือไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินทันที นางก้มหัวอย่างนอบน้อมให้กับพวกเขาและกล่าว “ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ โรงเตี้ยมลอยน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุด นาวาเมฆนิล ได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว เชิญที่เรือได้เลย ! ” หลังจากจบคำพูดนั้น หญิงวัยกลางคนก็ก้าวออกมาข้างข้างและผายมือเชิญกลุ่มของเจี้ยนเฉิน

สายตาของเจี้ยนเฉินหยุดไปที่เรือลำใหญ่ เขาพูดอย่างสงบว่า “นอกเหนือจากคนของตระกูลใหญ่ทั้งแปดของเมืองแห่งเทพเจ้าและก็พวกตระกูลที่มีชื่อเสียง คนที่เหลือก็ให้อยู่ที่นี่แหละ”

ทันทีที่ได้ยินชื่อตระกูลใหญ่ทั้งแปดของเมืองแห่งเทพเจ้า สายตาของหญิงวัยกลางคนก็แสดงถึงความประหลาดใจและท่าทีของนางก็อ่อนน้อมมากยิ่งขึ้น นางพูด “เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ คนพวกนี้คือคนรับใช้ที่จะไปรับใช้พวกท่านนะเจ้าคะ ! “

กลุ่มของเจี้ยนเฉินก้าวไปที่เรือ เมื่อเขาผ่านคนกว่าร้อยคนนั้น พวกเขาทั้งหมดก็ก้มหัวให้เจี้ยนเฉินอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วร้องออกมาว่า “พวกเราขอต้อนรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขึ้นเรือ ! “

เจี้ยนเฉินหยุดก้าวเล็กน้อยแล้วเขาก็ขมวดคิ้ว เขาชอบที่จะทำอะไรแบบเงียบ ๆ และไม่ต้องการพิธีรีตองอะไรมากมาย อย่างไรก็ตาม เขาก็เดินต่อและหายเข้าไปในเรือ

เจี้ยนเฉินได้จองเรือที่หรูหราและโด่งดังที่สุดนี้ นาวาเมฆนิล ไปแล้วเมื่อสองวันที่แล้ว มันใช้เงินค่อนข้างมากทีเดียวแต่เทียบกับฐานะของเขาที่ร่ำรวยพอพอกับอาณาจักรหนึ่งแล้ว แค่นี้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อย

หลังจากที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินหายเข้าไปในเรือ ก็มีเสียงสนทนาเซ็งแซ่อยู่ที่ริมแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักหลังจากที่เสียงนั้นเกินขึ้น เสียงเกือกม้าก็สะท้อนมาจากที่ไกล ๆ อีกครั้ง

มันเป็นรถม้าหรูหราที่รีบควบมาจากเมืองพร้อมกับชายตัวใหญ่ที่อยู่บนสัตว์อสูรระดับ 5 ที่คุ้มกันมันอยู่ มันหยุดที่หน้าทางเข้าท่าเรือ และไม่นานจากนั้นบนรถม้า มีป้ายปลิวไสวอยู่ในอากาศที่มีคำว่า ‘เฉิง’ ติดอยู่

“นั่นมันรถม้าของตระกูลเฉิงที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของเมืองแห่งเทพเจ้าใช่หรือไม่ ? และก็พวกยามที่อยู่บนสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นต้องเป็นพวกฝีมือดีของตระกูลเฉิงเป็นแน่ เมื่อคนในรถม้าถูกคุ้มครองจากพวกฝีมือดีของตระกูลแล้วละก็ สถานะของคนผู้นั้นต้องพิเศษมากในตระกูล” ทันใดนั้นเอง ผู้คนจำนวนมากพูดคุยซุบซิบกัน แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสนใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ