เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 755

ตอนที่ 755: ศิษย์พี่จอมเจ้าเล่ห์ (1)

ท่านประธาน ท่านผู้อาวุโสสูงสุดและชายวัยกลางคนทั้งสามคนละสายตาไปจากเจี้ยนเฉินและจ้องมองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในที่ห่างออกไป

“คนพวกนั้นมาจากนิกายใต้พิภพและหอยามะ ใครจะไปคิดล่ะว่าสองในสามองค์กรลอบสังหารที่หายไปตั้งพันปีแล้วจะมาในครั้งนี้” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดเสียงทุ้มและท่าทางของเขาค่อนข้างเคร่งขรึม

ประกายในดวงตาของท่านประธานสั่นไหว “ดูเหมือนคนที่จ้างพวกนี้มาจะจ่ายอย่างงามให้กับนิกายใต้พิภพและหอยามะ เพื่อที่จะให้พวกนี้ทั้งคู่ส่งเซียนผู้คุมกฎมา แต่ทั้งสององค์กรนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากนิกายดาบโลหิตเมื่อพันปีก่อน ซึ่งทำให้พวกเขาอ่อนแออย่างมากและเกือบถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น ดังนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องไปกลัว สิ่งที่จะทำให้ข้ากังวลที่สุดคือการที่นิกายดาบโลหิตจะมาเข้าร่วมด้วย ถ้าพวกเขาเข้ามาร่วมด้วยละก็ สถานการณ์จะต้องตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่”

ทันทีที่ได้ยินชื่อนิกายดาบโลหิต ท่าทีของผู้อาวุโสสูงสุดก็เริ่มค่อนข้างตึงเครียด “ในสามองค์กรลอบสังหารทั้งหมดบนทวีปเทียนหยวน หอยามะและนิกายใต้พิภพนั้นเน้นที่จะซ่อนตัวตนของพวกเขา ทำให้มันยากมากที่จะรู้ว่าพวกเขามาแล้ว ก่อนที่จะฆ่าเป้าหมายที่ไม่ทันได้ระวังตัวทิ้งไป แต่สำหรับนิกายดาบโลหิตนั้น พวกเขาใช้พลังหยินชั่วร้ายในการต่อสู้กับศัตรู พลังหยินชั่วร้ายนี้ได้มาจากการเข่นฆ่ามีความลึกซึ้งยิ่งนัก มันสามารถหลอมรวมกับมิติและผ่านสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างนับไม่ถ้วน ซึ่งมีผลกระทบต่อจิตใจของเป้าหมายแม้ว่าเป้าหมายจะระวังตัวแล้วก็ตาม เป็นผลให้เป้าหมายเกิดสับสน เมื่อถึงขั้นแย่ที่สุด มันสามารถแม้แต่ที่จะทำให้เป้าหมายตกอยู่ในวังวนแห่งการเข่นฆ่า ทำให้คนจากนิกายเอาชีวิตของเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย โดยรวมแล้ว นิกายดาบโลหิตนั้นน่ากลัวกว่านิกายใต้พิภพและหอยามะมาก”

ท่านประธานพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย “ท่านพูดถูกแล้ว แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างระหว่างนิกายดาบโลหิตกับองค์กรที่เหลืออีกทั้งสององค์กรก็คือ องค์กรทั้งสองสามารถซ่อนตัวตนของพวกเขาได้ คุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของพลังหยินชั่วร้ายทำให้มันง่ายมากที่จะตรวจจับได้ เพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพวกเขาไปทางไหน ดังนั้นเวลาที่พวกเขาปฏิบัติภารกิจนั้น พวกเขาเลือกที่จะฆ่าในช่วงกลางวัน ไม่เหมือนกับอีกทั้งสององค์กรที่เชี่ยวชาญในการซ่อนตัวและเลือกที่จะฆ่าในช่วงกลางคืน ซึ่งมันทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันตัว แต่นิกายดาบโลหิตได้หายไปจากทวีปตั้งแต่พันปีที่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าออกมาปรากฏตัว”

การที่ได้ฟังการสนทนากันระหว่างท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดนั้น เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะถึงลุงเซี่ยจากหุบเขายั่งยืน นี่เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าลุงเซี่ยที่เก็บตัวอยู่ในหุบเขายั่งยืนนั้นเป็นหัวหน้านิกายดาบโลหิตซึ่งได้หายตัวไปกว่าพันปี ความแข็งแกร่งของเขานั้นประเมินไม่ได้เลย

ในตอนนี้ การต่อสู้ในที่ห่างออกไปได้เบาบางลงแล้ว ร่างสิบกว่าร่างได้เข้ามาใกล้จากทุกทิศทางและมาถึงที่ถนนที่เจี้ยนเฉินยืนอยู่ในไม่ช้า

ชายชุดเทาที่มาช่วยเจี้ยนเฉินในตอนแรกได้โยนศพในมือของเขาลงบนพื้นและพูดอย่างไร้อารมณ์ “ข้าจัดการไปหนึ่ง”

ชายนั้นเดินอย่างเงียบ ๆ ไปข้างหน้าท่านประธานและยืนอยู่ตรงนั้น ในขณะที่สายตาของเขาจ้องไปที่เกราะสีทองที่อยู่บนตัวเจี้ยนเฉิน เผยให้เห็นแววตาแปลก ๆ ในดวงตาของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมบัติที่สามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎและไม่มีริ้วรอยขีดข่วนใด ๆเลยได้

หลังจากที่ทุกคนกลับมาที่จุดนี้แล้ว หนึ่งในนักฆ่าทั้งสี่คนนั้นถูกสังหาร แต่ที่เหลือหนีรอดไปได้

หัวหน้าตระกูลของทั้งแปดตระกูลทั้งหมดมองไปที่เจี้ยนเฉิน สายตาที่พวกเขามองไปนั้นยากที่จะอธิบายได้ หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราในชุดสีแดงเพลิงก็พูดกับเจี้ยนเฉิน “นี่ต้องเป็นน้องหยางยู่เทียนแน่ น้องหยางยู่เทียนที่ได้รับการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย นี่ทำให้พวกเราประหลาดใจกันจริง ๆ แต่เท่าที่ข้าดูแล้ว มันน่าจะเป็นเพราะเกราะทองตัวนี้ ข้าสงสัยจริงจริงว่าเกราะทองที่น้องเจี้ยนเฉินใส่อยู่นี้มันคืออะไร ถึงได้มีความสามารถในด้านการป้องกันถึงขนาดนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นอะไรแบบนี้”

“นี่เป็นสิ่งที่ผู้เยาว์ได้มาด้วยโชค สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเกราะทองนี้นั้น ผู้เยาว์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างสงบและไม่ได้เปิดเผยข้อมูลอะไรมากนัก

ในขณะที่คนจากตระกูลทั้งแปดกำลังต้องการที่จะตั้งคำถามต่อ เสียงของท่านประธานก็ได้ดังขึ้นมา “หยางยู่เทียน เจ้าที่ได้รับสมบัตินั้นมาช่างเป็นเพราะโชคของเจ้า โชคดีจริง ๆ ที่มีสมบัตินั้นที่ปกป้องเจ้าไว้ในวันนี้ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงจะตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่ แม้ว่าข้าจะจัดการให้มีคนมาคุ้มครองเจ้าอย่างลับ ๆ แล้ว แต่ข้าก็ไม่คิดเลยว่าองค์กรลอบสังหารทั้งสองนั้นจะส่งเซียนผู้คุมกฎมาถึง 4 คนเพื่อมาซุ่มโจมตีเจ้าในเวลาพร้อม ๆ กัน ซึ่งมันเกือบทำให้เจ้าเสร็จพวกมัน ตอนนี้เรื่องก็จบลงแล้ว กลับไปที่สำนักงานใหญ่กับข้า”

ท่านประธานไม่ได้สนใจหัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปดและพาเจี้ยนเฉินพร้อมทั้งหยางหลิงที่บาดเจ็บหนักกลับไปที่สำนักงานใหญ่

หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ท่าทีของหัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปดก็เริ่มค่อนข้างเคร่งขรึม

“ใครจะไปคิดล่ะว่าหยางยู่เทียนจะมีสมบัติที่ใช้ป้องกันตัวได้ ซึ่งทำให้เขาป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยได้ ด้วยสมบัติแบบนั้น มันคงค่อนข้างยากสำหรับคนของนิกายใต้พิภพและหอยามะที่จะสังหารเขา” ชายวัยกลางคนพูดเสียงทุ้ม

“จากนักฆ่าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎทั้งสี่คนของทั้งสององค์กรนั้น หนึ่งในนั้นได้ถูกฆ่าและที่เหลืออีก 3 คนได้รับบาดเจ็บ ด้วยทิศทางที่พวกเขาทำในตอนนี้ พวกเขาคงจะยังไม่เคลื่อนไหวอะไร พวกเราควรจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่หยางยู่เทียนมีสมบัติป้องกันตัวและให้เขาหาวิธีใหม่” ชายชราในชุดแดงพูดอย่างสงบ แต่ลึก ๆ ลงไป ในตาของเขานั้นซ่อนไว้ด้วยความโลภ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ