เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 842

ตอนที่ 842 การเดินทางผ่านห้วงมิติ

ในเมื่อเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้แล้ว เจี้ยนเฉินจำเป็นต้องเก็บเกี่ยวทุกอย่างให้คุ้มค่าในมหาสมุทรดวงดาว ไม่ว่าหญ้าน้ำลายมังกรหรือละอองดาวต่างก็ล้ำค่ามาก หญ้าน้ำลายมังกรนั้นมีแต่ในพื้นที่พิเศษ เป็นหนึ่งในพืชหลายสิบชนิดที่ต้องใช้เวลาเกือบล้านปีถึงจะโตเต็มที่และผนวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกมันต่างก็แทบจะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ทำให้มันเป็นพืชที่มีค่าล้ำค่ามาก หญ้าน้ำลายมังกรทุกต้นนั้นเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าที่มิอาจประเมินได้ในทวีปเทียนหยวน

“ข้าได้รับวัสดุอีกหนึ่งอย่างแล้วสำหรับการสร้างกระบี่ม่วงฟ้า ข้าอยากรู้นักว่าเหลือวัสดุอีกกี่อย่างกัน” เจี้ยนเฉินคิดในใจ เขาคาดหวังอย่างมากกับวันที่เขาสามารถตีกระบี่ทั้งสองเล่มนั้นได้ อีกทั้งเขายังรู้ด้วยสัญชาติญาณที่แข็งแกร่งยิ่งว่าพลังของกระบี่จักไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่ ๆ เขาพอจะรู้สึกแบบนั้นได้จากจิตวิญญาณกระบี่

กระบี่กับจิตวิญญาณกระบี่เปรียบเสมือนร่างกายมนุษย์กับวิญญาณของเขา ถ้าหากพวกมันสูญเสียร่างกาย ไม่ว่าวิญญาณของพวกมันจะทรงพลังแค่ไหน พวกมันก็ย่อมยังคงอ่อนแอมาก เรื่องนี้อาจจะสังเกตได้เช่นกับการร่วงหล่นของเซียนผู้คุมกฎ ซึ่งร่างกายของเซียนผู้คุมกฎนั้นทรงพลังมากแต่เมื่อวิญญาณของพวกเขาหลุดออกจากร่าง พวกเขาอาจจะถูกกำจัดได้อย่างง่ายดายเพียงแค่โบกมือ ในตอนนี้จิตวิญญาณกระบี่เองก็เป็นแบบนั้น เป็นวิญญาณที่ไร้ร่างกาย ถึงแม้พวกมันจะอ่อนแอแต่ยังคงทรงพลัง ยามเมื่อพวกมันฟื้นคืนเต็มที่และสถิตในภาชนะที่เหมาะสม พอถึงยามนั้นเจี้ยนเฉินเองก็ไม่อาจจะจินตนาการได้ว่าพวกมันจักทรงพลังถึงเพียงไหน

ถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุวัตถุประสงค์ในการมาที่นี่แล้ว เจี้ยนเฉินก็ยังไม่มีเจตนาที่จะออกไป เขายังเสี่ยงมุ่งหน้าไปในหลุมอุกกาบาตพร้อมกับรุยจินและคนอื่น ๆ แทน เขาเองก็แปลกใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเกาะที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน

นอกจากนี้ จิตวิญญาณกระบี่ยังมีความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับพลังงานของที่นี่ นี้เป็นเป้าหมายของการตรวจสอบต่อไปของเจี้ยนเฉิน

พื้นที่ในหลุมอุกกาบาตเป็นพื้นที่ที่ไม่รู้จัก เจี้ยนเฉินติดตามอยู่ด้านหลังรุยจินและเฮยยู่ พวกเขาได้เดินทางลงมาหลายกิโลเมตรแล้วทว่าก็ยังไม่ถึงก้นหลุม เมื่อได้เดินทางลงมามากกว่าสามสิบกิโลเมตร เงาร่างค่อย ๆ ปรากฏต่อสายตาของพวกเขา

เงาร่างนั้นคือมนุษย์และสัตว์อสูรที่กลายเป็นซากศพมีชีวิตเมื่อกี้ ซึ่งในตอนนี้ถูกแช่แข็งในท่ากำลังวิ่ง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ท่าทางของเจี้ยนเฉินจู่ ๆ ก็แปลกประหลาดขึ้นมา ซากศพตัวนี้เพิ่งถูกแช่ไว้ที่นี่โดยทักษะลับจากตระกูลมังกรก่อนหน้านี้

ทั้งสี่ต่างหยุดเท้าพร้อมเพรียงกัน พวกเขาจ้องมองที่ซากศพที่แช่แข็งตรงหน้าด้วยความตกใจ หลังจากนั้นสักพัก รุยจินพูดด้วยเสียงหุ้มลึกว่า “เราได้กลับมาที่เดิมกันจริง ๆ “

“หลุมอุกกาบาตช่างลึกลับจริง ๆ บางทีนี่อาจเป็นค่ายกลใช่หรือไม่ ? ” เฮยยู่อุทานออกมาด้วยความสงสัย

“ค่ายกลนี้มีขนาดใหญ่มาก หยั่งไม่ถึงเสียจนค่ายกลของตระกูลมังกรของข้าธรรมดาไปเลย แม้แต่ข้าก็ไม่รู้สึกถึงช่องโหว่ในค่ายกลได้เลย นอกจากนี้ ข้ายังไม่สามารถค้นหาค่ายกลใด ๆ แบบนี้ได้ในความทรงจำที่สืบทอดมาของข้าอีกด้วย บางทีค่ายกลนี้คงเป็นค่ายกลเกิดขึ้นโดยธรรมชาติหลังจากเกาะถูกเปลี่ยนแปลง ? ” รุยจินพึมพำออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นี่เป็นค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศ ! นี่เป็นไปได้ยังไง-ยังไง-ยังไงกัน ! ที่ค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศทะ- ทำไมมันถึงปรากฏขึ้นมาที่นี่ ? ” ทันใดนั้นเสียงความตกใจของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน

“จือหยิง ฉิงโซว พวกเจ้ารู้จักค่ายกลนี้งั้นหรือ ? มีวิธีไหนบ้างที่จะทำลายมัน ? ” เจี้ยนเฉินได้ถามออกมาอย่างจริงจัง

“พวกเราพอรู้ค่ายกลนี้ มันเป็นค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศ แต่ได้ยังไงกันที่ค่ายกลนี้ถึงปรากฏที่นี่ ? ไม่น่าจะมีใครในโลกใบนี้รู้จักมัน ? เป็นไปได้อย่างไรกัน” เสียงของจือหยิงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาตกใจอย่างมาก

“และค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศนี้ยังสมบูรณ์อีกด้วย ผู้ที่วางค่ายกลต้องมีความเข้าใจในค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศสูงมาก มีบางคนจากพวกเราในอดีตกลับมาที่นี่ก่อนหน้านี้ ? ” จือหยิงพึมพำออกมา เขาเต็มไปด้วยความสงสัย

“จือหยิง ฉิงโซว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาระลึกความหลังกับเรื่องนี้น่ะ พวกเจ้าน่าจะบอกข้าถ้าหากมีหนทางทำลายค่ายกลนี้แต่เนิ่น ๆ ” เจี้ยนเฉินกล่าว

เจี้ยนเฉินผงกหัวเล็กน้อย ก่อนหันไปกล่าวกับอีก 3 คน “ข้ามีวิธีทำลายค่ายกลแล้ว ผู้อาวุโส กรุณาเดินตามหลังข้าและย่างเท้าตามเท้าของข้าน่ะขอรับ”

ด้วยเหตุนี้ทั้งสามคนจึงจ้องที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ พวกเขารู้สึกประหลาดใจมากและสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของเจี้ยนเฉินที่จะทำลายค่ายกลได้อย่างไร

ทั้งสามคนลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะเดินตามเจี้ยนเฉินไป พวกเขาตัดสินใจลองเชื่อใจเจี้ยนเฉินครั้งนี้ เพื่อดูว่าเขาจักมีวิธีการที่จะทำลายค่ายกลอย่างไร

“ตั้งใจมองฝีเท้าของข้าน่ะ ท่านต้องไม่ก้าวเท้าผิดเด็ดขาด ไม่งั้นพวกท่านจะไม่สามารถออกไปได้ เจี้ยนเฉินเตือนทุกคนก่อนใช้ความคิดเพื่อสื่อสารกับจิตวิญญาณกระบี่ เขาเริ่มก้าวไปมาด้วยวิธีการที่ลึกลับมากตามที่จิตวิญญาณกระบี่แนะนำ

มีทั้งสิ้น 49 ก้าว ในการก้าวเท้าที่จำเป็นเพื่อเดินออกจากค่ายกล เมื่อเขาก้าวเท้าที่ 8 สภาพแวดล้อมก็เริ่มเปลี่ยนไปทันที เขาพบว่าเขาได้มาถึงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

หลังจากนั้นรุยจิน เฮยยู่ และหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ต่างก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเจี้ยนเฉิน เมื่อพวกเขาตระหนักว่าตอนนี้อยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พวกเขาแต่ละคนต่างจ้องมองกันและกันอย่างตกใจมาก

นี่เป็นรูปแบบการก้าวเท้าลึกลับ ข้าเดินเพียงแค่ระยะ 10 เมตร แต่ข้ากลับมาถึงที่นี่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าข้าเป็นภาพลวงตาหรือว่าข้าเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติงั้นหรือ ? เฮยยู่กล่าวด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้เป็นของจริงหรือของปลอม

เจี้ยนเฉินสังเกตสภาพแวดล้อม เขาขมวดคิ้วและหลับตา มันไม่ใช่ภาพลวงตา มันเป็นความจริง จริง ๆ แล้วเรามาถึงมิติแล้ว ค่ายกลนี้ถูกวางโดยใครบางคนที่ทรงพลังมาก ด้วยความสามารถที่น่าสะพรึงกลัว เขาใช้ค่ายกลเพื่อเชื่อมต่อส่วนหนึ่งของห้วงมิติรอบนอกก่อนที่จะสร้างสะพานขึ้นสู่มิติที่ไม่รู้จัก การก้าวเท้าที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้เป็นการเดินออกจากค่ายกล ซึ่งมันจักนำพาเราตรงไปยังสะพานอีกด้านหนึ่ง ทุกการก้าวเท้าตรงกับส่วนสำคัญของสะพาน การก้าวเท้าไม่ถูกต้องจะเป็นเหมือนการก้าวออกจากสะพานและตกลงไปในน้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ