หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1003

สรุปบท ตอนที่ 1003: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์

อ่านสรุป ตอนที่ 1003 จาก หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ โดย Jaroen

บทที่ ตอนที่ 1003 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติกโบราณ หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Jaroen อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“ตอนนี้ เผ่าพันธุ์ภูติได้ขาดสายเลือดแล้ว และจะหายไปจากสามดินแดนตลอดกาล” ภูติคนหนึ่งกล่าวด้วยแววตาโศกเศร้า ขณะกอดภูติน้อยไว้ในอ้อมแขน

ภูติน้อยยังคงไร้เดียงสา ไม่รู้ถึงสถานการณ์อันยากลำบาก

ปี้เย่ว์พูดเบาๆ ว่า “ราชินียังมีสายเลือดอยู่ในโลกมนุษย์...”

คนในเผ่าเงยหน้าขึ้นทันที แววตาที่หม่นหมอง เริ่มเปล่งประกายขึ้นมา

ปี้เย่ว์ไม่เคยพูดออกมาเลย เพราะต้องการรักษาสายเลือดสุดท้ายของเผ่าภูติไว้

แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มันจะกลายเป็นจริง

“เกรงว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง” เผ่าภูติจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น มิฉะนั้น ภูติบางคนอาจมีชีวิตอยู่โดยไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นใคร

นี่คือการป้องกันตัวเองของเผ่าภูติ

“น่าเสียดายที่ยังไม่เคยเห็นทายาทของราชินี”

“ดีแล้ว ดีแล้ว... แบบนี้ก็ดีแล้ว การไม่รู้ คือความสุข” ปี้เย่ว์พึมพำเบาๆ

“ไม่รู้ว่าน้องสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง?” ปี้เย่ว์หลั่งน้ำตาด้วยความสิ้นหวัง

“พวกเราขอเข้าไปดูภูติพวกนี้ใกล้ๆ ได้ไหม? ไม่งั้นใครจะรู้ว่าจริงหรือปลอม?” ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากด้านล่าง

หญิงสาวที่ดำเนินการประมูลขมวดคิ้วเล็กน้อย “หอสมบัติวิเศษของเราซื้อขายอย่างซื่อสัตย์และยุติธรรม และมีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทุกชิ้น!”

ผู้จัดการพยักหน้าให้นาง

หญิงสาวจึงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “หากลูกค้าท่านใดต้องการชมใกล้ๆ เชิญด้านหน้าได้เลยเจ้าค่ะ”

“เหล็กศักดิ์สิทธิ์พันปีได้จำกัดพลังของพวกนางไว้ เดี๋ยวเราจะใช้บทสวดบูชาของเผ่าภูติเพื่อให้พวกนางเผยร่างจริงออกมา” ตอนนี้เผ่าภูติที่เห็นมีเพียงรูปร่างที่งดงาม แต่ยังไม่เห็นปีก

เมื่อได้ยินดังนั้น บางคนก็มองหน้ากันด้วยสายตาหื่นกระหาย

ตอนนี้ ภูติเป็นที่นิยมอย่างมากในแดนศักดิ์สิทธิ์ ใคร ๆ ต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เลี้ยงภูติ

เพื่อแสดงให้เห็นถึงฐานะของตนเอง

บางที พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ซื้อเลยด้วยซ้ำ แค่อยู่ใกล้ๆ ได้เห็น ได้เชยชมก็ยังดี

หลายคนกรูกันขึ้นไป แต่ก็มีผู้บำเพ็ญตนหลายคนที่ถือตัว ไม่ขึ้นไป

ลู่เจาเจาพาปี้ซินและหยวนเหยาขึ้นไป

ใบหน้าเล็กๆ ของปี้เย่ว์ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำ สวมหน้ากากสีเงิน แต่ดวงตากลับมีสีแปลกๆ

ดวงตาของเผ่าภูติ มีสีฟ้าอมน้ำเงินเล็กน้อย

“เอวของเผ่าภูติ ช่างบอบบางราวกับจะกำไว้ได้ทั้งเอว ใบหน้าเล็ก ๆ แสดงความรู้สึกที่ยากจะเอ่ยออกมา หากได้เลี้ยงไว้ที่บ้านสักคน ให้ตายก็ยอม…” ชายคนนั้นจ้องมองหญิงสาวในกรงพลางกลืนน้ำลาย

เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่เยอะ เขาจึงเผลอตัวเอื้อมมือเข้าไปในกรงโดยไม่รู้ตัว

มุ่งตรงไปยังหน้าอกของปี้เย่ว์

“อ๊า!” ปี้เย่ว์ตกใจกรีดร้องด้วยความกลัวจากมือปริศนาที่โผล่มาอย่างฉับพลัน นางถอยหลังไปทันที

แต่เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับกรงขัง ก็ถูกเผาไหม้จนเป็นแผลสีแดงฉาน

กรงขังนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเผ่าภูติโดยเฉพาะ

แต่ชายชราพุ่งเข้ามาฟาดฝ่ามือเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้เขาร่วงลงกับพื้น

หน้ากากของชายชุดดำหลุดออก เขาคุกเข่าลงกับพื้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ สาวน้อยคนนี้ใส่ร้ายข้า นางพูดจาให้ร้ายป้ายสี!”

“ข้ารักเสวี่ยเอ๋อร์ด้วยใจจริงนะ ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”

ใบหน้าของชายชราเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง “นำตัวเขาไป! ถ้ากล้าหลอกลวงลูกสาวของข้า แอบเลี้ยงอนุภรรยา ก็ให้เขากินผงยากู่หลิง กรีดเนื้อเขาเป็นชิ้นๆ ผ่าหัวใจ และควักกระดูกเขาออกมา!"

ผงยากู่หลิง ทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส แต่ยังคงรู้สึกตัวและรับรู้ความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน

จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

ชายคนนั้นกรีดร้องและถูกลากออกไป

ผู้เฒ่ามั่วยกมือโค้งคำนับให้กับทุกคน “ขออภัยที่รบกวนทุกท่าน ทำให้ทุกท่านต้องเห็นเรื่องน่าขันแล้ว”

“หากทุกท่านมาที่ตระกูลมั่วเพื่อหลอมอาวุธ ข้าจะให้ส่วนลดแก่ทุกท่าน”

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ต่างก็ดีใจอย่างบ้าคลั่ง การหลอมอาวุธของตระกูลมั่วนั้น เป็นหนึ่งในสองอันดับแรกของแดนศักดิ์สิทธิ์

ท่านผู้เฒ่าพยักหน้าให้กับลู่เจาเจา และสั่งให้คนส่งป้ายไปให้ “ขอบคุณสหายน้อย”

ลู่เจาเจารับมันมาอย่างใจเย็น

ปี้เย่ว์และฮูหยินหนิงมองหน้ากัน แววตามีความเคร่งขรึมเล็กน้อย

สัญชาตญาณพิเศษของเผ่าภูติ ทำให้พวกนางจำเจาเจากับปี้ซินได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์