เซวียนจี้ชวนเอนหลังพิงเก้าอี้ แล้วหัวเราะเบา ๆ
“เสด็จอาหนุ่มช่างน่าสนใจจริงๆ”
“ในเริ่มแรกที่เหล่าผู้สืบสายเลือดของราชวงศ์แย่งชิงบัลลังก์กัน ฆ่าฟันจนบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ตระกูลเซวียนอันยิ่งใหญ่ กลับหาผู้สืบทอดไม่ได้สักคน...”
“บรรดาขุนนางคุกเข่านอกวัดโบราณ ขอให้เสด็จอาหนุ่มลาสิกขาขึ้นครองราชย์ ช่วยชีวิตชาวเมืองตงหลิง”
“เสด็จอาหนุ่มมุ่งมั่นในพุทธไม่ข้องเกี่ยวกับทางโลก บัดนี้ ไม่มีผู้ใดเชิญเจ้า กลับออกจากภูเขาด้วยตนเอง” หางตาของเซวียนจี้ชวนแดงเล็กน้อย อดกลั้นความดุร้าย
สีหน้าของเสด็จอาหนุ่มเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“จี้ชวน เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนี้? บัดนี้ราชวงศ์เหลือเพียงเจ้าข้าที่พึ่งพาได้ หากไม่คอยช่วยเหลือกันและกัน ตงหลิงจะหัวเราะในวาระสุดท้ายได้อย่างไร?” ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับถูกคำพูดของเซวียนจี้ชวนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส
เซวียนจี้ชวนมองเขาอย่างเกียจคร้าน
“ไม่หัวเราะในวาระสุดท้ายแล้วมีอันใดสำคัญเล่า? พินาศไปพร้อมกันเสียเลย ความเป็นความตาย มีสิ่งใดให้กลัว..." เขากล่าววาจาอันบ้าคลั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ใบหน้าของเสด็จอาหนุ่มกระตุกคราหนึ่ง
“เสด็จอาหนุ่ม ท่านคงไม่คิดว่า เราเป็นลูกพลับนิ่มรังแกง่ายกระมัง?” เซวียนจี้ชวนถึงกับหัวเราะออกมา
เหตุใดยังมีคนคิดว่าเขาเป็นคนจิตใจอีกเล่า? เขารู้สึกเพียงว่ามันน่าขำ
เซวียนจี้ชวนลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปหาเขาอย่างเนิบช้า
เสด็จอาหนุ่มฝ่าเท้าโงนเงย ถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที
เซวียนจี้ชวนกล่าวอย่างเรียบเฉย “ในตอนที่เรายังเคารพเจ้า เจ้าคือเสด็จอา หากเราไม่ยอมรับ เจ้าก็มิได้เป็นสิ่งใด...."
เขาเดินเข้าใกล้ทีละก้าวทีละก้าว บุรุษที่สวมอาภรณ์เขียวก็ค่อยๆ ถอยหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย
“ช่างเถิด เจ้าไม่รับน้ำใจก็แล้วไป ข้าเพียงแต่คิดถึงสายสัมพันธ์ของตระกูลอยู่บ้าง จึงออกจากภูเขามาช่วยเจ้า อย่างมากอาตมาก็แค่กลับไป...” เมื่อกล่าวจบ หันศีรษะต้องการเดินออกประตูไป
แต่เพิ่งจะหมุนตัว ยังไม่ทันเหยียบลงไปก้าวหนึ่ง
เซวียนจี้ชวนถือโอกาสชักกระบี่ยาวออกจากข้างเอวขององครักษ์ สะบัดกระบี่ฟันไปยังบุรุษผู้นั้น
เสียงดัง ตึง......
ศีรษะของบุรุษในอาภรณ์เขียวร่วงลงพื้น ดวงตาเบิกกว้าง ราวกับว่ายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ทั้งยังมีสติเหลืออยู่หลายส่วน
“เสด็จอาหนุ่ม เราไม่ใช่คนจิตใจดีอะไร”
“วังแห่งนี้ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าอยากมาก็มา อยากไปก็ไป...”
เสียงตึงหนึ่งเสียง ศพไร้ศีรษะก็ล้มลงทันที
เซวียนจี้ชวนทิ้งกระบี่ยาวลงอย่างส่งๆ ขันทีข้างหลังส่งผ้าเช็ดมือสีขาวหิมะให้ เขาเช็ดคราบเลือดออกจากมืออย่างเชื่องช้า ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย
ขันทีกรูกันออกมาจากมุมห้อง ทำความสะอาดคราบเลือดในตำหนักอย่างระมัดระวัง
การกระทำของเขาในตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะโหดเหี้ยม แต่ยังแฝงด้วยความอำมหิตหลายส่วน
เพียงรู้แค่ว่าระหว่างที่อยู่เป่ยเจาเขาถูกข่มเหงมาตลอด ถึงขั้นเป็นข้ารับใช้ให้ธิดาบุญธรรมของฮ่องเต้ ราวกับเป็นข้าทาสอย่างแท้จริง
แต่เดิมยังมีขุนนางพยายามคาดเดาความคิดของฝ่าบาท แต่เซวียนจี้ชวนผู้นี้ความคิดความอ่านไม่แน่นอน อารมณ์ยินดียินร้ายไม่ปกติ บริวารรอบตัวจึงไม่มีผู้ใดกล้าเผยเรื่องราวใดแม้ครึ่งส่วน
แน่นอน ในช่วงแรกยังมีผู้กล้าเสี่ยงเปิดเผยเรื่องเหล่านั้น
แต่ถูกเขาสืบพบ หลังจากถลกหนังคนผู้นั้นทั้งร่างแล้ว จึงใช้โสมร้อยปีประคองชีวิต แขวนไว้ที่หน้าประตูวังตากลมให้แห้งที่สุด ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดกล้าทำอีก
รอยยิ้มเย็นบนใบหน้าของเซวียนจี้ชวนหยุดชะงัก กระทั่งเบิกดวงตาทั้งสองกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว ผู้ใด? ผู้ใดมา??
เจาหยาง??
เจาเจา!!
เซวียนจี้ชวนลุกขึ้นยืนทันที แม่ทัพมั่วยังถูกเขาทำให้ตกใจ แม้หัวใจก็กระตุกขึ้น
แม่ทัพมั่วสูดลมหายใจลึกๆ “ถูกต้อง เป็นองค์หญิงเจาหยาง ได้ยินมาว่าเมื่อครั้งที่นางสืบทอดราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดินีแห่งแคว้นใต้ ยังเคยให้ฝ่าบาทกราบไหว้”
“แม้แคว้นใต้จะเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่การกระทำนี้ถือว่าข่มเหงกันเกินไป”
เมื่อคราที่ลู่เจาเจาสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดินี เซวียนจี้ชวนยังเคยกราบสามคำนับเก้า ต่อหน้าเหล่าขุนนาง
ในเวลานั้นข่าวลือแพร่กระจายออกไป มีคนกล่าวว่าจักรพรรดินีเคยเป็นนายของตงหลิงอ๋อง ต้องการให้ตงหลิงอ๋องคุกเข่าคำนับ
มีคนกล่าวว่า ตงหลิงอ๋องยินดีที่จะเป็นทาสรับใช้ของนาง ไปทั้งชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...