แม่ทัพมั่วเองก็เคยได้ยินข่าวลือนี้ แต่เขาเพียงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ ถึงกับคิดว่ามันน่าขบขัน
ตงหลิงอ๋องเป็นคนเช่นไร ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
เขาเป็นคนเสียสติ
เสียสติอย่างแท้จริง
เซวียนจี้ชวนไม่ได้สนใจว่าแม่ทัพมั่วคิดอย่างไรแม้แต่น้อย เพียงเดินออกประตูตำหนักด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
“ขุนนางบุ่นและบู๊ทั้งหลาย ตามเราออกจากวัง”
ฝ่าเท้าของเซวียนจี้ชวนเดินไปยังนอกตำหนักอย่างรีบเร่ง
เหล่าขุนนางบุ่นและบู๊มองตามเขาด้วยความงุนงง ทั้งเห็นแม่ทัพมั่วติดตามอยู่ทางด้านหลัง อดที่จะถามมิได้ “แม่ทัพมั่ว ฝ่าบาทประเดี๋ยวมีสติประเดี๋ยวฉุนเฉียว นานมากแล้วที่ไม่ได้ออกจากวัง วันนี้คือ?”
แม่ทัพมั่วเปลือกตากระตุก “มีเรื่องสนุกให้ชมแล้ว”
ข่าวลืออะไร คุกเข่าอะไร ยินยอมเป็นทาสอะไร ล้วนแต่เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น
“รีบตามไปเถอะ มิเช่นนั้นฝ่าบาทจะโกรธเอาได้” ทุกคนสั่นไปด้วยความกลัว รีบตามไปทันที
เมื่อเดินออกจากตำหนัก ฝีเท้าของเซวียนจี้ชวนก็หยุดลง
หลังจากนั้นก็โน้มเข่าลงด้วยความเคารพและหนักแน่น ก้มศีรษะลงจรดพื้น ต่อหน้าเหล่าขุนนางบุ่นและบู๊
แม่ทัพมั่ว????
“ฝ่าบาท? !” เขาถึงกับตะโกนออกมาอย่างอดทนไม่ได้
ตงหลิงอ๋องผู้สร้างความหวาดกลัวไปทั่ว ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “นางต้องการให้ข้าเดินหนึ่งก้าวคำนับหนึ่งครา เช่นนั้นข้าก้มคำนับเชิญนางก็ได้แล้ว”
เลือดภายในของแม่ทัพมั่วพลุ่งพล่าน โดนเหตุการณ์เบื้องหน้าสั่นสะเทือนทั่งร่างจนชา
ฝ่าบาท ท่านกำลังทำอะไร! !
“ขุนนางทั้งหลายไปต้อนรับองค์หญิงเข้าวังพร้อมกับเรา”
เหล่าขุนนางบุ่นและบู๊มองหน้ากันและกัน กระทั่งรู้สึกว่ามันทั้งไร้สาระทั้งน่าขัน แต่ฝ่าบาทก็เดินหนึ่งก้าวคำนับหนึ่งครามุ่งไปเบื้องหน้าแล้ว มีบางคนอยากเปิดปากกล่าว แต่เห็นดวงตาสีแดงก่ำของฝ่าบาทแล้ว ล้วนถอยกลับมา
ฝ่าบาทค่อยๆ เสียสติ
ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะระเบิดออกมา เมื่อใดจะคลุ้มคลั่ง พวกเขาไม่กล้าเอ่ยปาก
ทุกครั้งเมื่อตงหลิงอ๋องเสียสติ ล้วนมีกลุ่มนักพรตร่วมแรงกันควบคุมเขาไว้ จนกระทั้งมีสติแจ่มชัดจึงหยุด เขายังเลี้ยงทหารพลีชีพที่จงรักภักดี ต่อให้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ผู้ใดก็มิอาจเข้าใกล้
อ๊า! แม่ทัพมั่วย้ายหินหล่นทับเท้าตนเอง ไม่สิ ทุบหม้อข้าวบ้านตนเอง
มองดูเหล่าขุนนางบุ่นและบู๊ทยอยคุกเข่าตามหลังไปตาปริบๆ
“แม่ทัพมั่ว ฝ่าบาทใกล้จะเสียสติแล้ว อย่ายั่วโมโหเขาเลย”
เวลานี้แม่ทัพมั่วทั้งโกรธทั้งเสียใจ โกรธตนเองที่ไม่ควรกล่าวการเดินหนึ่งก้าวคำนับหนึ่งคราประโยคนั้นออกมา ทั้งเสียใจฝ่าบาทที่เหมือนจะให้สำคัญต่อลู่เจาเจามากกว่าที่เขาคิดไว้
เขาคุกเข่าอย่างเฉยชาด้านหลังเหล่าขุนนาง ใจเต็มไปด้วยความกังวล
ประตูวังในขณะนี้
เหล่าขุนนางเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ต่างก็พากันสั่นสะท้าน ก้มศีรษะด้วยความหวาดกลัว นี่ยังเป็น ครั้งแรกที่เห็นราชาเป็นเช่นนี้
แม่ทัพมั่วยิ่งขบกรามแน่น ทั้งร่างกายตึงเครียด
ลู่เจาเจาเงยศีรษะ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความตกใจ “เซวียนจี้ชวน เหตุใดเจ้าถึงสูงขึ้นได้ขนาดนี้...” นางคาดไม่ถึงว่าต้องเงยหน้าจึงจะมองเห็นเขาได้
ลู่เจาเจาเขย่งเท้า
เหตุใดข้าถึงอ้วนกลมเช่นนี้เล่า?? ข้าไม่ยอม!!
ได้ยินนางเรียกนามของฮ่องเต้ตรงๆ กลุ่มผู้คนที่อยู่ข้างหลังกลับสูดเอาลมเย็นเข้าหนึ่งคำ แต่ตงหลิงอ๋องไม่ได้โกรธเลยแม้แต่ครึ่งส่วน กระทั่งคิ้วก็อ่อนโยนขึ้น “เจาเจายังเด็ก ไม่ต้องรีบโต”
ลู่เจาเจาหาวครั้งหนึ่ง กางมือทั้งสองออก “อุ้ม...”
ขุนนางบุ่นและบู๊ล้วนอ้าปากค้างอย่างอึ้งงัน เบิกตามองราชาผู้บ้าคลั่งของพวกเขา ยิ้มตาหยีก้มกาย อุ้มองค์หญิงน้อยเข้าสู่วัง
ชาไปหมดแล้ว.
ใบหน้าของแม่ทัพมั่วซีดขาวไปหมดแล้ว จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ ข่าวลือ บางทีอาจเป็นความจริง
ไม่สิ เกินกว่าที่ข่าวลือบอกไว้เสียอีก
ความเอ็นดูของตงหลิงอ๋องที่มีต่อนาง น่ากลัวยิ่งกว่าในข่าวลือมากโข
สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือ ไม่คาดว่าลู่เจาเจาจะทำให้ตงหลิงอ๋องผู้โหดเหี้ยมทารุณ ยับยั้งกลิ่นคาวเลือดในร่าง และยิ้มราวกับ...
ผู้มีจิตใจดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...