ทันใดนั้นฟ้าจึงเริ่มร้องคำรามเสียงดัง ความมืดสลับกับแสงสว่างในท้องฟ้ายามค่ำคืน
เม็ดฝนเม็ดใหญ่พลันตกลงมาพร้อมเสียงฟ้าร้องอันก้องดัง
ลู่เจาเจาจึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “ฝนตก ฝนตกแล้ว!” นางรีบกระโดดลงจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม เพราะกับวิ่งออกไปที่หน้าประตู
ก่อนจะได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจอยู่นอกสถานีพักแรม
ในขณะที่พระราชวังตงหลิงเริ่มจุดพลุดอกไม้ไฟ
แสงไฟหลากสีส่องสว่างท้องฟ้ามืดมิด ดอกไม้ไฟอันเจิดจ้าก็เบ่งบานอย่างงดงาม
ทว่าในตอนนั้นเองลู่เจาเจากลับตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
ตัวของนางโอนเอนไปมา พร้อมกับภาพฉากหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาในใจ
'ต้องมีแสงสว่าง... '
เสียงพึมพำดังขึ้นอย่างเย็นชา แสงแดดอันแรงกล้าพลันขจัดความมืดมิดและกระจายไปทั่วโลก นำแสงอาทิตย์แรกมาสู่ทั้งสามดินแดน
'ต้องมีสี่ฤดูกาล...'
โลกอันร้อนอบอ้าวจึงมีสี่ฤดูแตกต่างกันอย่างใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
'ต้องมีลม...'
สายลมวูบหนึ่งพัดมากระทบใบหน้าทำให้รู้สึกเย็นสบาย
'หนาวจังเลย...'
จู่ๆ ลู่เจาเจาก็เอามือกุมศีรษะและล้มตัวลง เด็กหนุ่มปรากฏตัวขึ้นข้างหลังพร้อมกับอุ้มนางเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
“นะ นี่...ข้าประสาทหลอนหรือเปล่า” นางถามออกไปด้วยความรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไร แต่ลู่เจาเจาไม่ได้ต้องการคำตอบ
ในไม่ช้านางก็กระโดดด้วยความดีใจ “ข้าเรียกฝนได้แล้ว ข้าเรียกฝนได้แล้ว!” ก่อนฉีกยิ้มราวกับมีดวงดาวนับพันเปล่งประกายในดวงตา
“ใช่ เจ้าเป็นคนเรียกมา…” เด็กหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นลู่เจาเจาจึงมองเขาอย่างประหม่า “เจ้าอยากให้แดนเทพจับได้เชียว เจ้าคือเต๋าสวรรค์ หากพวกเขาจับได้ว่าเจ้าตระหนักรู้ในตัวเอง แถมยังกลายร่างได้อีก ข้าว่าพวกเขาคงไม่ยอมแน่”
เทพเจ้าคิดไปว่าตนเองเป็นเจ้าของดินแดนทั้งสาม ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
พวกเขาจะทนได้อย่างไรหากรู้ว่าเต๋าสวรรค์ตระหนักรู้ในตนเอง และเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ”
ลู่เจาเจายังเอียงศีรษะพร้อมกับมองเขาอย่างสงสัย “เจ้าคือเต๋าสวรรค์ แล้วกลายร่างได้อย่างไรกัน แถมยังตระหนักรู้ในตนเองอีก” ในความทรงจำของลู่เจาเจา ดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มาตลอด
มันนานมาก มากจนจำไม่ได้ว่าเต๋าสวรรค์ปรากฏตัวข้างกายนางตั้งแต่เมื่อใด
เด็กหนุ่มพลันมีรอยยิ้มในดวงตา “เพราะมีคนต้องการข้าน่ะสิ”
ข้าก็เลยมา
ในคืนฝนตกหนัก นางร้องไห้ให้กับอาอู๋ผู้ที่ตั้งท้องอย่างโดดเดี่ยวในบ้านหลังคามุงจากและรอความช่วยเหลือ
แม่ของนางนอนตายอยู่บนพื้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน นางทำได้เพียงมองผู้เป็นแม่จากไป ต้องหวาดกลัวและสิ้นหวังมากเพียงใด...
ลู่เจาเจาจับมือเย็นเฉียบของนางไว้แน่น “อาหมาน อาหมาน!”
น้ำเสียงของนางฟังดูจริงจังมากกว่าปกติ!
“อาหมาน มองข้าสิ!”
“ไม่ต้องกลัว นางไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ยังมีพวกเรา!”
“ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าทำดีมากแล้ว” ตั้งแต่อาอู๋ตั้งท้อง อาหมานก็สนใจดูแลนางมากโดยตลอด แม้จะลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน นางก็จะยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
ทุกครั้งที่กินข้าว นางจะสังเกตว่าอาอู๋กินไปมากแค่ไหน บางครั้งที่อาอู๋รู้สึกกินข้าวไม่ลง อาหมานก็จะทำของว่างน่ากินๆ ไปให้อาอู๋ในตอนกลางดึก
ลู่เจาเจามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง
อาหมานที่ร้องไห้พยายามระงับความกลัวและพยักหน้าอย่างแข็งขัน “นางจะไม่ตายใช่หรือไม่”
ลู่เจาเจาพยักหน้า “ไม่แน่นอน ตราบใดที่มีข้าอยู่ที่นี่”
นางเหลือบมองอาหมานพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
พวกเขาทั้งสองรีบวิ่งไปที่เรือนของอาอู๋อย่างรีบร้อย โดยไม่มีเวลากางร่ม บรรยากาศในลานบ้านดูอึมครึมเล็กน้อย ขณะที่แม่นมกำลังอุ้มซ่านซ่านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เพื่อไม่ให้เขาวิ่งไปมา
ซ่านซ่านเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับมองไปที่ประตู เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างใน ดวงตาของเด็กน้อยจึงเริ่มแดงก่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...