“หากเป็นเช่นนั้น แล้วจะมีแดนเทพไปเพื่ออะไร” นางพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมลอยหายไปกับสายลมพัดผ่าน
การอธิษฐานขอฝนกินเวลาจนถึงกลางคืน แต่ราษฎรยังคงคุกเข่าไม่ยอมไปไหน
เสียงสะอื้นที่เคยแผ่วเบากลับกลายเป็นเสียงร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
“สวรรค์ โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด...”
“ขอให้ฝนตกลงมาสักครั้ง ขอร้อง...”
“พวกเราทำอะไรผิด ทำอะไรผิดไป…” ราษฎรมากมายยังคงคุกเข่าพลางร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนพื้น
หลังจากนั้นไม่นาน หน้าผากของพวกเขาก็ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด
ลู่เจาเจาที่ไม่ได้กินข้าวมื้อเย็น เอาแต่นั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ
ความโกรธในใจของนางถึงขีดจำกัดแล้ว
ไม่ยุติธรรมต่อมนุษย์เลยสักนิด!
แม้ว่าจะปิดหน้าต่าง แต่เสียงโหยหวนและสิ้นหวังนั้นยังดังก้องอยู่ในหู
พวกเขาแค่อยากมีชีวิตรอด
“เจ้าบ้า ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” ลู่เจาเจาตะโกนขึ้นฟ้าด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ได้ยินหรือเปล่า เจ้าได้ยินที่พวกเขาขอร้องหรือไม่”
“ทำไม ทำไมชะตากรรมของโลกมนุษย์ถูกเหล่าทวยเทพควบคุม! มนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย ชีวิตช่างแสนสั้นนัก”
“พวกเขาขี่เมฆหมอกไม่ได้ ถมทะเลภูเขาก็ไม่ได้ แถมไม่ได้มีอายุยืนยาวเหมือนกับเทพเจ้าด้วยซ้ำ”
“พวกเขาพึ่งพาสองมือสองเท้า หันหลังสู้ฟ้า ก้มหน้าสู้ดิน ตรากตรำทำงานเพื่อเอาชีวิตรอด!”
“แค่นี้พวกเขาก็เจียมตัวมากแล้ว เหตุใดยังต้องลำบากกันอีก”
“ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!”
“คิดแต่จะสุขสบาย หากไม่มีพวกเขา ยามที่สามดินแดนล่มสลายกลับนำชีวิตมนุษย์ไปสังเวย มีสิทธิ์อะไรกัน!” หันชวนเพียงแค่อยากบีบให้มนุษย์ค่อยๆ ก้าวไปสู่ความตายต่างหาก!
เรื่องราวร้อยเรียงกัน ทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติและปัญหาที่ซ่านซ่านสร้างขึ้นมา เขาไม่คู่ควรเป็นเทพเจ้า!
“พวกเขาคือมนุษย์ ไม่ใช่วัวไม่ใช่ม้า!!”
เด็กหนุ่มยืนเคียงข้างนางและฟังคำก่นด่าอย่างเงียบๆ
“เจ้าได้ยินเสียงร้องไห้หรือไม่ ได้ยินเสียงอธิษฐานหรือไม่”
“เจ้าคือเต๋าสวรรค์ เจ้าควรปกป้องสรรพชีวิตทั้งหมด ได้ยินข้าหรือไม่”
“พวกเขาก็เป็นประชาชนของเจ้าเหมือนกัน…” ลู่เจาเจาเอ่ยถามด้วยดวงตาแดงก่ำ
เด็กหนุ่มพลันคุกเข่าลงและกอดเจาเจาไว้อย่างแผ่วเบา “เจาเจาคิดว่ามันไม่ยุติธรรม ใช่หรือไม่”
ลู่เจาเจาพยักหน้ารับทั้งๆ น้ำตาเอ่อคลอ
“มนุษย์อ่อนแอเกินไป” เหล่าวิญญาณอยากมายังโลกมนุษย์เพื่อขอปันน้ำแกงข้นสักถ้วย (อุปมาถึงขอส่วนแบ่งผลประโยชน์) แดนเทพก็อยากได้มนุษย์ไปสังเวย เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ!
พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากโลกนี้แม้แต่น้อย แต่กลับต้องแบกรับความผิดชอบเอาไว้
มองเห็นพระภิกษุ สามเณรแคว้นฟั่นต่างพากันสวดมนต์ภาวนาเพื่อประชาชนตลอดทั้งคืน
มองเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์และฮ่องเต้ซีเย่ว์ประสานสิบนิ้วเข้าหากัน และยืนอยู่บนกำแพงเมืองมองดูทุกชีวิต
และมองเห็นเป่ยเจา
เจ้าหน้าที่กำลังเปิดโกดังเสบียง มีชาวบ้านยืนเรียงแถวรับเสบียงบรรเทาภัยพิบัติอย่างเป็นระเบียบ
ทั้งยังได้ยินเสียงเด็กชายเด็กหญิงกำลังอ่านหนังสือในแดนเป่ยเจาอีกด้วย
ในหมู่พวกเขา เดิมทีเด็กสาวคนนั้นมีนามว่าเจาตี้ และต่อมานามว่าอวี้เจินกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่างพร้อมกับหนังสือในมือพลางส่ายหัวไปมา ขณะที่แม่ของนางกำลังเย็บรองเท้าอยู่ใต้แสงตะเกียง พร้อมกับมองนางเป็นครั้งคราวอย่างอบอุ่น
คำอธิษฐานมากมายดังก้องในหูของนางอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ร้องขอต่อเทพธิดา
แต่ร้องขอต่อสวรรค์
'สวรรค์โปรดส่งน้ำฝนและนำค้างมาช่วยสิ่งมีชีวิตนับหมื่นบนโลกด้วยเถิด'
'โปรดส่งฝนลงมากอบกู้โลกด้วยเถิด...'
ทั้งๆ ที่ลู่เจาเจานั่งอยู่ในบ้าน แต่กลับเหมือนยืนอยู่บนเมฆและมองเห็นสรรพชีวิตทั้งหมด
นางมองผู้คนด้วยความเมตตาและพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา “ต้องมีฝนตก…”
ทันทีที่เสียงเบาลง...
แสงสีขาวสุกใสพลันตัดผ่านความมืดมิด ขจัดหมอกควันและมีเสียงฟ้าร้องดังก้องดังขึ้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...