เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1356

ลู่เจาเจามองเขาด้วยแววตาที่คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม จนซ่านซ่านตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่น

“ข้าก็แค่ถาม... ถามเฉย ๆ มิได้พูดอะไรเสียหน่อย” พูดจบก็เผ่นแน่บไปอย่างลนลาน

ลู่เจาเจาเบ้ปาก “ฝันหวานไปเถอะ”

ทุกคนในตระกูลหรงต่างวุ่นวายกันจนฟ้ามืดค่ำกว่าจะได้กลับเข้าจวน แม้จะเหน็ดเหนื่อยกันทั่วหน้า แต่ก็มีรอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้า

ถึงแม้จวนยังคงไว้ทุกข์ แต่บรรยากาศภายในกลับพลิกผันจากอึมครึมกลายเป็นสดใสร่าเริง

เหล่าบ่าวไพร่ต่างสงสัยใคร่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น จึงพยายามไต่ถามจากเติงจือและคนสนิท แต่ก็มิได้รับคำตอบแต่อย่างใด

“ท่านผู้เฒ่าอายุขนาดนี้ถือว่าอายุยืนมากแล้ว นายหญิงใหญ่คงทำใจได้แล้วกระมัง พวกเราเป็นคนรับใช้ ก็ได้แต่หวังว่านายหญิงใหญ่กับฮูหยินจะมีความสุขดีมิใช่หรือ?” เติงจือพูดอย่างรัดกุม ทุกคนก็เลยเลิกคาดเดา แต่ละวันก็ทำงานอย่างสบายใจขึ้นมาก

ตระกูลหรงยังคงไว้ทุกข์ให้คนภายนอกเห็น แต่ภายในจวนกลับคืนสู่ความสงบสุขดังเดิม

รุ่งเช้าวันต่อมา ฮ่องเต้เซวียนผิงตื่นแต่เช้าตรู่ รีบเรียกลู่เจาเจาเข้าวัง

ขันทีปิดประตูห้องโถง ฮ่องเต้เซวียนผิงก็เดินเข้ามาถามด้วยความสนิทสนมว่า “เจาเจา ได้ยินมาว่าเจิ้นกั๋วได้ทำงานในแดนปรภพงั้นหรือ? เรื่องนี้จริงหรือไม่?”

ลู่เจาเจาแกว่งขาเล็ก ๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ หยิบขนมขึ้นมากินอย่างสบายอารมณ์

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ได้ดูแลแถบนี้พอดี”

ฮ่องเต้เซวียนผิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจาเจา...เจ้าดูสิ ถึงเราจะไม่ได้เป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ แต่ก็เหมือนพ่อลูกแท้ ๆ ใช่หรือไม่?”

ลู่เจาเจามองเขาอย่างเฉยชา ทำเอาฮ่องเต้เซวียนผิงใจแป้วขึ้นมาทันที

โอ๊ย เด็กน้อยยังไม่ถึงเจ็ดขวบเลยแท้ ๆ แต่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรนางไม่ได้เลย ทำเอาฮ่องเต้เซวียนผิงถึงกับหน้าแดงก่ำ…

“เสด็จพ่อฮ่องเต้ ท่านมีชีวิตอยู่ก็เป็นถึงฮ่องเต้ผู้สูงส่งแห่งมนุษย์ หลงใหลในอำนาจมากเกินไป ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะเพคะ...”

ฮ่องเต้เซวียนผิง “...”

โดนเด็กน้อยสั่งสอน มันช่าง…

“แท้จริงแล้วเรามิใช่ว่าหลงใหลในอำนาจ...เพียงแต่…” ฮ่องเต้ผู้ทรงบัญชาเหนือหัวขุนนางทั้งปวง บัดนี้คำพูดกลับติดขัดเล็กน้อย

“หากท่านปรารถนาจะเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งไว้ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เปิดบัญชีไว้ก่อน”

“ท่านอาจจะไปเปิดบัญชีกับฮ่องเต้เฟิงตูหรืออ๋องตี้ฉาง พระโพธิสัตว์ แล้วพับเงินก้อนทองคำเยอะ ๆ ต้องพับเองกับมือด้วยล่ะ ตายไปแล้วจะได้ใช้สบาย...”

ฮ่องเต้เซวียนผิงจดจำคำพูดนี้ไว้ทันที

“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดเจ้า เดี๋ยวไปเลือกของมีค่าที่คลังสมบัติส่วนตัวของเราได้ตามใจชอบ” ฮ่องเต้เซวียนผิงโบกมืออย่างใจกว้าง ลู่เจาเจาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ราวกับหนูตกถังข้าวสาร

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อฮ่องเต้ เสด็จพ่อฮ่องเต้ช่างเป็นคนดีจริง ๆ…” กล่าวจบก็รีบร้อนเร่งเร้าขันทีให้พาไปยังคลังสมบัติ

ฮ่องเต้เซวียนผิง “...”

ในวันเกิดครบเจ็ดขวบของลู่เจาเจา ทางวังส่งคนมาอวยพรด้วยตัวเอง ท่านตาท่านยายตระกูลสวี่ก็ลางานมาแต่เช้า รวมถึงครอบครัวขององค์หญิงใหญ่ ครอบครัวของอ๋องจิ้งซี และครอบครัวอื่น ๆ ที่สนิทกับตระกูลลู่

ถึงจะไม่ได้จัดงานใหญ่โต แต่แขกที่มาร่วมงานก็แน่นขนัดจนเต็มโต๊ะเจ็ดแปดโต๊ะ

แม้ตัวจะอยู่ไกลถึงชายแดน ลู่เจิ้งเย่ว์ก็ยังสั่งให้คนนำของขวัญวันเกิดมามอบให้ถึงเมืองหลวงตั้งแต่เนิ่น ๆ

“คุณชายรองเขียนจดหมายมาบอกว่า ฮูหยินรองตั้งครรภ์แล้วเจ้าค่ะ!!” ลู่เจิ้งเย่ว์แต่งงานกับเวินหนิงมาได้หนึ่งปี ทั้งสองรักใคร่กลมเกลียวกันดี บัดนี้มีทายาทสืบสกุลยิ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดี

“ดี ดีมาก ข่าวดีมาพร้อมกันถึงสองเรื่อง” สวี่สืออวิ๋นปลื้มปริ่มยินดีนัก

บิดามารดาของเวินหนิงได้ฟังข่าวก็ล้วนปลาบปลื้มใจ แต่ความกังวลในใจยังไม่ทันได้เอ่ยออกมาก็ได้ยินสวี่สืออวิ๋นเอ่ยขึ้นว่า “เติงจือ รีบไปเปิดห้องเก็บของ นำยาบำรุงชั้นดีทั้งหมดในจวนส่งไปชายแดน ไม่ว่าจะหายากราคาแพงแค่ไหน ต้องให้หนิงเอ๋อร์และลูกปลอดภัย”

“สตรีคลอดบุตรเปรียบเสมือนผ่านประตูผี ประมาทมิได้แม้แต่น้อย”

“ในจวนเรามีโสมพันปีอยู่ต้นหนึ่ง ส่งไปให้หนิงเอ๋อร์เสีย” โสมร้อยปีในท้องตลาดยังพอหาได้บ้าง แต่โสมพันปี แม้แต่ผู้สูงศักดิ์ในวังก็ยังหาได้ยากยิ่ง

ในปีที่ฮองเฮาทรงประสูติ ได้มาซึ่งโสมพันปีเพียงแค่ต้นเดียว จนบัดนี้ก็ผ่านมานับสิบปีแล้ว

บิดามารดาของตระกูลเวินรีบลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ โสมพันปีนั้นหาค่ามิได้ นับเป็นของวิเศษล้ำค่า

“บ่าวจะรีบไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ โสมต้นนั้นงอกงามจนมีลักษณะคล้ายทารกน้อย คาดว่าสรรพคุณคงจะวิเศษยิ่งนัก” เติงจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม หวังให้บิดามารดาของตระกูลเวินคลายกังวล

สวี่สืออวิ๋นเอียงกายมากระซิบว่า “เดี๋ยวข้าจะให้คนไปเก็บบงกชทองเก้าโคจรมาฝากอาหนิงด้วย ท่านทั้งสองโปรดวางใจเถิด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์