หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 29

สรุปบท ตอนที่ 29: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์

อ่านสรุป ตอนที่ 29 จาก หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ โดย Jaroen

บทที่ ตอนที่ 29 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติกโบราณ หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Jaroen อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ผ่านไปครู่หนึ่งสวี่ซื่อก็วางพู่กันลงแล้วคุกเข่าลงไปอีกครั้ง

ขันทีจึงยกพู่กันกับหมึกออกไป

เซวียนผิงตี้เห็นตัวอักษรขนาดใหญ่แปดตัวบนกระดาษก็นิ่งเงียบไปอยู่นาน

ผู้เฒ่าสวี่มีผมและเคราที่ขาวไปหมด ถึงแม้เขาจะเป็นขุนนางทางบุ๋น แต่ก็เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี เขานั่งคุกเข่าอย่างอกผายไหล่ผึ่งอยู่บนพื้น

เดิมที่ตั้งปณิธานไว้ว่าจะใช้ความตายพิสูจน์ตนเอง

แต่เมื่อเห็นฝ่าบาทเรียกลูกสาวเข้ามา ผู้เฒ่าสวี่ก็หลั่งน้ำตาออกมาหยดหนึ่ง

“ฝ่าบาท กระหม่อมยอม...” ยังไม่ทันได้ยอมรับสารภาพผิดจนจบ

เซวียนผิงตี้ก็หัวเราะเสียงดังออกมาอย่างมีความสุขและปรบมือให้ “ดี! ดีมาก! ช่างเป็นคำที่ดีมาก ใต้หล้าสงบสุขไร้ซึ่งความวุ่นวาย”

“ยอดเยี่ยมมาก!” เซวียนผิงตี้ยืนขึ้นข้างหลังโต๊ะ แล้วเดินลงบันไดหยกลงมา

ก่อนจะก้าวเข้าไปประคองผู้เฒ่าสวี่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นขึ้นมาด้วยตัวเอง

“ท่านราชครู เป็นข้าเองที่มองท่านผิดไป ตระกูลสวี่ของท่าน จงรักภักดีต่อเป่ยเจามาหลายชั่วอายุคน แม้แต่ลูกสาวในจวนก็อุทิศทุกอย่างเพื่อเป่ยเจา” เซวียนผิงตี้รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก

“คนที่มารายงานให้ร้ายตระกูลสวี่ สมควรถูกลงโทษ!” ใบหน้าของเซวียนผิงตี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังเล็กน้อย

ขันทีที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ยื่นหนังสือเลือดเข้ามาให้ “นี่คือของที่ขุดมาได้ที่ตระกูลสวี่”

ผู้เฒ่าสวี่คานตัวลุกขึ้นมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา และมองคำทุกคำที่เขียนด้วยเลือดด้วยความตะลึงทันที

ด้านบนเป็นพระไตรปิฎกที่คัดลอกด้วยเลือด มองดูแล้วเห็นถึงความศรัทธาอันแรงกล้า รวมไปถึงวลีที่กล่าวเมื่อครู่นี้ด้วย และยังเขียนอีกว่ายอมใช้อายุขัยสามสิบปีที่มีแลกกับความสงบสุขของเป่ยเจา ขอให้ฝ่าบาททรงมีพระอนามัยแข็งแรงและมีพระชนม์อายุยืนยาว

ที่มุมกระดาษยังเขียนด้วยว่าจากลูกหลานทั้งหมดของตระกูลสวี่

ลายมือของแต่ละคนก็แตกต่างกันมาก และทุกชื่อที่ลงนามก็มีรอยนิ้วมือที่เปื้อนเลือดประทับเอาไว้

พระองค์ลงไปประคองสวี่อี้ถิงขึ้นมาอีกคน

สวี่อี้ถิงก็คือลูกชายคนโตของตระกูลสวี่ และเป็นพี่ชายคนโตแท้ ๆ ของสวี่สืออวิ๋น

“ทำให้ขุนนางสวี่ได้รับความอยุติธรรมเสียแล้ว” อารมณ์ของฮ่องเต้ดูเหมือนจะดีมาก เดิมที่ตระกูลสวี่ก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงอยู่แล้ว พระองค์จึงกลัวตระกูลสวี่เล็กน้อย แต่ในตอนนี้ความรู้สึกนั้นอยู่ ๆ ก็มลายหายไปแล้ว

เขาตบไหล่สวี่อี้ถิงเบา ๆ “ตระกูลสวี่จงรักภักดีต่อเป่ยเจา แม้แต่สวรรค์ก็สามารถเป็นพยานให้ได้ ใครก็ได้ พระราชทานตำแหน่งสมุราชเลขาธิการให้ขุนนางสวี่หนึ่งตำแหน่ง พรุ่งนี้ให้เข้ารับตำแหน่งได้ทันที!”

สวี่อี้ถิงที่เคยมีใบหน้าที่เย็นชาและเงียบขรึมเป็นที่สุดคนนั้น ในตอนนี้กลับคุกเข่าและพูดอย่างเสียงดัง “กระหม่อม จะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวังอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

“ดีมาก” ฮ่องเต้มีใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ

“แม้ว่าสวี่ซื่อจะเป็นสตรีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แต่จิตใจกับเป็นห่วงเป็นใยต่อเป่ยเจา จึงขอแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็นฮูหยินตราตั้งขั้นสาม มารับราชโองการเถอะ” ฮ่องเต้ทรงชอบอย่างยิ่งกับประโยคที่ว่าจะขอใช้อายุขัยสามสิบปีเพื่อแลกเปลี่ยนกับความสงบสุขและสุขภาพแข็งแรงนั้นมาก

ลู่เจาเจาที่พึ่งหูฟังอยู่ข้างนอกประตู [ฮ่า ๆ ๆ ๆ พ่อเลวนั้นพยายามมากว่าสามสิบหกปีแล้ว และอาศัยร่มเงาของบรรพชนแต่ก็ได้แค่ตำแหน่งขุนนางขั้นสี่เท่านั้น]

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์