“นางกับราชบุตรเขยแต่งงานกันมาสิบกว่าปีแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีลูกด้วยกันสักคน จึงอยากให้ราชบุตรเขยรับสาวใช้ในเรือนหรือไม่ก็รับอนุมาสักคน เพื่อคลอดลูกออกมาแล้วเอาไว้เลี้ยงดูข้างกาย ก็ถือว่าได้มีทายาทแล้ว” แม้ว่าจะเป็นถึงองค์หญิง แต่ข้างกายไม่มีลูกสักคน ก็รู้สึกทุกข์ทรมานอยู่
เสี่ยวเจาเจานึกถึงหญิงสาวที่อ่อนโยนคนนั้นเมื่อตอนอายุครบเดือน มดลูกของนางมัวหมอง และถูกกำหนดชะตากรรมแล้วว่ามีบุตรไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ
สวี่ซื่อไม่ได้ตอบอะไร นางรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งตารอที่จะมีลูกของตัวเองมากแค่ไหน
เมื่อเข้าไปในตำหนัก เสียงร้องไห้ขององค์หญิงใหญ่ก็ค่อย ๆ เงียบลงไป
“รีบอุ้มลูกเข้ามาเร็วเข้า นางน่ะ กลับมาได้สามวันก็คิดถึงตลอดทั้งสามวัน รีบพานางมาให้ข้าดูหน่อยสิว่าเป็นเด็กทารกที่หน้าตาดีขนาดไหนเชียว” สวี่ซื่อเพิ่งจะทำความเคารพให้ ไทเฮาก็โปรดให้ลุกขึ้นนั่งเสียแล้ว
ไทเฮาเห็นองค์หญิงใหญ่ร้องไห้หนักจึงตั้งใจเปลี่ยนบทสนทนา
ใครจะรู้ว่าพออุ้มลู่เจาเจาขึ้นมา นางก็ต้องตะลึงค้างไปทีเดียว
“เด็กคนนี้ระหว่างคิ้วมีแต้มแดงด้วย นี่แต้มสีไว้งั้นหรือ?” นางสัมผัสจุดแดง ๆ ระหว่างคิ้วของลู่เจาเจา
หลังจากสวี่ซื่อทำความเคารพเสร็จก็ยิ้มน้อย ๆ พร้อมกราบทูลไทเฮาว่า “ไทเฮาเพคะ เด็กที่เพิ่งจะครบเดือน ไหนเลยจะทาสีแดงให้นางได้ เด็กคนนี้คลอดออกมาก็มีสีแดงแต้มอยู่ระหว่างคิ้วแล้ว ตอนหม่อมฉันได้เห็นก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกันเพคะ”
“เด็กคนนี้มีแต้มแดงระหว่างคิ้ว มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าหน้าตาดูมีเมตตาเล็กน้อย หน้าตาแบบนี้ เกิดมาได้ดีมากเลย” ไทเฮาเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอดปลอกหุ้มเล็บออก แล้วยื่นมือเข้าไปหาลู่เจาเจา
เด็กน้อยอ้วนจ้ำม่ำชอบกินชอบดื่ม จึงตัวกลม ๆ ตุ้ยนุ้ย แถมยังถูกแต่งตัวด้วยสีสันสดใส ทำให้คนที่ได้มองชุ่มชื่นหัวใจ
ลู่เจาเจาโบกมือเล็กๆ ที่อ้วนๆ ของตัวเอง แล้วกระโจนเข้าไปหา
“ไอหยา พระนางระวังนะเพคะ” สวี่ซื่อถูกการกระทำของนางทำให้ตกใจ
เจ้าอ้วนตัวน้อยหนักไม่เบาเลยนะ
ไทเฮาเพิ่งจะถูกกลิ่นหอม ๆ ของเด็กทารกทำให้ลุ่มหลง และก็ถูกเด็กน้อยหอมแก้มไปอีกหนึ่งคำ แทะหน้าพระนางเข้าเสียแล้ว
สวี่ซื่อตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปและคุกเข่าดังตุบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์