“ตามหลักการแล้ว วิญญาณชั่วร้ายพวกนั้นหวาดกลัวบัณฑิตที่อ่านตำรามาก ลู่จิ่งไหวก็เป็นหนึ่งในผู้โดดเด่น ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้กัน?”
ลู่จิ่งไหวปีนี้อายุครบสิบเจ็ดปี เป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมขบวน
ลู่เจาเจานั่งอยู่บนเตียง ถือแอปเปิ้ลเอาไว้ ฟันบนของนางโผล่มาสีขาวมันวาวขนาดเท่ากับเมล็ดข้าว
ฟันน้ำนมยังไม่ทันงอกออกมาจนหมด นางมักจะใช้ฟันน้ำนมเล็กๆ น่าสงสารซี่นี้ ขูดบดแอปเปิ้ลกิน
[แน่นอนเป็นเพราะว่าเขาลอกเลียนท่าทางของพี่ชาย…]
สองแม่ลูกพากันตกตะลึงไป
[พี่ใหญ่ก่อนจะมีอายุครบแปดขวบ ก็มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองหลวง ไม่ว่าใครก็เอาชนะชื่อเสียงของพี่ใหญ่ไปไม่ได้ แต่พี่ใหญ่เป็นอัมพาตไปไม่ถึงสองปี เขาก็มีชื่อว่าเป็นอัจริยะตัวน้อยขึ้นมา แม้แต่เด็กอายุสิบขวบที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีความรู้ ก็ล้วนแต่ลอบขโมยเอาคำตอบของพี่ใหญ่]
ลู่เจาเจาตีปาก เพราะว่าเขาไม่คู่ควรกับชื่อว่าอัจฉริยะ!
สีหน้าของสวี่ซื่อเคร่งขรึมขึ้น!
จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ยังมีคนนำพี่ใหญ่ในปีนั้นมาเปรียบกันกับลู่จิ่งไหวอีก
ทุกคนต่างก็เรียกพวกเขาว่าพรสวรรค์ทั้งสองของสกุลลู่
ทุกครั้งที่พูดถึงพี่ใหญ่ ทุกคนต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความเสียดาย น่าเสียดายคนที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถเช่นนี้ กลับกลายเป็นคนพิการเสีย
แล้วก็จะมาชื่นชมลู่จิ่งไหวแทน
ให้ลู่จิ่งไหวเหยียบพี่ใหญ่เขาขึ้นสู่ที่สูง
“ท่านแม่ วิชาที่ลูกเรียนในวันนี้ยากเป็นอย่างยิ่ง อยากจะยืมตำราและบทความเก่าๆ ที่พี่ใหญ่ใช้ ท่านรู้หรือไม่ว่าอยู่ที่ใด?” ลู่หยวนเซียวกระแอมออกมาเบาๆ แสร้งถามออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
สวี่ซื่อเม้มริมฝีปาก “ในปีนั้นหลังจากที่พี่ใหญ่ของเจ้าเกิดเรื่องขึ้น หลังจากที่อดทนต่อทุกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว บิดาของเจ้า ก็ส่งคนมาช่วยย้ายมันออกไป”
[รู้ว่าคงจะขนไปให้ลู่จิ่งไหวนานแล้ว ฮึ่ม!] สองมือของลู่เจาเจาจับแอปเปิ้ลลูกใหญ่เอาไว้ไม่ได้ ใหญ่เสียยิ่งกว่าแก้มของนางอีก
“ว่าไปแล้ว ก็นานมากแล้วที่ไม่พบพี่ใหญ่ของเจ้า” สีหน้าของสวี่ซื่อดูเศร้าสร้อยไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
อ้าว ลงไม่จบอีกแล้ว...
สนุกมากค่ะ...
โอ๊ยสนุกค่ะ อัพเยอะๆเลยนะคะเรื่องนี้...
ขอบคุณสนุกมากค่ะ...